"ดีเอสไอ"ชี้แจงจับ"เมธี"อดีตดาราแกนนำเสื้อแดง กรณีปรากฏคลิปวีดีโอและข้อความอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุหลบเลี่ยงหมายจับ ยันอายุความหมด10เม.ย.2573
ตามที่ปรากฏคลิปวีดีโอในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2563 โดยมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งมีข้อความบรรยายคลิปวีดีโอดังกล่าวว่า "หวิดวางมวย วินาที DSI บุกจับ แต่ไม่มีหมายจับ" และทาง YouTube ซึ่งมีข้อความบรรยายคลิปวีดีโอว่า "หวิดวางมวย ตร.บุกจับเมธี อดีตดารา" นั้น กรณีดังกล่าว พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสะกดรอยและจับกุม และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติงานดังกล่าวแล้ว จึงขอชี้แจงต่อสาธารณชน ดังนี้
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการกระทำความผิดทางอาญา กรณีก่อการร้าย การขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการอันเกี่ยวกับการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในช่วงปลายปี พ.ศ.2552 เป็นต้นไปในราชอาณาจักร รวมถึงความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน เป็นคดีพิเศษ ต่อมาได้มีการแยกเลขคดีออกมาดำเนินการ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการลักเอาอาวุธและยุทโธปกรณ์ของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 19 เป็นคดีพิเศษที่ 68/2553 จากนั้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 68/2553 พร้อมตัวผู้ต้องหาไปยังสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาสองราย
ต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือนายณชิต อำนาจเดชานนท์ ผู้ต้องหาที่ 1 แต่เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงไม่มาพบพนักงานอัยการตามนัด พนักงานอัยการจึงมีหนังสือให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวมาฟ้องภายในอายุความ 10 ปี ต่อมาพนักงานอัยการมีหนังสือขอแก้ไขเป็นภายในอายุความ 20 ปี นับแต่วันที่ 10 เมษายน 2553 (ครบขาดอายุความ 10 เมษายน 2573) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ยื่นคำร้องเพื่อขอออกหมายจับต่อศาลอาญา และเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามคำร้อง ในความผิดฐานร่วมกันรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และโดยไม่มีเหตุสมควร ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8, มาตรา 8 ทวิ, มาตรา 55, มาตรา 78, มาตรา 72, มาตรา 72 ทวิ ประกอบประมวลกฎหมายอาญาแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 91 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 47/2563 โดยยื่นคำร้องต่อศาลขอแก้ไขอายุความเป็น 20 ปี ตามคำสั่งของพนักงานอัยการแล้ว และสำเนาให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษดำเนินการต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และได้นำสำเนาหมายจับของศาลที่รับโทรสารจากพนักงานสอบสวน จับกุม นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือนายณชิต อำนาจเดชานนท์ ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาดังกล่าวและส่งตัวผู้ต้องหาไปให้พนักงานอัยการ พร้อมนำตัวไปฟ้องที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 แล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอชี้แจงต่อสาธารณชนว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษข้างต้น เป็นการดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมายและมีหมายจับของศาล รวมทั้งยังไม่ขาดอายุความตามที่กล่าวอ้าง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อธิบายข้อเท็จจริงให้ผู้ต้องหาทราบพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาติดต่อทนายความด้วยตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการไม่เข้าใจขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่ออธิบายให้ผู้ต้องหาทราบเพิ่มเติมต่อไปและผู้ต้องหายังมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี