ล้างไพ่ใหม่-ต้องปรับครม.
จุดยืนสามมิตร
หนุน‘บิ๊กป้อม’หน.พปชร.
'สมศักดิ์'อวยพรปีใหม่มีจุดแข็ง
ดัน‘อนุชา’เหมาะนั่งเลขาฯ
ยัน‘สมคิด’ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม
เพื่อไทยเมินร่วมสังฆกรรม
แกนนำสามมิตร “สมศักดิ์” เปิดใจจุดยืน ยันพปชร.เดินหน้าปรับโครงสร้างเพื่อก้าวสู่พรรคอันดับ 1 โยงการปรับครม. ขอคนในพรรคหยุดทำความเสื่อมชู “บิ๊กป้อม” เหมาะนั่ง “หัวหน้า” อ้างมีจุดแข็งเยอะดัน“อนุชา”เหมาะเลขาฯพรรค ด้าน“สมพงษ์”ยัน“เพื่อไทย” ไม่ร่วมรัฐบาลกับ พปชร. ไม่ทรยศ ปชช. ลั่นหากเป็นหน.จะขวางเต็มที่ เชื่อคนปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิต หวังต่อรองผลประโยชน์กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ กกต.ย้ำพปชร.ประชุมเลือกกก.บห.ใหม่เสร็จต้องแจ้งใน 15 วัน
เมื่อเวลา 12.00น.วันที่ 3มิถุนายน ที่ร้านอาหารกินเส้น สนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตรและสส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จำนวน 18คน ว่า พรรค พปชร.เป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้ที่จริง ยังไม่ใช่พรรคที่มีเสียงสส.มากที่สุดในสภา แต่เมื่อได้รับโอกาส เป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉงและมุ่งมั่น เพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง การปรับปรุงองค์ประกอบของพรรคคือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น จะนำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป ดังนั้น การปรับปรุงพรรคจะเกิดขึ้นไปได้เรื่อยๆซึ่งเป็นธรรมชาติของพรรคที่มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น สามารถรับมือสถานการณ์ต่างๆได้
“การปรับโครงสร้างทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่า ผู้บริหารเดิมไม่สามารถกลับมาได้อีก บุคคลที่เข้าใจชาวบ้าน เข้าใจชาวชนบท เข้าใจ สส.ย่อมได้รับคะแนนนิยมในพรรค ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคหรือประธานยุทธศาสตร์ของพรรคสามารถกลับเข้ามา เป็นผู้บริหารสูงสุดของพรรคได้อีกเช่นกัน การลาออกของ กก.บห.เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้วและกำลังจะถูกเจียระไนให้มีมูลค่าสูงขึ้น”นายสมศักดิ์ กล่าว
ขอคนในพรรคหยุดทำความเสื่อม
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวขอฝากสมาชิกของพรรค พปชร.ทุกคน หยุดในสิ่งที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคมซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมืองและอาจเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม ซึ่งปกติแล้ว สส.ของพรรคจะมีข้อมูลของประชาชนในพื้นที่อยู่มากแล้วเราสามารถใช้โอกาสนี้ไปรับฟังเพิ่มเติมว่าข้อมูลที่มีอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน อย่างไร แล้วนำกลับมาช่วยกันสร้างนโยบายพรรคที่ส่งผลดีต่อประชาชนอย่างแท้จริง ในห้วงเวลาการปรับเปลี่ยนผู้บริหารนี้ จะทำให้เราได้นโยบายเก่าผสมใหม่ที่ดี ถูกใจพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เราต้องการคือ การเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศก็จะอยู่ไม่ไกล
ชู“บื๊กป้อม”เหมาะสมหัวหน้าฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีหลายกลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างพรรค ทุกคนมีโอกาสเข้ามาทำงานใหม่ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง และใครที่เข้าใจและนำเสนอในส่วนที่เราสามารถตอบสนองให้กับประชาชนและประเทศชาติ คนนั้นจะได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร หรือใครก็ตามเป็นไปได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าตนกำลังฟังอยู่ว่าท่านใดที่ตอบสนองความต้องการของสังคมและพี่น้องประชาชนได้ดีซึ่งพล.อ.ประวิตรก็มีจุดแข็งในการที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอให้รัฐบาลอาจเป็นสายที่จะสัมพันธ์และมีการสื่อสารที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา เราอยากให้พรรคของเราเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับก็ต้องปรับทุกแนวทาง
อ้าง”พล.อ.ประวิตร”มีจุดแข็งเยอะ
เมื่อถามถึงกรณีมีการมองว่าจุดอ่อนของ พล.อ.ประวิตรถ้าเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคจะถูกมองว่าเป็นรัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเลือกของสมาชิกพรรคไม่ใช่มีแค่ส.ส.เพียงอย่างเดียว อาจมีตัวแทนพรรคในระดับจังหวัด ตัวแทนสาขาพรรค สส.และพี่น้องประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคมาเลือก จึงอยู่ที่คนส่วนรวม ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สส.อาจจะเลือก พล.อ.ประวิตร ตนไม่ทราบ มันเป็นการเลือกของคนส่วนรวม ในตัว พล.อ.ประวิตร มีจุดแข็งหลายจุด วันนี้อาจไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ตามใจทั้งหมด เพราะไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ย้ำสมคิดพูดชัดไม่ได้เป็นสามมิตร
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นายสมศักดิ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้ผู้บริหารพรรคต้องเลือกไปตามแนวทางหรือแนวนโยบายที่เราคิดหรือดำเนินการ มองว่าประชาชนเป็นเป้าหมายที่ตนปรารถนาต้องการให้เขามีความสุข เมื่อถามย้ำว่าส่วนนายสมคิด ที่มีท่าทีน้อยใจนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสมคิด เคยพูดในสภาว่าไม่ได้เป็นสามมิตร แล้วจะเอาท่านมาเกี่ยวกับสามมิตรได้อย่างไร ที่สำคัญเราได้สลายสามมิตรไปแล้ว
รับปรับโครงสร้างใหม่โยงปรับครม.
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลง กก.บห.ครั้งนี้ ถูกโยงไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมศักดิ์ กล่าวว่าแน่นอน อาจเป็นเช่นนั้น เพราะโครงสร้างของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้แบ่งโควตากระทรวงต่างๆให้แต่ละพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเหล่านั้นต้องไปดูแต่ละกระทรวงให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่บางส่วนที่ไม่อาจตอบสนองประชาชนได้ ต้องอาศัยโควต้ากลางที่มีอยู่ ขอเรียนว่าตนดีกับทุกคน ไม่เป็นปัญหา ที่ทำการเมืองมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะต้องการให้ประชาชนที่เราไปบริหารในกระทรวงนั้นมีความสุขและเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ตั้งพรรคใหม่อกแตก-อยู่ครบเทอม
ส่วนกรณีเกิดการปรับเปลี่ยนแล้วทำให้คนบางกลุ่มในพรรคไม่พอใจ จนไปตั้งพรรคใหม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงขาดใจตายก่อนเพราะรัฐบาลเดินมา 1ปี ดังนั้น กว่าจะเลือกตั้งก็อีก 3ปี เชื่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และรวม.กลาโหม จะอยู่ครบ 4 ปีเนื่องจากกระแสความนิยมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯที่สามารถชี้แจงและตอบปัญหาของประชาชนและส.ส.ในสภาได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นนายกฯที่ขยันที่สุดตั้งแต่ตนได้ทำงานการเมืองมา
เมื่อถามว่า กก.บห.ที่ยื่นลาออกความจริงมีมากกว่า 18คนหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องเทคนิคทางกฎหมาย เพราะกึ่งหนึ่งคือ 17 คน ดังนั้น แค่ 18 คน ก็เพียงพอแล้ว ถ้าออกเกือบหมด ก็ดูเหมือนไม่ให้กำลังใจกัน เพราะแต่ละคนที่บริหารมา ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้นขออย่านำตัวเลขไปวิเคราะห์ เพราะผิดหมด
บิ๊กป้อมไม่อยากเป็น/ลูกพรรคขอร้อง
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพล.อ.ประวิตรถูกวิจารณ์ในด้านความโปร่งใสเช่นกรณียืมนาฬิกาเพื่อน หากได้เป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้พรรค พปชร.ได้หรือเสียมากกว่ากัน นายสมศักดิ์กล่าวว่าผู้มีสิทธิ์เลือกกก.บห.ชุดใหม่ ต้องมองในภาพรวมว่าพรรคจะได้ประโยชน์อย่างไร จุดแข็งก็มีตามที่ได้บอกไว้ข้างต้น
“ดูแล้ว พล.อ.ประวิตร ไม่ได้อยากเป็น ถ้าจะเป็นก็เพราะสมาชิกร้องขอมากกว่า ถ้าคนไม่อยากเป็นแต่จำเป็นต้องเป็น ก็คงไม่อยู่ถึง 5 ปี เป็นเรื่องที่เราจินตนาการไป ท่านอาจเป็นเพื่อสร้างบรรทัดฐานอะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าทุกอย่าง คงไม่ได้สมหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ อะไรที่เป็นส่วนดีมากกว่า อย่าไปคิดว่าทุกอย่างดีเลิศร้อยเปอร์เซ็นต์”นายสมศักดิ์ ย้ำ พร้อมยอมรับว่าที่มีการวิเคราะห์ว่านายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกทั้งหมด สุดท้ายต้องมีทั้งคนที่สมหวังและผิดหวัง
‘สมพงษ์’ปัดร่วมสังฆกรรมพปชร.
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหาร (กก.บห.)พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้ปรากฏทั้งข่าวลือ ข่าวปล่อย ถึงการจับขั้วรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีกระแสข่าวเกี่ยวพันถึงพรรค พท.ว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคขอชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่คลุมเครือ ทั้งนี้ พรรค พท.ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นการร่วมทำงานกับพรรคใด ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้องชอบธรรมของที่มา พรรค พท.ปฏิเสธการเข้าสู่อำนาจที่ไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยและปฏิเสธการได้อำนาจมาด้วยวิธีที่คำนึงถึงแต่ประโยชน์เฉพาะตน
‘ผมคิดว่าข่าวลือที่ปล่อย เพื่อหวังผลดิสเครดิตพรรค พท.เป็นการกระทำที่มุ่งหวังในการต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง โดยหวังอาศัยส่วนประกอบและเงื่อนไขต่างๆเป็นเครื่องมือเพื่อเอื้อประโยชน์แก่การจัดสรรอำนาจของพวกตนเองเพื่อให้ผลประโยชน์และอำนาจลงตัวกันเท่านั้น ดังนั้นผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคว่า ไม่ว่าใครผู้ใดจะอ้างเป็นตัวแทนพรรคไปเจรจาใดๆ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ผมยืนยันจะไม่นำพรรคไปกระทำการใดๆที่ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนและหลักการประชาธิปไตยเป็นอันขาด’ นายสมพงษ์ กล่าว
กกต.ชี้พปชร.เลือกเสร็จแจ้งใน15วัน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า กรณี กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ ลาออก 18คน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1มิ.ย.2563 เป็นเหตุให้จำนวนกก.บห.ว่างลงเกินกึ่งหนึ่งของกก.บห.พรรคทั้งหมด ทำให้กก.บห.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามข้อบังคับพรรคและต้องเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ภายใน 45วันนั้น ถือเป็นเรื่องภายในพรรคที่ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรค ส่วนจะประชุมได้หรือไม่ในสถานการณ์โควิด-19ระบาดนั้น ขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะจัดประชุมได้หรือไม่ ซึ่ง กกต.ไม่ได้เข้าไปกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เพียงแต่หลังประชุมเสร็จ ต้องรายงานต่อ กกต.ให้ทราบภายใน 15วันเพื่อให้ดำเนินการด้านธุรการ ทั้งการตรวจสอบและการส่งลงประกาศในราชกิจานุเบกษาต่อไป
‘เทพไท’จี้วิปรบ.ตั้งกมธ.สอบพ.ร.ก.กู้เงิน
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของวิปรัฐบาลที่ยินยอมให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน3ฉบับว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลได้ฟังความเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้ พ.ร.ก.กู้เงินในครั้งนี้ สอดคล้องกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่ไม่ขัดข้องถ้าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาตรวจสอบ จึงทำให้การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมีความเป็นไปได้แล้ว ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ความโปร่งใสให้กับรัฐบาล และยังลดความขัดแย้งทางความคิดระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน จึงขอให้วิปรัฐบาลได้ดำเนินการประชุมหาข้อสรุปในเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว
“คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้มีความสำคัญ พรรคการเมืองต่างๆควรจะคัดสรรบุคคลมาทำหน้าที่และควรเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ด้านการเงินการคลัง ภาคประชาสังคม องค์กรต้านคอร์รัปชั่น ตัวแทนสื่อมวลชน เพื่อจะได้ตรวจสอบรายละเอียดของการใช้เม็ดเงินจำนวนมากให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และควรจะตั้งคณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดในทุกๆด้าน เช่น ตรวจสอบการเยียวยาจำนวน 44ล้านคน โครงการต่างๆในอีกหลายด้าน เพราะในรายละเอียดของ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง3ฉบับนั้น ไม่มีรายละเอียดโครงการเลย เหมือนกับการตีเช็คเปล่า ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ที่ต้องทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบรายละเอียดอย่างเข้มข้นต่อไป”นายเทพไท ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี