“ฝ่ายค้าน” ย้ำหนุนแก้รธน. มาตรา 256 ขีดเส้นไม่ควรเกิน 5 เดือน ดักทางส.ว.เสียสละเห็นแก่บ้านชาติบ้านเมือง ชี้ประชามติต้องทำ เสียเวลาก็ยอม
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า กมธ.ได้สรุปไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร. และเงื่อนไขเวลาที่ให้กระชับ ซึ่งวันนี้หลายพรรคก็ขานรับนำไปเป็นแนวทางที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การแก้มาตรา 256 อาจติดเงื่อนไขว่าต้องไปทำประชามติ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องหาเสียงส.ว.มารับรอง กระบวนการนี้คาดว่าจะให้เสร็จภายในกี่เดือน นายสุทิน กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากอยู่แล้ว การทำประชามติก็เป็นขั้นตอนที่เขียนไว้เพื่อให้เกิดความยุ่งยาก แต่ไม่ว่าจะยุ่งยากขนาดไหนก็ต้องทำ และไม่เชื่อเรื่องน่ารังเกียจ แม้จะเสียเวลาก็ยอม เสียเงินยิ่งดี ทั้งนี้ ตนแนะนำรัฐบาลวิธีการอัดฉีดเงินเ้าสู่ระบบ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี เลือกตั้งทุกครั้ง กระแสเงินจะหมุนเวียน และยิ่งการทำงประชามติจะช่วยให้รัฐบาลได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีด้วย เพราะการแจกเงินอย่างอื่นก็ยังแจกแบบไม่หวังผล แล้วจะถ้าจะอัดเงินเพื่อให้ได้ประชามติ ทุกคนได้ผลลัพธ์กันทั้งประเทศก็ควรทำ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการคิดว่าคงไม่ล่าช้า หากปรับวิธีการทำงานแบบใหม่ เพราะไทยมีประสบการณ์ และเรียนรู้มาหมด เพียงแต่วันนี้จะหยิบอะไรมาใช้ ถ้าจะทำให้เร็วก็ง่ายนิดเดียว
เมื่อถามว่า กมธ.ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญจะรายงานต่อสภาได้เมื่อใดถึงแนวทางแก้ไขมาตรา 256 นายสุทิน กล่าว่า สาระเราได้สรุปแล้ว นี่เป็นเพียงรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะรายงานต่อสภาภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หรือเร็วที่สุด ทั้งนี้ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 นี้ คิดว่าควรทำไม่เกิน 5 เดือน และคิดว่า ในสัปดาห์นี้พรรคการเมืองต่างๆคงจะยื่นเรื่อง รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ส่วนส.ว.จะเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรานี้ด้วยหรือไม่นั้น ถ้าเราไปคิดว่า ส.ว.เขาเห็นแก่ตัว เขาหวงอำนาจ แน่นอนว่า ส.ว.คงไม่ให้ความร่วมือ แต่ถ้าเราคิดว่า ส.ว.เห็นประโยชน์ของบ้านเมืองเหมือนกันคงฟังเสียงประชาชน และคิดว่า ส.ว.คงจะไม่ขัดขวาง โดยก่อนหน้านี้ตนไม่มีความหวังกับส.ว. แต่วันนี้เริ่มเห็นความหวังว่าเขาจะเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง และคิดว่าเขาคงจะเสียสละ ไม่รักษาประโยชน์ของตนเองจนไม่มองบ้านเมือง
เมื่อถามว่า จะสื่อสารกับนักศึกษาอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการยกระดับการชุมนุมจนต้องยุบสภาก่อนที่รัฐธรรมนูญจะได้รับการแก้ไข นายสุทิน กล่าวว่า เราไปชี้นำไม่ได้ เชื่อว่าเขามีความรู้ มีวิธีคิดของเขา ส่วนเราก็ทำหน้าที่ของเราไป อะไรที่เราตอบสนองได้ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมก็ทำ เช่น การยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิสิต นักศึกษาอาจจะมองว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และถ้าเงื่อนไขบรรลุแล้วเขาอาจจะสลายการชุมนุมไป หรือเขาอาจจะมองว่าเป็นปฐมบท การที่นักศึกษาจะถอยเลย เขาจะไว้วางใจได้หรือไม่ จึงอาจอยู่และต้องทวงถามไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปได้หลายวิธีการ
เมื่อถามว่า การที่พรรคการเมืองตั้งเงื่อนไขว่าจะร่วมหนือไม่ร่วมกับรัฐบาลในการแก้รัฐธรรมนูญควรตัดสินใจได้เมื่อใด นายสุทิน กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองจะได้แสดงจุดยืน และทิศทางของพรรคตนเอง เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สังคมทั้งจับตา และรอคอยความหวัง หากพรรคการเมืองใดจะใช้โอกาสนี้เลือกทางเดินของตัวเอง ใครที่จะเลือกอยู่กับรัฐบาลแล้วอยู่ต่อไปเพราะแนวทางตรงกัน หรือแนวทางไม่ตรงกันแล้วจะแยกตัวออกมาเช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่จุดนี้จะแสดงจุดยืนจะเป็นการแสดงความจริงใจของพรรคการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี