"สุราปลดแอก"ตั้งซุ้มข้างม็อบสนามหลวง ล่าชื่อเลิกกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้า เหตุผูกขาดรายใหญ่-กระทบปชช.
เมื่อเวลา 20.45 น.วันที่ 19 กันยายน 2563 บริเวณถนนหน้าศาลฎีกา ข้างท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ตามหัวข้อรณรงค์ "ไม่คบ 32" อันหมายถึงมาตรา 32 ของกฎหมายดังกล่าวว่าด้วยการห้ามโฆษณาหรือชักชวนให้ดื่มไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งได้รับความสนใจ มีประชาชนทยอยนำบัตรประชาชนมาร่วมลงชื่ออย่างต่อเนื่อง
ตัวแทนกลุ่ม "ประชาชนเบียร์" รายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ อันเป็นโต้โผหลักของการจัดซุ้มล่ารายชื่อในครั้งนี้ กล่าวว่า มาตรา 32 รวมถึงตัว พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถูกร่างขึ้นในปี 2551 ซึ่งในเวลานั้นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยยังมีผู้เล่นเจ้าใหญ่เพียงไม่กี่ราย ในขณะที่ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป มีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ซึ่งจำนวนมากเป็นรายย่อย ไม่สามารถสื่อสารใดๆ เกี่ยวกับสินค้าของตนได้เลยเพราะอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงกลายเป็นรายใหญ่ได้ผูกขาดไปโดยปริยาย
ขณะที่ทางฝ่ายผู้บริโภคหรือประชาชนทั่วไปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะแม้แต่จะพูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเชิงวิชาการก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมถึงการโพสต์ภาพหรือข้อความผ่านสื่อออนไลน์เพื่อชวนเพื่อนฝูงมาสังสรรค์ ถึงจะตั้งค่าให้เห็นเฉพาะกลุ่มเพื่อนไม่ใช่สาธารณะ แต่หากมีใครบันทึกข้อความหรือภาพนั้นไว้ก็สามารถนำไปใช้ตั้งข้อกล่าวหาชักชวนให้ดื่มได้ เรื่องนี้จึงไม่ถูกต้องและนำมาสู่การจัดกิจกรรมไม่คบ 32 รณรงค์ให้แก้ไขกฎหมายดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ลิโด้ ย่านสยามสแควร์ แต่ค่ำคืนนี้ดูจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากประชาชน
เมื่อถามต่อไปว่า คิดเห็นอย่างไรกับกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพวกที่ต้องการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีทุนน้ำเมารายใหญ่อยู่เบื้องหลัง แกนนำกลุ่มประชาชนเบียร์ ยืนยันว่า หากพวกตนเป็นพวกทุนใหญ่คงไม่ดิ้นรนมาทำอะไรแบบนี้ ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าพวกตนกำลังส่งเสริมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสิ่งมอมเมาสังคม ก็อยากบอกว่าการดื่มเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ในประเทศไทยมีคน 16 ล้านคนที่ดื่ม ส่วนคนที่ไม่ดื่มจะโฆษณาอย่างไรเขาก็ไม่ดื่ม จึงขอร้องว่าให้เชื่อในวิจารณญาณของแต่ละคน อย่าดูถูกกัน
ส่วนกรณีประกาศล่าสุดเรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์ โดยให้เหตุผลว่าควบคุมไม่ให้เยาวชนเข้าถึงได้ยากกว่าการขายหน้าร้าน ซึ่งที่ผ่านมามีการไปยื่นหนังสือคัดค้านประกาศฉบับนี้ด้วยเหตุผลกระทบผู้ประกอบการรายย่อย แต่ท้ายที่สุดก็ออกมาเป็นกฎหมายจนได้ แกนนำกลุ่มประชาชนเบียร์รายนี้ ชี้แจงว่า ในความเป็นจริงสามารถควบคุมได้ เช่น หากชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นบัตรของใคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เครือข่ายน้ำเมารายย่อยจัดเสวนา-ล่าชื่อเลิกกฎหมายห้ามโฆษณาเหตุเดือดร้อนหนัก
- นักวิชาการโต้กลุ่มต้านน้ำเมา! ยันไม่ใช่นอมินีทุน ปมลุยค้าน‘ห้ามโฆษณา-ขายออนไลน์’
- ผู้ประกอบการน้ำเมา'รายย่อย-หน้าใหม่'ฝันสลาย ราชกิจจาฯประกาศแล้ว'ห้ามขายออนไลน์'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี