‘คำนูณ’ยกบันทึกกฤษฎีกาที่1271/2563 เทียบเคียงคดี‘ธรรมนัส’ ชี้สมควรอ่าน-ศึกษา
7 พฤษภาคม 2564 นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่สิ้นสุดลงตามคำร้อง โดยยกอำนาจอธิปไตย การใช้อำนาจตุลาการย่อมต้องไม่ตกอยู่ในอาณัติ หรือภายใต้อำนาจตุลาการของรัฐอื่นคำพิพากษาของศาลออสเตรเลียไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายไทย มีเนื้อหาดังนี้...
คำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกคนไทยโดยศาลต่างประเทศและมีการจำคุกจริงจะมีผลต่อคนไทยคนนั้นในประเทศไทยอย่างไร เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากในช่วงวันสองวันนี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปแล้วโดยยึดหลักอำนาจอธิปไตย
ก่อนหน้านี้ และแม้กระทั่งขณะนี้ มีการเผยแพร่บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ 276/2525 ซึ่งมีความเห็นแตกต่างกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันมีการเผยแพร่บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ 562/2554 ที่มีความเห็นแตกต่างไปจากบันทึกฯฉบับแรกและมีแนวทางใกล้เคียงกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อความสมบูรณ์ทางวิชาการ
ขอเผยแพร่บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาล่าสุดเกี่ยวกับกรณีใกล้เคียงกันนี้อีกฉบับนะครับ ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นฉบับล่าสุดเกี่ยวกับกรณีนี้
เป็นบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ 1271/2563 เมื่อเดือนตุลาคม 2563 นี่เอง กรณีนี้เป็นคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกคนไทยของศาลสหรัฐอเมริกาในคดียาเสพติด เมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว เขาได้ร้องขอสิทธิประโยชน์จากการถูกสั่งพักราชการจากต้นสังกัดคืน รวมทั้งขอให้เพิกถอนคำสั่งพักราชการ ต้นสังกัดได้ขอความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพราะเห็นว่าความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในปี 2525 และ 2554 ยังมีความแตกต่างกัน
ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในบันทึกฉบับนี้เป็นการประชุมร่วมกันของคณะ 11 (ศ.คณิต ณ นคร - ประธาน) กับคณะ 13 (ศ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ - ประธาน) มีความครอบคลุมทางวิชาการ ตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ของไทย และข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีอยู่
“คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 11 และคณะที่ 13) จึงมีความเห็นว่า ข้อหารือนี้มิใช่ข้อหารือเกี่ยวกับการดําเนินคดีอาญาแต่เป็นข้อหารือเรื่องวินัยทหาร และการพิจารณาให้ความเห็นในกรณีนี้เป็นกรณีที่ใช้ผลของคําพิพากษาของศาลต่างประเทศมารับฟัง เป็นพยานหลักฐานในฐานะข้อเท็จจริงในการดําเนินการทางวินัยกับข้าราชการทหาร ซึ่งเป็นการรับฟังคําพิพากษาของศาลต่างประเทศในฐานะข้อเท็จจริง มิใช่การรับคําพิพากษาของ ศาลต่างประเทศมาบังคับโทษในประเทศไทย ดังนั้นข้อความว่า ‘เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว’ ตามข้อ 77 วรรคสอง แห่งข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 จึงรวมถึงคดีถึงที่สุดตามคําพิพากษาของศาลสหรัฐอเมริกาด้วย....”
สมควรอ่าน และสมควรศึกษาอย่างยิ่งครับ
คำนูณ สิทธิสมาน
สมาชิกวุฒิสภา
6 พฤษภาคม 2564
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี