เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 จากรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางการยกร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับร่าง พ.ร.บ.ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมาย ตาม ม.77 ของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.62 ก่อนเสนอ ครม.ต่อไปนั้น (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ล้วงตับเอ็นจีโอ!ครม.ไฟเขียวร่างกฎหมาย เปิดท่อน้ำเลี้ยง)
สำหรับสาระสำคัญของแนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติมีดังนี้
1.เห็นชอบแนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
2.มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่าตามแนวทางในข้อ 1. ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมายตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ทั้งนี้ แนวทางการยกร่างฯ ของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 และ 29 มิถุนายน 2564 ที่ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณายกร่างกฎหมายว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปันกัน โดยให้รับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม พ.ศ. .... ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหลักการในข้อกำหนดตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ไปประกอบการพิจารณายกร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย โดยคณะกรรมการฯ เห็นควรยกร่างกฎหมายฉบับใหม่ เป็น “ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ....” ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำหไร เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน รวมทั้งกำหนดกลไกในการกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรให้เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง
สาระสำคัญของแนวทางการยกร่างฯ
เป็นการกำหนดกลไกในการส่งเสริม พัฒนา และกำกับดูแลองค์กรไม่แสวงหากำไร ซึ่งสรุปได้ดังนี้
ประเด็น |
สาระสำคัญ |
1. บทนิยาม |
“องค์กรไม่แสวงหากำไร” หมายความว่า คณะบุคคลภาคเอกชนซึ่งรวมกลุ่มกันจัดตั้งในรูปแบบใดๆ ที่มีบุคคลร่วมดำเนินงานเพื่อจัดทำกิจกรรมต่างๆ ในสังคม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน แต่ไม่รวมถึงการรวมกลุ่มของคณะบุคคลเพื่อดำเนินกิจกรรมเป็นการเฉพาะคราว หรือดำเนินกิจกรรมเฉพาะเพื่อประโยชน์ของคณะบุคคลนั้น หรือพรรคการเมือง |
2. ผู้รักษาการ ตามกฎหมาย |
กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ |
3. ขอบเขตการใช้บังคับ |
กำหนดให้องค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายโดยเฉพาะ นอกจากต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะนั้นแล้ว ให้อยู่ในบังคับตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ด้วย |
4. การส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร |
- กำหนดให้มี “คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร” ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานกรรมการ และให้อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการฯ มีหน้าที่และอำนาจในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนงานการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร การเสนอความเห็นและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไรต่อคณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรไม่แสวงหากำไร การสนับสนุนให้องค์กรไม่แสวงหากำไรทำหน้าที่ในด้านประชาสังคม เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร เป็นต้น - กำหนดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ขององค์กรไม่แสวงหากำไร ได้แก่ (1) การสนับสนุนเงินทุนแก่องค์กรไม่แสวงหากำไรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการฯ กำหนด โดยคณะกรรมการฯ จะทำหน้าที่ประสานงานด้านเงินทุนกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานของเอกชน หรือแหล่งเงินทุนอื่น และ (2) องค์กรไม่แสวงหากำไรและผู้สนับสนุนองค์กรไม่แสวงหา
กำไรอาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่น |
5. กลไกกำกับดูแลองค์กรไม่แสวงหากำไร |
- กำหนดให้องค์กรไม่แสวงหากำไรมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับชื่อขององค์กร วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง วิธีดำเนินงาน แหล่งที่มาของเงินทุน และรายชื่อผู้รับผิดชอบดำเนินงาน ให้หน่วยงานของรัฐและบุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลนั้นโดยง่าย - กำหนดข้อห้ามสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยต้องไม่ดำเนินงานในลักษณะดังต่อไปนี้ (1) กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงความมั่นคงของรัฐด้านเศรษฐกิจหรือด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (2) กระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม (3) กระทบต่อประโยชน์สาธารณะรวมทั้งความปลอดภัยสาธารณะ (4) เป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย (5) เป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุขของบุคคลอื่น - กำหนดให้องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้รับเงินอุดหนุนหรือเงินบริจาคจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศมีหน้าที่ดำเนินการ ดังนี้ (1) ต้องแจ้งชื่อแหล่งเงินทุนต่างประเทศ บัญชีธนาคารที่จะรับเงิน จำนวนเงินที่จะได้รับ และวัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้จ่ายต่อนายทะเบียน (2) ต้องรับเงินผ่านบัญชีของธนาคารตามที่องค์กรไม่แสวงหากำไรแจ้งไว้ต่อนายทะเบียน (3) ต้องใช้เงินที่ได้รับจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศเฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อนายทะเบียน (4) ต้องไม่ใช้เงินที่ได้รับจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศเพื่อดำเนินกิจกรรมในลักษณะการแสวงหาอำนาจรัฐ หรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง - กำหนดให้องค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีรายได้จากการรับเงินบริจาคจากบุคคลทั่วไป หรือจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศมีหน้าที่จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละรอบปีปฏิทิน และเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลนั้นโดยง่าย โดยต้องเก็บรักษาบัญชีรายรับรายจ่าย นั้นไว้ให้สามารถตรวจสอบได้เป็นเวลาสามปี |
6. มาตรการบังคับและโทษ |
- กรณีที่องค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ดำเนินการตามหน้าที่หรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนแจ้งเตือนให้องค์กรไม่แสวงหากำไรดำเนินการตามหน้าที่ หรือหยุดการดำเนินการที่ฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว หากองค์กรไม่แสวงหากำไรยังไม่ดำเนินการในระยะเวลาที่กำหนดหรือยังคงดำเนินการที่ฝ่าฝืนข้อห้ามต่อไป ให้นายทะเบียนมีอำนาจออกคำสั่งให้องค์กรไม่แสวงหากำไรนั้นหยุดการดำเนินกิจกรรม หรือยุติการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรนั้นได้ แล้วแต่กรณี - กำหนดโทษปรับทางอาญาสำหรับกรณีที่องค์กรไม่แสวงหากำไรไม่หยุดการดำเนินกิจกรรม หรือไม่ยุติการดำเนินงานตามคำสั่งของนายทะเบียน และกำหนดให้ผู้รับผิดชอบดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหากำไรที่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องรับโทษเช่นเดียวกับองค์กรไม่แสวงหากำไรด้วย |
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี