เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็มศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ให้ "สำลี รักสุทธี" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยห ลุดพ้นสมาชิกภาพ เหตุเคยต้องพิพากษาเกี่ยวกับทรัพย์ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ 24 มี.ค. 62
วันที่ 1 มิ.ย.65 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้สมาชิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(10) จากเหตุเคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดมหาสารคาม ในคดีหมายเลขดำที่ อ.4064/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.13 4/2562 ที่นายสำลี เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยศาลให้เหตุผลว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 101 บัญญัติว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งบัญญัติว่าบุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (10) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าเคยต้องกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดความผิดฐานเป็นผู้นำเข้า ผู้ผลิต ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบการค้ามนุษย์หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน ในความผิดฐานฟอกเงิน
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นบทบัญญัติที่กำหนดลักษณะต้องห้ามบางประการของบุคคลเพื่อไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ขาดความน่าเชื่อถือในความสุจริต หรือผู้ที่เคยทำความผิดอันเป็นปฏิปักษ์ต่อประโยชน์สาธารณะ เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง อันจะเป็นหนทางในการใช้ตำแหน่งอำนาจและหน้าที่ของฝ่ายการเมือง กระทำการทุจริต หรือประพฤติมิชอบได้โดยง่าย บุคคลที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติในฐานะที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องได้รับการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้นเพื่อเป็นหลักประกันว่าบุคคลนั้นจะปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณสมบัติเป็นที่น่าเชื่อถือในทุกด้านปราศจากมลทินมัวหมอง ในส่วนของความผิดนั้น บทบัญญัติมาตรา 98 (10) ยึดถือคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าได้กระทำผิดเป็นสำคัญโดยไม่ได้คำนึงถึงว่ามีเหตุบรรเทาโทษ หรือได้รับการลดโทษหรือไม่ หรือมีการล้างมลทินอภัยโทษหรือไม่
ตามคำร้อง คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2562 ศาลจังหวัดมหาสารคาม มีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.4064/2561 คดีหมายเลขแดงที่อ.13 4/2562 นายสำลี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 วรรคหนึ่ง (1)(3) วรรคสองประกอบมาตรา 136 ทวิ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา และคดีนี้พ้นระยะอุทธรณ์ตามกฎหมาย ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ตามหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดของศาลจังหวัดมหาสารคามลงวันที่ 16 ก.ย.2564 ต่อมานายสำลี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ข้อโต้แย้งที่นายสำลี อ้างว่าการกระทำความผิดดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่นนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) มีเจตนารมณ์ให้ยึดถือคำพิพากษาศาลอันเป็นที่สุดว่าได้กระทำผิดตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) เป็นสำคัญ
ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 บัญญัติว่าผู้ใดเอาทรัพย์สินของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นรวมเป็นเจ้าของอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษมาตรา 335 วรรคหนึ่งบัญญัติว่าผู้ใดลักทรัพย์ (1) ในเวลากลางคืน (3) สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ วรรคสองบัญญัติว่า ถ้าการกระทำผิดตามวรรคแรก เป็นการกระทำความผิดที่ประกอบด้วยลักษณะตามที่บัญญัติไว้ตั้งแต่ 2 อนุมาตราขึ้นไปผู้ทำต้องระวางโทษ มาตรา 336 ทวิ บัญญัติว่าผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 334 ,335 ,335 ทวิ หรือ 336 โดยแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร ตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารตำรวจ หรือใช้อาวุธปืน ระเบิด ยานพาหนะ ไปกระทำความผิดโดยการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นกึ่งหนึ่ง ดังนั้นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ประกอบมาตรา 336 ทวิ จึงเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(10) และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ข้อโต้แย้งดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้นเมื่อนายสำลี เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา จึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นให้สมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6)
นอกจากนี้ ศาลยังมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เห็นว่ากรณีดังกล่าวทำให้สมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสำลี สิ้นสุดลงนับแต่วันเลือกตั้งคือวันที่ 24 มี.ค. 2562 เนื่องจากศาลจังหวัดมหาสารคามมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 ม.ค.2562 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.4064/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.13 4/2562 ที่นายสำลี กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และพ้นระยะเวลาอุทธรณ์อันเป็นทำให้คดีถึงที่สุด เป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนนายสำลี สมัครรับเลือกตั้ง เป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายสำลีจึงทราบข้อเท็จจริงนี้อยู่ก่อนแล้วว่าในวันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ตนเองมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเหตุต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา เมื่อนายสำลี ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและไม่มีสิทธิได้รับเลือกตั้ง อีกทั้งรู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งอยู่ก่อนแล้ว แม้ต่อมาจะได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 100 บัญญัติให้สมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเริ่มนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง
สมาชิกภาพส.ส.ของนายสำลี จึงสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 เมื่อสมาชิกภาพสภาผู้แทนราษฎรของนายสำลีสิ้นสุดลง ทำให้มีตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อว่างลง ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องประกาศให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง จึงให้ถือว่าวันที่ตำแหน่งว่างลงคือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังคือวันที่ 1 ม.ค.2565
อย่างไรก็ตาม ก่อนศาลอ่านคำวินิจฉัย ได้แจ้งว่าศาลได้พิจารณาคำร้องของนายสำลี ที่ให้ขอให้เลื่อนการอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้เนื่องจากติดภารกิจร่วมงานฌาปนกิจศพญาติ ซึ่งศาลเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจึงให้ยกคำร้อง
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี