จ่อขยายพรก.ฉุกเฉิน
ให้อำนาจผู้ว่าฯสั่งคุมโควิด-19
ศบค.นัดถกจันทร์นี้ก่อนชงครม.
ไทยพบติดเชื้อรายใหม่แค่82ราย
“วิษณุ” เผย ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมหารือขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมโควิด-19ทั่วประเทศ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนเสนอเข้า ครม. โดยหวังให้อำนาจผู้ว่าฯ ในการสั่งการ และเป็นการสอดรับกับแผนฉีดวัคซีน ขณะที่ยอดติดเชื้อในประเทศลดลง พบผู้ป่วยรายใหม่ 82 ราย ในประเทศ 71 ราย กลับจากต่างประเทศ 11 ราย ทางด้าน นายกฯ ให้ตัวแทน มอบเงิน 150,000 บาท
ช่วยครอบครัว “นพ.ปัญญา” ที่เสียชีวิตจากไวรัสร้าย ส่วนลูกชายเผยกำลังใจดีพร้อมเดินหน้าสานต่องานพ่อ
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมศุนย์บริหารสถานการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด 19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ ที่ 22 ก.พ. ว่า จะมีการพิจารณาถึงการขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ Covid-19 เนื่องจากเกิดเหตุกรณีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ใน 2ตลาด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งคณะกรรมการ ศบค.ชุดเล็กจะเสนอตั้งเรื่องเข้ามา
ทั้งนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อมีผลในการปราม เพราะบางพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง ดังนั้นการประกาศ พรก.ฉุกเฉินไม่อาจเจาะจงเฉพาะพื้นที่ได้ จึงต้องประกาศคลุมทั้งหมด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจควบคุมสถานการณ์พื้นที่ของตนเอง และไม่ใช่เป็นการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เป็นการประกาศเพื่อโยนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในการสั่งการต่างๆได้ เนื่องจาก พระราชบัญญัติโรคติดต่อสั่งการได้ไม่ครอบคลุม
ดันเข้าที่ประชุม ครม.23ก.พ.นี้
“อย่างไรก็ตามการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ จะสอดคล้องกับแผนการฉีดวัคซีนด้วยที่จะมาในสัปดาห์หน้านี้ จึงต้องมีมาตรการ ไม่เช่นนั้นหากโรคกลับมาระบาดลุกลาม จะกลายเป็นว่าวัคซีนไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าวัคซีนคือ หน้ากาก และการเว้นระยะห่าง และสิ่งที่กลัวที่สุดคือ คนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วไม่ระมัดระวัง ซึ่งต้องไม่ลืมว่า เมื่อฉีดไปแล้วเข้มแรก ต้องรอฉีดเข้มที่สอง ดังนั้นภูมิคุ้มกันยังไม่มีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลังการประชุม ศบค. การพิจารณาเป็นอย่างไรก็จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ต่อไป นอกจากนี้ ศบค.ก็จะเตรียมพิจารณามาตรการผ่อนผันด้วย” นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายประเด็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุมสถานการ์โควิด 19 ได้เงินทวีคูณนั้นนายวิษณุ ชี้แจงว่า ในกฎหมายเขียนไว้จริง เมื่อมีการประกาศกฎอัยการศึก หรือ พรก.ฉุกเฉิน มีโอกาสจะได้รับเงินทวีคูณ โดยต้องเป็นมติคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. แต่การประกาศ พรก.ฉุกเฉินครั้งนี้ ไม่มีมติ ครม.ในเรื่องดังกล่าว
ไทยพบติดเชื้อใหม่82ราย
วันเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 82 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 71 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 27 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 44 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 11 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย เยอรมนี 1 ราย อินเดีย 1 ราย ไนจีเรีย 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย เคนยา 1 ราย รัสเซีย 2 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย บาห์เรน 1 ราย ส่วนผู้ป่วยมีการรักษาหายเพิ่ม 59 ราย
ยอดป่วยสะสม25,323ราย
ผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทยวันนี้ ติดเชื้อในประเทศในพื้นที่เสี่ยง 27 ราย มากสุดที่ จ.สมุทรสาคร 19 ราย กรุงเทพมหานคร 2 ราย ปทุมธานี 2 ราย นครปฐม 2 ราย อ่างทอง 1 ราย สมุทรปราการ 1 ราย การคัดกรองค้นหาเชิงรุกในชุมชน 44 ราย มากสุด ปทมุธานี 23 ราย สมุทรสาคร 16 ราย กรุงเทพมหานคร 4 ราย อ่างทอง 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 25,323 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 22,633 ราย ติดเชื้อค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 14,355 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,690 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2,080 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 59 ราย รวมเป็น 24,129 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,111 ราย โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 83 ราย
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่ 15 ธ.ค. 2563 - 20 ก.พ. 2564 อยู่ที่ 21,086 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 5,815 ราย ค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 14,355 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 916 ราย ผู้ป่วยรักษาหาย 59 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 1,111 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 23 ราย
ยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ111ล้าน
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 111,234,365 ราย อาการรุนแรง 95,519 ราย รักษาหายแล้ว 86,142,748 ราย เสียชีวิต 2,462,703 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 28,603,813 ราย 2.อินเดีย จำนวน 10,976,776 ราย 3.บราซิล จำนวน 10,081,693 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 4,139,031 ราย 5.สหราชอาณาจักร จำนวน 4,095,269 ราย ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 114 จำนวน 25,323 ราย
คนขับรถเมล์สาย39 ติดโควิด-19
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีได้นำรถพระราชทานเข้ามาตรวจเชิงรุก เพื่อหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 2 ให้กับ พนักงานองค์การ จำนวน 600 คน ณ อู่รังสิต เขตการเดินรถที่ 1 ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ได้แจ้งให้เขตการเดินรถที่ 1 ทราบว่า ตรวจพบพนักงานขับรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 (ปฏิบัติหน้าที่ขับรถโดยสารช่วงกะบ่าย) เพศชาย จำนวน 1 คน ซึ่งมีที่พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเปรมปรีด์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ติดเชื้อโรคดังกล่าว จึงให้พนักงานรออยู่ที่บ้าน เพื่อให้รถพยาบาลนำไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 11.30 น. ขสมก. ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว จากผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 1 จึงได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว
สมุทรสาครพบป่วยใหม่35ราย
รายงานสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.สมุทรสาคร เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ป่วยรายใหม่ 35 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 16 ราย จำแนกเป็นคนไทย 5 ราย และ คนต่างชาติ 11 ราย พบจากตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาล 19 ราย จำแนกเป็นคนไทย 12 ราย และคนต่างชาติ 7 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดมีจำนวน 16,020 ราย จำแนกเป็นจากการค้นหาเชิงรุกทั้งคนไทย และคนต่างชาติรวม 13,429 ราย และจากการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลทั้งคนไทย และคนต่างชาติ รวม 2,591 ราย
ส่วนการค้นหาเชิงรุก ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ รวมทั้งหมด 3,853 ราย ยอดสะสมจากการค้นหาเชิงรุกรวมทั้งสิ้น 185,118 ราย ผลการตรวจแลบ จำนวน 2,952 ราย พบผู้ติดเชื้อ 16 ราย ยอดสะสมจากการตรวจแลปรวมจำนวนทั้งสิ้น 183,565 ราย ยอดสะสมผู้พบเชื้อจากการค้นหาเชิงรุกรวมจำนวนทั้งสิ้น 13,429 ราย
มอบ1.5แสนช่วยครอบครัวนพ.ปัญญา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการเงินบริจาคสนับสนุนการแก้ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ มหาสารคาม มอบเงิน 150,000 บาท ช่วยเหลือครอบครัวนายแพทย์ปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์ อดีตแพทย์โรงพยาบาลมหาสารคาม ที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อจนเสียชีวิต โดยมี ลูกชายของนายแพทย์ปัญญา เป็นผู้รับมอบและขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่เป็นห่วงฝากกำลังใจมาให้ครอบครัว ขณะนี้ทุกคน มีกำลังใจ และเข้มแข็งดี พร้อมเดินหน้า สานต่องานของพ่อ เปิดให้บริการคลินิกต่อไป
ขอนแก่นติดเชื้ออีก1ราย
ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดขอนแก่น พบว่าเป็นเด็กชาย อายุ 10 ขวบ เป็นคนชาวอำเภอบ้านฝาง โดยช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวได้เดินทางไปหาญาติที่จังหวัดปทุมธานีกับบิดา
จากนั้นได้เดินทางกลับมาจังหวัดขอนแก่น จนกระทั่งญาติที่จังหวัดปทุมธานีได้แจ้งว่า ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 จากนั้นได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่ติดเชื้อโควิด19 ที่จังหวัดปทุมธานี จากนั้นเข้าตรวจหาเชื้อที่จังหวัดขอนแก่น ขณะนี้ทางทีมสอบสวนโรคได้ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบโรค พบว่า ผลออกมาเป็นลบ แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างวันที่ 15-18 ก.พ. 64 เด็กชายคนดังกล่าวได้ไปโรงเรียนตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลบ้านฝาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ไปตรวจเชิกรุก พบกลุ่มเสี่ยงจำนวน 310 ราย
นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับครอบครัวของผู้ติดเชื้อรายที่ 13 มีคนในครอบครัวจำนวน 8 คน โดยคนเป็นพ่อได้เดินทางไปเยี่ยมยายที่จังหวัดปทุมธานี ก่อนจะตรวจพบติดโควิด-19 ที่จังหวัดปทุมธานี ส่วนในครอบครัวที่เหลือผลออกมาเป็นลบ แต่จะต้องมีการกักตัวต่อไป เพราะเนื่องจากการตรวจเชื้อในครั้งแรกยังไม่พบเชื้อ จะต้องมีการตรวจซ้ำอีก เพราะที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อจากจังหวัดมหาสารคามที่เดินทางมาตรวจพบเชื้อที่จังหวัดขอนแก่น เชื้อจะไม่แสดงอาการในการตรวจในครั้งหรือสองครั้งแรก จึงต้องจำกัดบริเวณในการกักตัวเพื่อรอการตรวจซ้ำ
ด้าน นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้กำชับไปยังนายอำเภอบ้านฝาง ได้มีมาตรการเข้มงวด หลังจะต้องมีการออกให้บริการประชาชน ที่มาลงทะเบียนในโครงการเราชนะ เพราะจะมีคนออกมารวมกันจำนวนมาก เพราะถือว่ายังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด19 พร้อมขอให้ประชาชนได้ปฎบัติตามกฎของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่ออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการป้องกันไวรัสโควิด ที่จะให้ประชาชนมารวมกันไม่แน่นจนเกินไป มีการลงทะเบียน หรือการสแกน QR CODE ไทยชนะ หากตรวจพบว่าไม่มีการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด19 จะถูกลงดำเนินการทางกฎหมายทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี