‘ชวน’ปลุกขรก.
อย่าก้มหัวให้‘นักการเมือง’
ทำตามใบสั่งติดคุกคนเดียว
เวทีเสวนา 22 ปีผู้ตรวจการแผ่นดิน “ชวน”ชี้ปัญหาความไม่เป็นธรรม-เลือกปฏิบัติยังไม่หมด แนะเร่งแก้วัฒนธรรมเกรงใจ เตือนสติข้าราชการอย่ายอมทำผิดให้นักการเมืองเพราะสุดท้ายติดคุกคนเดียว
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้จัดสัมมนาวิชาการเนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี การก่อตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยนายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดินกับการเสริมสร้างความเป็นธรรมในสังคม “ ตอนหนึ่งระบุว่า กฎหมายกำหนดบทบาท ภารกิจผู้ตรวจการแผ่นดินกฎหมายไว้ชัดเจน สามารถเชิญผู้แทนองค์กรอื่นมาหารือ และมีผลอย่างไรก็ให้ปฏิบัติไปตามที่ผู้ตรวจฯมีข้อเสนอแนะ ที่ผ่านมาแม้มีองค์กรที่มีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาและให้ความเป็นธรรมประชาชน แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ จึงเกิดแนวคิดในเรื่องการบริหารงานอย่างไรเพื่อให้ปัญหาดังให้ได้รับการเยียวยาแก้ไข หรือไม่เกิดขึ้นอีก เป็นที่มาของหลักธรรมาภิบาล หรือ หลักการบริหารงานของทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งกำหนดหลักกว้างๆ คือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรมจริยธรรม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน หลักการตรวจสอบถ่วงดุลและหลักความรับผิดชอบ และหลักการคุ้มค่า แต่แม้ใช้หลักเหล่านี้ ความผิดพลาดก็ยังเกิดขึ้น ผู้บริหารติดคุกตะรางกันมากมาย ในสถิตินับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา เราไม่เคยมีผู้บริหารระดับสูงติดคุกตั้งแต่ตัวนายก รมต. ปลัดกระทรวง อธิบดี ไปจนถึงระดับล่าง ๆ คนติดคุกเหล่านี้มาจากการละเมิดหลักธรรมาภิบาลที่กำหนดไว้ แสดงว่าหลักนี้แม้มีการประกาศใช้แล้วก็ตาม แต่ก็มีปัญหาบางอย่างในสังคมเรา ซึ่งผมคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถตรวจสอบได้นั่นคือหลักที่รู้ว่ามันไม่ถูก แต่มันเป็นวัฒนธรรมของความเกรงใจกัน
“ ผมไปดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก็ดี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินก็ดี และศาลอื่น ที่ตัดสินความผิดผู้กระทำความผิดที่มีฐานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาจากรู้ว่าหลักที่กำหนดนั้นควรทำอย่างไร แต่ว่าความเกรงใจหรือความที่กลัวว่าจะกระทบต่อสถานภาพตัวเอง ก็เลยไปออกนโยบายหรือทำอะไรที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล เลยทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นผู้ที่ต้องโทษ จำคุกมากเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยมียุคใดที่มีคนระดับสูงตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ไปถึงปลัดกระทรวง อธิบดี ติดคุกมากเช่นขณะนี้ แสดงให้เห็นว่าลำพัง เพียงกฎหมายอย่างเดียวนั้นไม่พอ จำเป็นต้องอิงเรื่องอื่นๆ เช่นต้องทำความเข้าใจวัฒนธรรมเรื่องความเกรงใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างไร”นายชวนกล่าว
และว่า“ผมใช้คำว่าเราขัดใจผู้บังคับบัญชาดีกว่าที่จะเสี่ยงติดคุกในอนาคต เพราะดูแล้วคนที่ติดคุกที่เป็นข้าราชการเหล่านั้นเขาทำตามที่ฝ่ายการเมืองแนะนำให้ทำฝ่ายการเมืองปลอดภัย แต่ฝ่ายประจำติดคุก เพราะไปทำตามที่เขาสั่งให้ทำโดยวาจา ไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เช่นสั่งให้ตั้งคนของเขาเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ก็ทำให้ปลัดกระทรวงการคลังต้องถูกให้ออกในที่สุด หรือกรณีที่ไปปฏิบัติตามนโยบายบางเรื่องแล้วกระทบกับเศรษฐกิจของบ้านเมือง ในที่สุดรมต. อธิบดีก็เป็นผู้ที่ติดคุกแทนผู้บริหารสูงสุดที่ออกนโยบายเรื่องนั้นมา ที่ต้องพูดเรื่องนี้เพราะอยากให้มองภาพความเป็นจริงในสังคม ดังนั้นแม้มีองค์กรอื่นเกิดขึ้นมากมายในการคุ้มครองความเป็นธรรมในสังคมก็ตามแต่ก็เหมือนว่าปัญหายังมีอยู่ การที่ผู้ตรวจการเกิดขึ้นก็หวังว่าจะไปอุดช่องว่างเหล่านี้ได้ ”
นายชวน ยังกล่าวอีกว่า อยากให้ผู้ตรวจฯเข้าไปดูแลเรื่องที่แม้จะเป็นเล็กน้อยแต่เป็นความทุกข์ของประชาชน ความไม่เป็นธรรมในสังคม ที่หากละเลยก็อาจเป็นตัวอย่างให้เกิดซ้ำและกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้
นายชวน ยังเห็นว่าปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีสถิติคนตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนติดอันดับโลก ขณะนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ปกติสถิติผู้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจะสูงผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถหยิบยกเสนอต่อรัฐบาลว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป ขณะเดียวกันกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ เรื่องการลดโทษคนโกงบ้านโกงเมือง ตนเองได้เรียนนายกรัฐมนตรีว่าประชาชนรับไม่ได้ นายกฯก็บอกว่าไม่เห็นด้วยแต่ว่าแก้ไม่ทัน คิดว่าเรื่องนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องตาม เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนี้ โกงไปก้อนหนึ่งติดคุกไม่กี่ปี ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ติดอยู่ 7-8 ปี ออกมาแล้วเงินที่เก็บไว้ตอนโกง ลูกหลานใช้อีกหลายชั่วคนสบาย เราต้องไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินช่วยดูระดับชาติ ระดับที่คิดว่าก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแน่ๆในสังคม นเกิดจากความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น
ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวในโอกาสครบรอบ 22 ปี การก่อตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินว่าตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ได้ปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาประชาชนแล้วรวม 52,505 เรื่อง จากทั้งหมด 55,057 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,552 เรื่อง สำหรับการดำเนินงานในช่วงปีงบประมาณ2565คือระหว่างต.ค.64 – ปัจจุบัน รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 3,768 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 1,212 เรื่อง หน่วยงานที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ส่วนสาเหตุที่ทั้ง 3องค์กรมีสถิติถูกร้องเรียนอันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นหน่วยงานขั้นพื้นฐานในการให้บริการประชาชนด้วยความใกล้ชิดประชาชน จึงทำให้จำนวนผู้ขอใช้บริการเยอะและตามมาปัญหาต่าง ๆ ทั้งความไม่เข้าใจในการสื่อสาร กฏ ระเบียบ ขั้นตอนการปฏิบัติต่าง ๆ จึงเกิดขั้นได้
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การทำงานผู้ตรวจการแผ่นดินยึดหลักการทำงานแบบกัลยาณมิตรมุ่งสร้างความเข้าใจไกล่เกลี่ยแบบสันติวิธีเพราะเราไม่ใช่คู่กรณีกับหน่วยงานรัฐ บางเรื่องแก้ไขง่ายรวดเร็ว บางเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมีผลกระทบในวงกว้างจำเป็นต้องแก้ไขในเชิงระบบและตรงจุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดิม ๆ ขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้น ภารกิจของผู้ตรวจการแผ่นดินจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมจากสาธารณชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี