เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม .2563  น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้าเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า เป็นคำพูดสวยหรู กลบเกลื่อนเจตนาที่แท้จริง เพราะการที่นายปิยบุตรอ้างว่า จะผลักดันข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อไปดูข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้นก็ยิ่งสับสน  เพราะในข้อเท็จจริงตามกฎหมาย สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยอยู่แล้ว ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 จึงไม่เข้าใจว่า ต้องการเรียกร้องอะไรกันแน่   และเท่าที่ติดตามการชุมนุมไม่มีประเด็นที่จะเสนออย่างมีข้อมูลครบถ้วน ขาดข้อมูลครบถ้วนและขาดวุฒิภาวะเพื่อปฏิรูปสถาบัน มีแต่ข้อความก้าวล่วงและอาฆาตมาดร้าย มากกว่าเจตนาจะปกป้องสถาบันอย่างที่นายปิยบุตรกล่าวอ้าง
        
ส่วนที่นายปิยบุตร อ้างว่าต้องการพื้นที่ปลอดภัยในการพูดเรื่องสถาบัน โดยอ้างว่า รัฐบาลห้ามไม่ให้พูดเรื่องสถาบันนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เรื่องนี้อยากย้อนถามนายปิยบุตรว่า ที่พูดเรื่องสถาบันกันในที่สาธารณะอยู่ทุกวันนี้นายปิยบุตรไม่ได้ยินหรือ หรือว่าทำเป็นหูหนวกใจบอด อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ มาตรา 112  ด้วยซ้ำ   สิ่งที่นายปิยบุตร ต้องสำนึกก็คือ ที่ผ่านมาการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ที่เขามีความจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์เขาไม่ทำกัน เขารู้ผิดชอบชั่วดี  ข้ออ้างที่ว่าต้องการปฏิรูปให้สถาบันมีความทันสมัยนั้น  ต้องขอทำความเข้าใจใหม่ดังนี้  สถาบันพระมหากษัตริย์มีความทันสมัยกว่านายปิยบุตรมาก มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่นานาประเทศยกย่อง เช่น  เทคโนโลยีฝนเทียม ที่ประเทศจอร์แดนได้ขอพระราชทานอนุญาต นำพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปใช้  โครงการส่งเสริมอาชีพต่างๆ  มีโรงเรียนมีมหาวิทยาลัยที่ทันสมัยในไทย จากพระราชดำริมากมาย จนเป็นที่ประจักษ์มาจนทุกวันนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนไทยจึงเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์  แต่น่าเสียดายที่นายปิยบุตรทั้งเคยศึกษาในไทยและได้ไปศึกษาในประเทศที่ทันสมัย แต่กลับคร่ำครวญและย้อนยุคถอยหลังไป 2475  จึงอยากชวนนายปิยบุตรกลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อน

“การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เป็นการเปิดทางให้คนนอกเข้ามาร่วมในการทำการศึกษาด้วย ทำให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่นายปิยบุตรนำเสนอนั้น ก็เพื่อจะหาช่องทางให้ตนเองได้เข้าไปพูดเรื่องสถาบันในสภาได้อย่างปลอดภัยใช่หรือไม่ เพราะนายปิยบุตรทำตนเป็นผู้แอบข้างหลังเวที ไม่กล้าพูด กลัวไม่ปลอดภัยต่อตนเองหรือไม่ได้จริงใจที่จะปกป้องผู้ชุมนุมตามปากว่า  ทั้งนี้น่าสนใจว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลจะมีท่าทีอย่างไร จะรับลูกนำเสนอประเด็นนี้ในสภาฯในระหว่างการประชุมวันที่ 26-27 ตุลาคม 2563 ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น จะเข้าข่ายนายปิยบุตรครอบงำพรรคก้าวไกลหรือไม่ กฎหมายพรรคการเมือง2560 ห้ามพรรคการเมืองยินยอมคนที่ไม่ใช่สมาชิก ควบคุม ครอบงำ ชี้นำกิจกรรมพรรคการเมืองจนขาดความเป็นอิสระ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยกำหนดโทษถึงขั้นยุบพรรค เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร เป็นเวลา 10 ปี” น.ส.ทิพานัน กล่าว