ซักฟอกวันที่สาม “ปธ.ชวน” คืนบัลลังก์นั่งประธานฯ“ฝ่ายค้าน” จัดหนัก ถล่ม“บิ๊กตู่” เต็มๆ“พี่เต้” ซัดล้มเหลวแก้ศก.อุ้มพระพุทธรูปบิณฑบาตกลางสภา วอน“บิ๊กตู่”ลาออกปลดปล่อย อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์-เปลืองภาษี สภาเดือด “เจี๊ยบ” ปะทะ คารม “บิ๊กตู่”ซัด“ทรราช 2 แผ่นดิน” ปิดกั้นปชช.เที่ยวสอนคนอื่นไปทั่วยกกระจกส่อง“นายกฯ”ลุกเชือดกลับ เทียบเอา“ตู่กะเตี้ย” รับไม่ได้เคลื่อนไหวชัดก้าวล่วงสถาบันจี้ใจดำ “อมรัตน์” โต้อย่าตีขลุมยัดคดี 112 ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้

‘ปธ.ชวน’เบรคหัวขมำ‘บิ๊กตู่’ยอมส.ส. ไม่เก่งแข่งส่อเสียด ห้องนี้มีกี่คนเป็นนายกฯโวถ้าประสบการณ์ นายกฯอื้อ‘สมคิด’แฉ‘บิ๊กตู่’อุ้ม‘แรมโบ้’ใช้เส้นเอื้อประโยชน์ฝากลูกชาย-ลูกสาวรับราชการ ‘ฝ่ายค้าน’จ่อยื่น ปปช.ฟัน‘ศักดิ์สยาม’ปมซุกหุ้น สวน‘บิ๊กตู่’เหน็บนั่งร้านหัวขาดแค่เห็นแคนดิเดตนายกฯก็หัวหด รื้อสูตรปาร์ตี้ลิสต์ โฆษกรบ.อัดฝ่ายค้านซักฟอกไร้วุฒิภาวะ มโนข้อมูลมากกว่าข้อเท็จจริง “สมศักดิ์”ลุ้นพลิกสูตรปาร์ตี้ลิสต์พปชร.กลับลำล้มสูตรหาร500หันสูตร100อ้างผลกับบางพรรค

เมื่อเวลา 08.30น.วันที่ 21กรกฎาคม 2565ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151จำนวน 11 คนต่อเป็นวันที่สามภายใต้ยุทธการ“เด็ดหัว สอยนั่งร้าน”โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กลับมาทำหน้าที่ประธานการประชุมหลังกักตัวรักษาจากการติดเชื้อโควิด-19ได้แจ้งที่ประชุมว่าวันนี้ฝ่ายค้านจะอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

‘พี่เต้’อัด‘บิ๊กตู่’แก้ศก.ล้มเหลวสร้างหนี้

จากนั้น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ สรุปใจความสำคัญพุ่งเป้าไปที่นายกฯบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ไม่มีวิธีหาเงินเก่งแต่สร้างหนี้ให้ประเทศ ทำประชาชนสิ้นหวัง ระยะเวลาช่วง2ปี10 เดือน 27วัน นายกฯบริหารประเทศมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านล้านบาท มีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท ประชาชนเดือดร้อนจากค่าไฟแพง ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำเดือดร้อนกันหมด มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่เดือดร้อนคือ นายกฯและรัฐมนตรี รวมถึงนายพลบก เรือ อากาศ ข้าราชการระดับ 9, 10, 11 เพราะสามารถเบิกค่าน้ำมันได้ ที่นายกฯไม่เดือดร้อนเพราะมีสวัสดิการมากกว่าประชาชน น้ำมันฟรี รถฟรี คนขับรถฟรี ค่าบ้านหลวง ค่าน้ำ ค่าไฟฟรี ค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ค่าข้าวฟรี

อุ้มพระพุทธรูปวอน‘บิ๊กตู่’ลาออก

นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า“พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งมา 7 ปี 10 เดือน 27 วัน พิสูจน์แล้วว่าอยู่ไป ก็ไม่เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง หรือไม่ ผมอยากให้ท่านปล่อยคนไทย และประเทศเสียที วันนี้ผมไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกับพระพุทธรูปปางบิณฑบาตในฐานะที่ผมเป็นผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกมา และไม่ได้ซื้อเสียงแต่บาทเดียว ขอพูดแทนคนไทยกว่า66ล้านคนว่าขอบิณฑบาต พล.อ.ประยุทธ์ให้ปลดปล่อยประเทศไทยและประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียทีเถิดเพราะว่า8ปี2เดือน อยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์” นายมงคลกิตติ์ กล่าว พร้อมอุ้มพระพุทธรูป

พท.อ้อน‘ธรรมนัส’ยกโหวตคว่ำบิ๊กตู่

จากนั้น เวลา 09.00น.นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกหารือว่าวันนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่รู้สึกแปลกเพราะบนบัลลังก์ ไม่มีรัฐมนตรีมาเลยสักคนงขอให้ฝ่ายรัฐบาลเร่งรัดเข้ามาสภาและให้เกียรติสภาด้วย นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยลุกพูดยตอนหนึ่งว่า“ผมขอมือพรรคร่วมรัฐบาลช่วยสนับสนุน วันนี้ได้ข่าวว่าจะมีส.ส.2-3คนจะไม่ไว้วางใจ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ไปตั้งพรรคใหม่ ไอ้ธรรมนัสน้องรัก ขอให้ช่วยยกเถอะให้ นายยกฯออก จะได้ใช้ระบบรัฐสภาให้เป็นประโยชน์ เปลี่ยนแปลงการปกครองได้ หาก ส.ส.ไม่ใช้มืออันศักดิ์สิทธิที่ประชาชนให้มา ผมเชื่อว่าจะเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ ไม่มีการเลือกตั้ง ใครอย่าไปเตรียมอะไรมาก”

เจี๊ยบซัด‘บิ๊กตู่’จงใจปล่อยโกงในกองทัพ

เวลา10.30น.การอภิปรายเริ่มร้อนแรง เมื่อนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย ไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมโดยกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจ แต่ขาดความรู้ความสามรถ ใน 3 ประเด็นคือ 1.จงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในกองทัพอย่างกว้างขวาง 2.สร้างความเสื่อมเสียกับพระเกียรติยศในโครงการเทิดพระเกียรติ 3.มีจิตสำนึกเผด็จการ สันดานทรราชย์ หลังรัฐประหาร แล้วยังจงใจบ่อนทำลายการปกครองและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีข่าวเล็กๆของเพจทางโซเชียลหนึ่ง น่าสนใจ เมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา กองทัพบกได้จัดพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่9จากพระบรมมหาราชวัง กทม.ไปแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลพลพยุหเสนา ในศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรีวงเงินดำเนินการกว่า59.9ล้านบาท

พร้อมและพบว่ากองทัพบกดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี2563โดยเริ่มจากเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือค่ายพหลโยธิน มาเป็นชื่อ ค่ายภูมิพล เมื่อเดือนธ.ค.2562หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมกองทัพบกตั้งงบประมาณสูงถึงเกือบ60ล้านบาท แค่การปรับปรุงภูมิทัศน์ ต่อมาศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของดิจิทัลฯได้ออกมาระบุว่าเป็นข่าวบิดเบือน ทางกองทัพบกชี้แจงว่าทุนทรัพย์ที่นำมาดำเนินการมาจากการเงินสมทบทุนในการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน เท่าที่ตนสืบค้นข้อมูลไม่พบว่ามีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้สมทบทุนบริจาคเลย ยังพบว่ารายการแสดงงบการเงินของกองทัพบก2ปีคือปี2563-64มียอดรายการเงินบริจาครวมกันเพียง 5 ล้านบาทเศษ ยังห่างไกล กับยอดเงิน 60ล้านบาท

“หมกเม็ดอะไรกันไว้ทำไมถึงไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสมันวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งหรือไม่ หรือเอาไปเก็บใส่ปี๊บที่ไหนหรือเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากไว้ในบัญชีแม่ทัพนายกอง นายพลคนไหน ในเอกสารบก.01ที่ได้แสดงวงเงินงบฯที่ได้รับจัดสรรและแสดงราคากลางของโครงการนี้ระบุว่างบฯเกือบ60ล้านบาทได้มาจากเงินเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ2564 ถ้าเป็นเงินที่มาจากรัฐ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯเอาข่าวปลอมจากกองทัพบกมาเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเงินนี้มาจากการบริจาคหรือใช่หรือไม่เป็นเฟคนิวส์ซ้อนเฟคนิวส์หรือไม่ เงินจำนวนมากขนาดนั้นเก็บไว้ในปี๊บที่ไหน”นางอมรัตน์ย้ำ

ไม่ไว้วางใจทรราชย์2แผ่นดิน

นางอมรัตน์ยังระบุว่าโครงการของกองทัพหลังการรัฐประหาร ในยุคพล.อ.ประยุทธ์มันมีกลิ่นโชยมาตลอด เมื่อประชาชนจะตรวจสอบก็ยากเย็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ กลัวการตรวจสอบเหลือเกิน อย่างนี้เขาเรียกว่า ประยุทธ์สันหลังหวะหรือไม่ จากที่ตนได้ให้ทีมงานลงพื้นที่พบว่ายังมีการให้รื้ออนุสาวรีย์จอมพลป.พิบูลสงคราม ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณวงเวียน ไม่ไกลจากค่ายภูมิพล มีพี่น้องทหารลพบุรีฝากไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่าการอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์มาไว้ที่ค่ายทหารเป็นเรื่องดี ทำไมกองทัพบกในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องไปรื้ออนุสาวรีย์พระยาพหลฯ และจอมพล ป.ที่พวกเขาเคารพศรัทธามานานด้วย ในยุคของผู้นำคนนี้เกิดการรื้อถอนทำลายสัญลักษณ์ของการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ

“ช่วงเย็นเมื่อวานนี้(20ก.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงพฤติกรรมชูแขนขึ้นเหนืออก ยิ้มร่ารับว่าตัวเองก่อการกบฎคนเดียว คือ การไร้ยางอาย ไม่มีวุฒิภาวะ ทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ ถ้าปล่อยให้ผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจต่อไป วันหนึ่งแม้แต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินก็จะไม่มีเหลือ ดิฉันไม่อาจไว้วางใจ ทรราชย์สองแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯและรมว.กลาโหมต่อไปได้ มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะต้องชดใช้ความเสียหายที่ทำไว้ต่อชาติบ้านเมืองในที่สุด”นางอมรัตน์ กล่าว

มอบกระจกให้นายกฯเอาไว้ส่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายช่วงท้ายนางอมรัตน์ได้ยกกระจกขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า “ดิฉันมีสิ่งสุดท้ายอยากมอบให้พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจก เพราะท่านปิดช่องคอมเมนท์ในเพจเฟสบุ๊ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนไม่มีสิทธิ์สะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ ดิฉันอยากบอกว่า กระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใครบอกว่าใครก่อความวุ่นวายไม่สงบท่านมองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกว่าไม่มีมารยาทไม่รักชาติและเวลาที่ว่า ใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ มองที่กระจกบานนี้”พร้อมหันกระจกส่องไปยังพล.อ.ประยุทธ์และกล่าวทิ้งท้ายว่าทั้งหมดคนในกระจก

นายกฯเชือดกลับเทียบ‘ตู่กะเตี้ย’

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ ลุกชี้แจงการอภิปรายของนางอมรัตน์ทันทีว่าเช้านี้ตนติดภารกิจไปกราบสมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาและตนได้ขอแบ่งมอบให้ทุกคนด้วยเนื่องในช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้ให้กับทุกคนทุกท่าน ก็สุดแล้วแต่ใครจะรับ ได้รับไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดีก็เป็นไปทางที่ดี ทำกรรมไม่ดีก็คงปรากฎต่อไป ตนพยายามทำเต็มที่ให้ดีที่สุด แต่อาจไม่ดีในสายตาของท่าน วันนี้ท่านบอกว่าชื่อตนมีความโน่นนี่ ก็ไปคิดเอาล่ะกันว่า ตู่กะเตี้ย ความหมายเหมือนกันหรือไม่ มันคงไม่เหมือน โดยในระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง ได้มีเสียงหัวเราะจากบรรดาส.ส.ในสภาฯอย่างอารมณ์ดีด้วย

รับไม่ได้ก้าวล่วงสถาบัน/‘อมรัตน์’เดือด

“ไปดูว่าประโยชน์ใครทำอะไรมากกว่า ผมเองเห็นท่านไปเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าศึกษาประวัติศาตร์ โอเค ก็ดีครับ ก็ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้างแล้วกัน สิ่งที่ท่านทำในหลายๆอย่างวันนี้ก็ปรากฎแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งผมรับไม่ได้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะชี้แจงเรื่องกระจกที่นางอมรัตน์พยายามจะสื่อถึงแต่นางอมรัตน์ลุกประท้วงใช้สิทธิ์พาดพิงว่านายกฯกล่าวถึงตนว่า ก้าวล่วงสถาบัน ตรงไหน ข้อหานี้มันผิด มันมีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆ จะมาปากพล่อยว่าคนอื่นอย่างนี้ได้ไง อย่ามั่ว เที่ยวพูดตีขลุมแบบนี้

จี้ถอนคำพูด-เจอ‘ปธ.ชวน’เบรก

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่าเวลาท่านพูดอะไรมาทั้งหมดตนก็ฟังได้ ท่านก็ฟังของท่านบ้างตนไม่ได้ว่าอะไรที่เกินความเป็นจริงเท่าไหร่ว่าไปดูในคดีต่างๆก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกันก็ไปเตรียมต่อสู้คดีเอาแล้วกัน

ทำให้นางอมรัตน์ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่านายกฯพาดพิง ขอให้ถอนคำพูดทั้งสองอย่างโดยระบุว่าม.112 เป็นมาตราร้ายแรงจะมาเที่ยวป้ายให้ใครแบบนี้ได้อย่างไรนี่ก็เอาเด็กเข้าคุกไม่ยอมปล่อยไม่ให้ประกันอย่ามั่ว

พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดสวนกลับว่า“ผมไม่ได้ป้าย ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับกระบวนการ”ทำให้นางอมรัตน์ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่าขอให้นายกฯถอนคำพูด โดยนายกรัฐมนตรีได้สวนกลับว่า“ผมไม่ถอน”ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯประธานที่ประชุม ต้องปิดไมโครโฟนของนางอมรัตน์อีกครั้งและกล่าวว่าขอให้ฟังประธาน โดยนายชวนกล่าวว่า เราอภิปราย เขาก็หนัก ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถอนและขอให้นายกฯอภิปรายต่อ และตนคิดว่าดีที่สุดคือเราต้องระมัดระวัง

นายกฯแจงปมแท่นประดิษฐานฯ

เวลา11.30น.พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อถึงการก่อสร้างแท่นประดิษฐานปรับปรุงภูมิทัศน์พระบรมราชานุสาวรีย์ ว่า เดิมมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยผู้ประกอบการ 3 ราย ผู้ชนะการคัดเลือกเสนอวงเงินก่อสร้าง 59 ล้านบาท ระหว่างการก่อสร้างบริษัทคู่สัญญาได้แจ้งความประสงค์บริจาคสิ่งปลูกสร้างที่แล้วเสร็จ โดยไม่ขอรับเงินค่าจ้างที่ระบุไว้ในสัญญา โดยกรมยุทธโยธาทหารบก ได้ส่งคืนงบประมาณดังกล่าวที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายแก่กองทัพบกแล้ว พร้อมทั้งชี้แจงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ว่าเราไม่ได้ใช้งบของทางราชการ แต่ดำเนินการภายใต้ผู้มีจิตศรัทธา

ยันไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐล้มเหลว

นายกฯ กล่าวอีกว่าวันนี้สถานการณ์โลก ประเทศเราเป็นเพียงประเทศเดียว หรือไม่ที่ได้รับผลกระทบ ตนมีตัวเลขของหลายประเทศเมื่อเทียบกับไทย คิดว่าตนทำได้มากกว่าในการดูแลประชาชน แต่แน่นอนว่ารายได้ต้องลด รัฐบาลก็มีมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยดูแล ทั้งหมดเราใช้งบประมาณสูงมาก อาจจะมองว่ารัฐบาลกู้เยอะแต่ก็จำเป็นต้องกู้ ขณะที่เราก็มีทุนสำรองมากพอสมควรที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน การคลังในระดับสูงและมีขีดความสามารถในการชำระหนี้สาธารณะสูงอยู่ เราไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐล้มเหลว ทุกคนยังเชื่อมั่น ยังพุ่งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนเรื่องการลงทุน ต่างประเทศมองไทยต่างจากที่คนไทยมองกันเอง สิ่งนี้สำคัญมากการจะพูดอะไรที่กระทบกับการต่างประเทศหรือประเทศเพื่อนบ้านขอให้ระวังอย่างยิ่งเพราะมีการพึ่งพาอาศัยกัน เป็นเรื่องของประชาชนต่อประชาชน มูลค่าการค้าขายชายแดนจำนวนมหาศาลที่ขณะนี้สูงขึ้น ทำให้ประเทศอยู่ได้ในเวลานี้

ยอมส.ส.ไม่เก่งแข่งพูดส่อเสียด

“ยืนยันว่าไม่ใช่ ไม่ดีทุกเรื่อง ไม่ใช่เลวที่สุด ไม่ใช่แย่ที่สุด ท่านมีความมุ่งหวังอะไร ผมก็ไม่ทราบ เวลานี้ควรรวมพลังคนไทยทั้งชาติแก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่ามัวทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านพูดแรง ผมก็อดไม่ได้ แต่ผมก็ให้เกียรติท่านอยู่แล้ว เวลาท่านโจมตีผมถึงจะรับไม่ค่อยได้ ผมก็ต้องรับ เพราะเป็นนายกฯ ถามว่าในห้องนี้มีสักกี่คนที่เป็นนายกฯมาก่อน ผมย่อมมีประสบการณ์มากกว่าท่าน แต่จะพูดแข่งกับท่าน ส่อเสียดให้ร้าย ผมสู้ท่านไม่ได้หรอก ผมยอมท่าน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘สมคิด’ซัดเอื้อประโยชน์พวกพ้อง

จากนั้น นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.)อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมว่าแม้คณะรัฐมนตรีจะมาน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค วันนี้เป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ล้วนๆท่านต้องมา ส่วนจะฟังอยู่ตรงไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้คนที่เป็นตำรวจต้องฟังทั้งที่อยู่ในหน้าที่และไม่อยู่ในหน้าที่ เพราะต้องปกป้องรักษาองค์กรตำรวจให้มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรอยู่แล้วก็ไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ตัวเองพูด กรณีพล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่กี่เดือนก็จะ8ปี จากการยึดอำนาจและกระบวนการเลือกตั้ง ที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่หนัก ท่านลุแก่อำนาจช่วยเหลือบุคคลที่แวดล้อมที่ทำหน้าที่ให้ท่าน สร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างบาดแผลให้กับลูกหลาน

วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ถือเป็นผู้มีอำนาจสุง สุดซึ่งต้องย้อนไปว่า สตช.ใช้งบประมาณปกติ ไม่มีอะไรอื่นใด แต่มีหนังสือเวียนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เรื่องงบประมาณและเรื่องต่างๆ ในการดูแล สตช.โดยระบุถึงแนวทางในการปฏิบัติราชการทำให้เห้นคร่าวๆว่าผบ.ตร.ต้องดูการบรรจุแต่งตั้งเรื่องการสอบเข้า และทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำรวจ ทั้งนี้ นายกฯไม่คำนึงถึงผู้คนตกงานหรือบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่มีงานทำ

แฉ‘ตู่’อุ้ม‘โบ้’ใช้เส้นฝากลูกเป็นตร.

นายสมคิด กล่าวว่าแต่มีคนบางกลุ่มที่ใช้เส้นสายผ่านสตช.เอาคนเข้ามาดำรงตำแหน่งมาได้หลายวิธี ทราบมาว่า มีลูกชาย ลูกสาว นักการเมืองคนหนึ่งที่ติดกับพล.อ.ประยุทธ์ เรียกว่าจะเป็นจะตายแทนกันได้เอาลูกเข้าตำรวจ เป็นคนอื่นตนไม่เอะใจ เพราะก่อนหน้ามีการนำลูกอดี ตผบ.ตร.เข้าเป็นตำรวจ ลูกคนเป็นลูกตำรวจยังพอทำใจได้ อย่างน้อยคนที่เป็นตำรวจใหญ่ได้สร้างคุณงามความดีให้กับหน่วยของเขา

เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์จัดการให้คนคนหนึ่งแต่ก่อนชื่อนายสุภรณ์ ตอนหลังเรียนสูงขึ้นเป็นด็อกเตอร์ชื่อนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเงาตามตัวมีข่าวถึงขนาดจุดไฟแช็คให้ในทำเนียบ เดินเป็นฝาแฝด เก่งขนาดแต่งตั้งให้ไปดูแลเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล ดูไปดูมา กลับแบ่งเข้าตัว เรื่องราวมีคลิปอื้อฉาวจนสุดท้ายจำใจลาออก ที่ต้องเอ่ยถึง เพราะลูกของนายเสกสกลได้รับการแต่งตั้งเป็นนายตำรวจชื่อร.ต.อ.เจตนารมณ์ อัตถาวงศ์ เป็นรองสารวัตร ฝอ.5กองอำนวยการ กองบัญชาการสืบสวนกลาง(บก.อก.)แต่งตั้งเมื่อวันที่31มี.ค.2564และอีกคนลูกสาวชื่อน.ส.จิตปรารถนาบรรจุเดือนเมษายน2565ตำแหน่งกองการต่างประเทศ เป็นการรับในตำแหน่งที่ไม่ได้มีการขาดแคลน

ถึงบางอ้อ“เบิ้ดคำสิเว้า”

“ผมเพิ่งถึงบางอ้อว่าเหตุใด คนเป็นพ่อถึงสู้ตายเพียงข้างๆ คูๆช่วยพล.อ.ประยุทธ์จนไม่ลืมหูลืมตา การแต่งตั้งลักษณะนี้คือเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตนเองแล้วพล.อ.ประยุทธ์จะปฏิรูปตำรวจอย่างไร ภาษาบ้านผมคือ“เบิ้ดคำสิเว้า”หรือไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมอยากให้ประชาชนรับฟังให้เห็นว่าเมื่อเขามีอำนาจเขาทำอะไรก็ได้และด็อกเตอร์คนนี้ ไม่ธรรมดา เสกอะไรก็ได้ การปฏิรูปอะไรต้องดูตัวผู้บริหาร คนเป็นผู้นำองค์กรเพราะตำรวจดีๆทำงานเขาเสียน้ำใจ นายกฯจะต้องตอบเรื่องนี้ว่าแต่งตั้งเข้าไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ความผิดของลูกหลาน แต่เป็นความผิดของคนแต่งตั้ง นายกฯต้องจำไว้ว่า ไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินให้ตำรวจเอง เพราะตำรวจแต่ละคนกว่าจะเกษียณคำนวณดูจะต้องเสียเงินกว่า 32ล้านบาทต่อคน เมื่อแต่งตั้ง2คนก็ใช้ภาษีของประชาชน 64ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีความสามารถในการดำเนินการให้หน่วยงานได้อย่างเต็มที่” นายสมคิด กล่าว

ฝ่ายค้านจ่อปปช.ฟันศักดิ์สยามซุกหุ้น

ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ว่ายอมรับว่าการอภิปรายอาจจะกร่อยหน่อย รัฐมนตรีที่หนีไปตั้งหลักแล้วกลับมาตอบคือนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ดูเหมือนมีเอกสารหลักฐานที่ทำให้คนทั่วไปเชื่อถือ แต่พอลงไปดูมีความน่าสงสัยอยู่เยอะ ตนจะสรุปวันที่22ก.ค.ว่ามีพิรุธอย่างไรทั้งกรณีนายศักดิ์สยามที่ชี้แจงว่ามีการซื้อขายหุ้นจริง แต่ไม่ได้ชี้แจงการเสียภาษีซึ่งทางนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อเลขาธิการประชาชาติจะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ข้อหาซุกหุ้นและหลบเลี่ยงภาษีจะมีหลักฐานออกมาอีกจำนวนมาก ส่วนนายจุติเมื่อดูหลักฐานต่างๆแล้วเปรียบเทียบกับคำกล่าวหา มองว่ายังไม่เคลียร์คงต้องตามดูต่อไป

จวก‘บิ๊กตู่’ภาวะจิตยังไม่เป็นผู้ใหญ่

นายสุทิน กล่าวว่าจากการตอบคำถามต่างๆของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมยังมีข้อสังเกตว่าภาวะจิตที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ คิดว่า2-3ปีผ่านมา ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ครั้งนี้กลับมาเป็นเด็กอีกแล้ว มีการเหน็บแนมว่า“เอากลับมาให้ได้แล้วกัน”หรือ“เป็นนั่งร้าน ไม่มีหัว”หมายถึงอะไรเราพอรู้ แต่เรื่องเช่นนี้เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรพูด ถ้าเราจะใช้อารมณ์เช่นเดียวกับนายกฯถามกลับว่าเรามีหัว จะเอาหัวระดับไหน เรามีผู้นำฝ่ายค้าน มีหัวหน้าพรรค ถ้าจะเอาหัวที่เป็นแคนดิเดตนายกฯนั้นเรากลัวว่าท่านจะหัวหดมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์มีหัว แต่หัวหด เพราะเจอหัวที่เราจะใช้เป็นแคนดิเดตนายกฯท่านก็เป๋แล้ว และมาทำลายระบบเลือกตั้งระบบรัฐสภาวุ่นวายไปหมดเช่นสูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อจาก100เป็น500

โวแค่แคนดิเดตนายกฯพท.ก็หัวหด

ส่วนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงคือใคร นายสุทิน กล่าวว่ายังไม่บอก ยังไม่ชัด แต่แค่เสนอมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็หัวหดแล้ว ส่วนหัวที่จะเสนอคือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยใช่หรือไม่นายสุทินตอบว่า เอาแค่ น.ส.แพทองธาร สมมุติเราจะใช้หัวนี้ การตอบรับที่ไปสำรวจมาก็ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นฝุ่นแล้วพล.อ.ประยุทธ์ต้องรู้ว่าวันนี้สู้รุ่นหลานไม่ได้ ไม่ใช่แค่หลานอุ๊งอิ๊ง หลานพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็สู้ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ควรเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อยากให้ชี้แจงที่เป็นมรรคเป็นผล

เย้ยสมเพช‘บิ๊กตู่’ภูมิใจทำปฎิวัติ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯชี้แจงในสภาชี้ไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ว่าเป็นคนปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มรับจนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนภูมิใจนายสุทินกล่าวว่า“นั่นสิ เป็นความปลื้มปีติที่น่าสมเพช พล.อ.ประวิตรชี้ตัวฆาตกรตรงๆว่าคนนี้คือคนปฏิวัติ แล้วดูยิ้มเหมือนภูมิอกภูมิใจ เรียกว่าเป็นคนบาปแต่ปลื้มใจว่า เป็นบุญ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอันนี้อันตรายมาก ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี”

‘กลุ่ม16’พร้อมโหวตคว่ำ‘จุติ-สันติ’

นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรมในฐานะกลุ่ม 16 กล่าวถึงแนวโน้มการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่ากลุ่ม 16 พร้อมลงมติไม่ไว้วางใจ2รัฐมนตรี หลังจากได้รับฟังการอภิปรายที่มีการโต้ระหว่าง นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกลกับ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงจากพิจารณาข้อมูลหลักฐานที่นายณัฐชานำมามอบให้หลังอภิปรายเห็นว่าไม่สามารถไว้วางใจได้ แม้เสียงเพียงน้อยนิดของกลุ่ม16อาจทำได้เพียงแค่คะแนนรัฐมนตรีได้น้อยไม่สามารถคว่ำได้ แต่ถือเป็นการสนับสนุนข้อมูลอันชัดเจนของผู้อภิปรายพร้อมหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนรัฐมนตรีอีกคนคือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในวันนี้นายไชยยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทยได้มีข้อมูลที่อภิปรายนายกฯโดยเฉพาะในเรื่อง EECจึงคิดเห็นว่าสมควรลงมติไม่ไว้วางใจอีกคน

“สมศักดิ์”ลุ้นพลิกสูตรปาร์ตี้ลิสต์

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500ว่าน่าจะทำไม่ได้ คิดว่าน่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง เพราะย้อนแย้งกัน ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคก้าวไกลบางคนแล้ว แต่ละคนมีความเห็นคล้อยตามกับที่ตนคิดเหมือนกันและยอมรับว่าที่ผ่านแม้ว่าจะไม่ได้ขัดกฎหมาย แต่สมมติว่าจำนวน ส.ส.ที่จะได้ คือจำนวนที่เลือกบัญชีรายชื่อและหารด้วย 500จะได้ส.ส.พึงมี แต่ถ้าได้ ส.ส.เขตมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็จะไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย อาจจะได้ ส.ส.50เขต แต่บัญชีรายชื่อได้5ล้าน เท่ากับว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อจะไม่ได้เลย ถ้าเขาได้ ส.ส.60 คนก็คงไม่พอใจเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ

พปชร.ส่อกลับลำล้มใช้หาร100

ในกรณีดังกล่าวได้พูดคุยหรือไม่ว่าถ้าหาทางออกไม่ได้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางแรก คือกลับมาใช้หารด้วย 100เพราะเรื่องยังไปไม่ไกล หรือ อาจจะยกเลิกทั้งหมด ซึ่งเสียงในสภาสามารถทำได้ แต่เรื่องนี้ต้องลองถามพรรคภูมิใจไทยดู ส่วนที่ระบุถึงพรรคภูมิใจไทยแสดงว่าเขาเป็นตัวแปรในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เขากระทบเยอะ โดยเฉพาะบัญชีรายชื่ออาจจะไม่ได้ ส่วนจะทำได้ด้วยวิธีอะไร ก็แล้วแต่ อาจจะมีทั้งวิธีที่ถูกหรือไม่ถูก ก็ได้ เมื่อถามว่าในพรรค พปชร.ได้คุยเรื่องนี้หรือยัง นายสมศักดิ์ กล่าวว่าให้กระดาษเอาไปคิดแล้วว่า”ตามนี้นะ”

‘วิษณุ’ชี้ใช้หาร100ได้หากกกต.ยืนยัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีกระแสข่าวว่าจะกลับมาใช้สูตรคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นหาร100 ว่า จะกลับมาได้อย่างไร ตนยังนึกไม่ออก ผู้สื่อข่าวถามว่าหากส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วกกต.สามารถยืนยันกลับมาได้ใช่หรือไม่ว่าให้ใช้สูตรหาร 100 นายวิษณุ กล่าวว่า กกต.สามารถท้วงได้ทุกมาตรา และเมื่อท้วงแล้วก็อยู่ที่รัฐสภาว่าจะเอาอย่างไร ถ้ารัฐสภาจะแก้ ก็แก้ตามกกต.แต่ถ้าไม่แก้ ก็ยืนยันกลับไป ก็จบเท่านั้น แต่ถ้าจะมีคนไม่จบ ก็ส่งเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป เมื่อถามว่า หากกกต.ยืนยันหาร100มา จะมีขั้นตอนทำอย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนั้น ว่าเมื่อเสร็จจากสภา ก็ต้องส่งไปถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กกต.ถ้าถามว่าส่งไปทำไม ก็เพื่อให้เขาตอบกลับมา ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกกต.ส่งมาที่สภาแล้วถ้าต้องการจะแก้จะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมรัฐสภาต้องเป็นคนแก้ เมื่อถามย้ำว่าจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าจะใช้หาร100หรือ500 นายวิษณุ กล่าวว่า รู้อยู่แล้ว เพราะทุกอย่างจะต้องเปิดเผยและจะทราบชัดเจนเมื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา

‘ธนกร’ซัดฝ่ายค้านซักฟอกไร้วุฒิภาวะ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นปีศาจที่ดูดกินชีวิตประชาชน รวมทั้งกล่าวหาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ว่า อาจจะเป็นธาตุแท้ของนายจุลพันธ์ และคนพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ ที่มีนิสัยชอบพูดจาส่อเสียด กระทบกระเทียบเปรียบเปรย ด้อยค่าผู้อื่นเหมือนกับผีเจาะปากมาพูด หลายคนที่รับชมการอภิปรายต่างระบุว่าเป็นสีสันของสภาฯ แต่เป็นสีสันที่สกปรก เพราะตลอดการอภิปรายมีแต่สำนวนโวหารและใช้อารมณ์ เหมือนคนขาดวุฒิภาวะ เนื้อหาที่นำเสนอก็ซ้ำซาก หลักฐานเชิงประจักษ์แทบไม่มี ทำให้ผู้ชมผู้ฟังไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ เมื่อใดก็ตามที่นายจุลพันธ์ลุกขึ้นประท้วง ก็มักจะแสดงคำพูดและกิริยาเกรี้ยวกราด เข้าทำนองว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง ไม่ต่างอะไรจากตัวร้ายในละคร

ไล่’สงคราม’กลับไปนอนบ้านดีกว่า

นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ ที่ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีกลับไปพักผ่อนอย่างสงบที่บ้าน อย่าอยู่สร้างหายนะนั้น ตนคิดว่านายสงครามน่าจะเป็นฝ่ายกลับไปนอนอย่างสงบน่าจะดีกว่า และไม่ควรนึกเอง มโนเอง กล่าวหารัฐบาลโดยไม่ดูข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลติดตามและแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันมาโดยตลอด ยึดกลไกตลาดโลกและปัจจัยภายในประเทศคู่ขนานกัน อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนสูง ปรับขึ้นและลงอยู่ตลอดเวลา แต่ปัจจุบันรัฐบาลก็สามารถควบคุมราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ดังนั้น นายสงครามคงจะกลับไปนอนตาหลับอย่างสงบที่บ้านได้อย่างสบายใจ

“นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล หยิบประเด็นการจัดซื้อ GT200 ไม่โปร่งใสมากล่าวหาและสาปแช่ง 3 ป.ไม่ให้ไปดี ไม่ให้ไปสู่สุคตินั้น อยากเตือนว่าระวังจะเข้าตัว เพราะนอกจากจะเป็นการย้อนอดีตไปไกล เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ และไม่เกี่ยวกับการทำหน้าที่ในปัจจุบันของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายแล้ว ข้อมูลทั้งหมดที่นำมากล่าวหานั้นยังไม่เป็นความจริงอีกด้วย ดังนั้นสุดท้ายแล้วสังคมอาจจะสาปแช่งไม่ให้นักการเมืองแบบ นายจิรัฏฐ์ ได้ดีหรือกลับเข้ามารกสภาฯอีก” นายธนกร กล่าว

‘แรมโบ้’ยันลูกจบเกียรตินิยม-เก่งภาษา

นายเสกสกล อัตถาวงษ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เส้นสายแต่งตั้งลูกชาย-ลูกสาว นายเสกสกลเข้ารับราชการเป็นตำรวจ ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของเด็กที่ดำเนินการตามขั้นตอนของเขา ทั้งที่จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงนายกรัฐมนตรีไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามหาวิทยาลัยนั้นห่วยมากหรือที่นักศึกษาจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สอบเข้าเรียนนายสิบ ได้ถูกเลือกไปทำงานอยู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างประเทศ เพราะเก่งภาษา ซึ่งตนไม่อยากอธิบายความมากเนื่องจากเป็นเรื่องของเด็ก อย่าทำให้เด็กเสียขวัญและกำลังใจ

อย่าทำลายอนาคต-นึกถึงลูกตัวเองบ้าง

นายเสกสกล กล่าวว่า เด็กเขาดำเนินตามกระบวนการขั้นตอนของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายกฯเลย ถ้าอย่างนั้นผู้อภิปรายทำไมไม่ย้อนไปดูในอดีตที่มีการตั้งคนนามสกุลชินวัตร เป็นผบ.ทบ.ตั้งคนนามสกุลดามาพงศ์ เป็น ผบ.ตร.ตั้งคนนามสกุลวงศ์สวัสดิ์ เป็นคนใหญ่คนโตมากมาย สืบทอดทายาทเป็นนายกฯมากี่คนแล้ว ทำไมไม่ไปดูตรงนั้นบ้าง แต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา เลขา ข้าราชการใหญ่โตเป็นสิบๆตำแหน่งแล้วทำไมไม่นำเรื่องเหล่านี้มาอภิปราย แต่นี่ไปเอาเรื่องของเด็กตัวเล็กๆที่ไปสอบนายสิบ เรียนปริญญาโทแล้วไปสอบเป็นนายร้อยตำรวจได้แล้วมันผิดตรงไหน ดังนั้นอย่ามาใช้ขบวนการทำลายอนาคตเด็ก นายสมคิด เป็นผู้หลักผู้ใหญ่และเป็นสส.พูดอะไรก็ให้นึกถึงหัวอกลูกตัวเองด้วย

“สามารถ”ชี้น้ำท่วมทุ่งผักบุงโหรงเกรม

วันเดียวกัน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรมได้โพสต์ Facebookวิจารณ์3ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกฯตั้งข้อสังเหตุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ไม่มีขุนพลมือดีกว่านี้แล้วหรือ ที่จะเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาอภิปรายให้ประชาชนได้ฟังแต่ปรากฏว่าเอาข้อมูลเท็จมาอภิปราย และกล่าวหาพล.อ.ประวิตร ให้เสียหาย ทั้งที่ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติอย่างเต็มที่ ทั้งการแก้ไขปัญหายาสพติด แก้ไขปัญหาภัยแล้ง

“การอภิปรายแล้วแล้วเอากล้วยมาชูในสภาฯนั้นชาวบ้านเขานีกว่าละครตลก การอภิปรายในครั้งนี้ผมว่าคนแดนไกล คงไม่ปลื้มเพราะกระสุนและกระแสนั้นย้อนกลับไปหาคนแดนไกลมากกว่าโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด”นายสามารถระบุและว่าชาวบ้านเขาผิดหวังกับการอภิปรายของฝ่ายค้าน ถ้าเป็นแบบนี้รัฐบาลก็สอบผ่านฉลุยเพราะการอภิปรายตลอด3ปีที่ผ่านมา น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโรงเหรง