‘วิษณุ’ยันครม.ไม่เคยคุยบัตรใบเดียว
ชี้ช่องยื่นศาลรธน.
ใครสงสัย‘บิ๊กตู่’นั่งนายกฯนาน8ปี
ควันหลงอภิปรายพท.ร้องเอาผิดรมต.
โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี-ถุงมือยาง
‘ศรีฯ’ชงกกต.สอบ4พรรครับกล้วย
“วิษณุ”ยันครม.ไม่เคยถกกลับใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พร้อมย้ำไม่ควรทำดักคอก.ม.ลูก ลต.ไม่เสร็จ 180 วัน ความผิดรัฐสภา“เพื่อไทย”เดินหน้าร้องป.ป.ช.เช็คบิล รมต.ทุจริต “อีอีซี-ถุงมือยาง” มั่นใจหลักฐานมัดแน่น ชี้ปม ก.ม.ลูกสูตรหาร 500 รอผ่านวาระ3ยื่นแน่ เอาผิดจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ‘ศักดิ์สยาม’ยันรับเงินบริจาคเอกชน5.9ล้านบาท ทำถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 1สิงหาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวจะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวสามารถทำได้หรือไม่ว่า ตนไม่ทราบว่าใครอยากกลับไปใช้บัตรใบเดียว ไม่เคยรู้เรื่องและได้ยิน เพียงแต่เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ ไม่รู้เขาจะกลับไปได้อย่างไร เดิมทีใช้บัตรใบเดียว แล้วแก้รัฐธรรมนูญเป็นบัตร2ใบ ถ้าจะแก้เป็นบัตรใบเดียวก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญอีก หากจะทำซึ่งไม่รู้จะทำ ทำไม เมื่อถามว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการคุยเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยมีการถามทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการและไม่เคยมาพูดกับตนในเรื่องนี้ เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเช่นนั้นไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช่บัตรใบเดียวใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ใช่”
เกิน180วันต้องใช้ร่างกม.ของกกต.
เมื่อถามว่าสูตรการคำนวณสส.ที่จะใช้สูตร100หรือ500 ที่ยังมีการถกเถียงกันอยู่มองว่าจะจบอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เขาเถียงกันนานหลายเดือนแล้วระหว่างหาร100หรือ500 เมื่อถามว่าหากดึงเวลาให้เลย วันที่ 15ส.ค.ที่ครบกำหนด 180วัน หลังบรรจุระเบียบวาระจะต้องกลับไปใช้ร่างของกกต. หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากถึงวันดังกล่าวรัฐสภายังพิจารณาไม่เสร็จเท่ากับไม่ทันกรอบ180 วันก็ต้องกลับไปใช้ร่างของกกต.ที่เสนอมาทุกมาตรา เรื่องนี้ที่ประชุมครม.ไม่เคยหยิบยกมาหารือกัน เพราะคงเข้าใจว่าจะเสร็จทัน เพราะยังเหลือการพิจารณาอย่างน้อยก็วันที่ 2ส.ค.และ9ส.ค.หากยังไม่ทันก็นัดเพิ่มวันก่อนวันที่ 15ส.ค.เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่กังวลเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีใครเคยพูด ไม่เคยมีใครกังวล และวิปก็ไม่เคยรายงาน เมื่อถามว่าต้องมีแผนสำรองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีอะไรสำรอง ถ้าไม่เสร็จจริงๆก็เป็นความบกพร่องของรัฐสภา แล้วกลับไปใช้ร่างเดิมในทุกมาตรา ไม่ใช่แค่มาตราหาร100 แต่รวมไปถึงมาตราอื่นๆที่เขาอุตส่าห์แก้มาเสียดิบดี
ใครสงสัยนั่งนายกฯ8ปีให้ร้องศาล
นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์ถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 8ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า ตอนนี้ใครสงสัยสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญได้เลย แต่เห็นฝ่ายค้านบอกว่าจะยื่นวันที่ 7ส.ค.นี้ แต่ในส่วนของรัฐบาลไม่ได้เป็นฝ่ายส่ง เพราะไม่ได้สงสัย รัฐบาลเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลในเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยมีใครพูดว่ากังวล เมื่อถามว่าแสดงว่าเชื่อมั่นใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเชื่อมั่นอะไร รัฐบาลก็เฉยๆ ถ้ามันไม่ถูก เพราะนับตั้งแต่ปี 57 ก็ให้เป็นไปตามนั้น เมื่อถามว่าถ้าฝ่ายค้านยื่นศาลแล้ว ศาลสามารถเรียกนายกรัฐมนตรีไปชี้แจงได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลจะไม่เรียก แต่จะใช้วิธีส่งหนังสือมาที่รัฐบาลและรัฐบาลก็จะตอบเป็นหนังสือกลับไป ว่ามีความเห็นอย่างไร อันนี้หมายถึงกรณีถ้าศาลถาม แต่ถ้าศาลไม่ถามรัฐบาลก็ไม่ต้องตอบอะไร “เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งถ้าเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย ศาลสามารถพิจารณาเองได้ ไม่ต้องมีใครมาสอนศาล” นายวิษณุ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของรัฐบาลได้เตรียมร่างที่จะตอบดักทางศาลบ้างหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้เตรียมเลย เพราะถ้าถึงเวลาจะต้องตอบก็ต้องมีเวลาพอที่จะตอบ เขาคงไม่ถามวันนี้และให้ตอบพรุ่งนี้ มะรืนตัดสิน คงไม่ใช่ ส่วนตัวไม่แน่ใจศาลจะถามให้รัฐบาลตอบหรือไม่
เชื่อไม่มีปัญหา-ไม่ต้องเตรียมแผนสำรอง
เมื่อถามว่าส่วนตัวมั่นใจว่า นายกฯจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยตอบว่ามั่นใจ หรือไม่มั่นใจและนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยหารือเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้นายกฯ เคยตั้งทีมมาศึกษาเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ยืนยันว่าไม่มี แต่ที่สภามี เมื่อถามว่าการตั้งรับของรัฐบาลในเรื่องนี้มีการวางแผนไว้อย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งรับอะไร เราก็แค่รอวันดี คืนดี ศาลมีหนังสือมาบอกว่ามีคนไปร้องอย่างนี้ ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นการร้องตามมาตรา 82 ดังนั้นขอให้รัฐบาลให้ความเห็น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็จะให้ความเห็นไป เมื่อถามว่าในระหว่างที่ไม่มีความชัดเจนเรื่องนี้ได้มีกลุ่มคนออกมาเรียกร้องให้นายกฯลาออกก่อน นายวิษณุ ย้อนถามว่า ใครเรียกร้อง พร้อมกล่าวว่า ก็รับทราบๆ เมื่อถามย้ำว่าหากศาลรับคำร้องเรื่องนี้นายกฯต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การจะหยุดหรือไม่อยู่ที่ศาลจะสั่ง ว่าจะหยุดหรือไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
คาดยื่นแล้วศาลรธน.พิจารณาไม่นาน
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ จะใช้เวลาในการพิจารณานานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมายล้วนๆ ไม่ได้เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ได้มีเรื่องต้องสืบพยานดังนั้นก็ไม่น่าจะนาน แต่ตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เรื่องนี้ศาลจะรู้เอง เมื่อถามว่าการดำรงตำแหน่งของนายกฯอยู่ท่ามกลางการใช้รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ คนยื่นจะต้องยื่นร้องตามรัฐธรรมนูญฉบับใด นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เขาเป็นคนยื่นเขาต้องคิดออกเองว่าจะยื่นแบบไหน เอาอย่างไร ตนจะไปสอนเขาทำไม ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าควรนับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อไหร่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ตอบ เมื่อถามว่าต้องยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ
‘พท.’ลุยร้องปปช.เช็กบิลรมต.ทุจริต
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีการตรวจและการเรียงลำดับ ว่า ในส่วนของพรรค พท. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท.จะยื่นเรื่องการประมูลโครงการบริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักตะวันออก (อีอีซี) ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค พท.จะยื่นเรื่องการทุจริตเส้นทางการเงินการซื้อถุงมือยาง มีที่การโอน ยักย้ายถ่ายเท ส่วนเรื่องอื่นๆ กำลังดำเนินการ อาทิเรื่องการประปาส่วนภูมิภาค และขณะนี้กำลังจะยื่นเพิ่มอีก 4-5รัฐมนตรี ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค ตามข้อมูลที่มีอยู่
คาด3สิงหาฯถกหาร100หรือ500จบ
เมื่อถามว่า ในส่วนของกฎหมายลูกเรื่องหาร100และหาร 500 จะยื่น ปปช.เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากผ่านวาระ3 ในวันที่ 2-3ส.ค.จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งบังเอิญว่ามีกฎหมาย 2ฉบับอยู่ในวาระก่อนหน้า คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. …. และร่าง พรบ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.….ถัดจากนั้นถึงจะเป็นกฎหมายลูก และคิดว่าคงเข้าพิจารณา โดยช่วงเย็นของวันที่ 3ส.ค.คิดว่าน่าจะจบได้ ส่วนกำหนดเวลา เราก็ไม่ทราบว่าร่างทั้ง 2ฉบับจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ตนเชื่อว่าในรัฐสภาไม่มีเหตุผลที่จะดึงให้เกิน180วัน เพราะรัฐสภาจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หลังผ่านวาระ3ไปยื่นปปช.แน่นอน
เมื่อถามย้ำว่า การไปยื่น ปปช.เรื่องหาร100และหาร500 ต้องผ่านวาระ3ก่อนใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อลงมติผ่านวาระ3ไปแล้ว ไม่เกิน1สัปดาห์ พรรค พท.จะไปยื่นต่อ ปปช.เพื่อตรวจสอบกรณีที่สมาชิกรัฐสภาลงมติจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยตอนนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังรวบรวมอยู่ ทั้งนี้ พรรค พท.จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย แต่ต้องดูก่อนว่าทางรัฐสภาจะยื่นหรือไม่ เราได้คาดการเอาเองว่าประธานรัฐสภาอาจจะไม่ยื่น เพราะว่าอาจจะยื่นต่อองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นเรื่องดังกล่าวพรรค พท. จะยื่นโดยใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา148 เพื่อให้วินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรนูญหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้อาจเกิดกระบวนการยุบสภา กังวลว่าจะมีผลต่อการบังคับใช้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน สมมติว่าเกิดการยุบสภา และกฎหมายลูกยังไม่ออก ตนคิดว่าทางรัฐบาลสามารถดำเนินการ โดยออกราชกิจจานุเบกษา หรือพระราชกฤษฎีกา หรือออกข้อกำหนด โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งได้เตือนไปว่าไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งควรจะผ่านตัวแทนของประชาชน
ย้ำ’พท.’ค้านหมดอะไรหารด้วย500
“ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในยุค คสช.ที่ไหนล่ะ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำอย่างนั้นเลย เพราะจะต้องให้กฎหมายลูกผ่าน ส่วนจะหารอะไรเป็นเรื่องของเสียงส่วนมาก แต่ขอยืนยันว่าพรรค พท.อะไรที่เกี่ยวข้องกับหาร 500 เราจะงดออกเสียง เพราะเรายืนยันกับหาร100 มาตลอด เราไม่สามารถกลับอะไรไปหารอย่างอื่นได้ ส่วนแพ้ชนะเป็นเรื่องรัฐสภา ทั้งนี้ไม่ได้เป็นมติของฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องทำงานด้วยกันทุกเรื่อง บางเรื่องก็เป็นสิทธิของเขา อย่างพรรคเล็กเขาก็ป้องกันตัวเอง ในการหารที่เขาคิดว่าจะได้ แต่ถ้าไปคิดละเอียดเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในสนามเลือกตั้ง ขอเรียนตรงๆ ว่า ไม่ว่าหารอะไร พรรคใหญ่ได้เปรียบหมด ตัวอย่างเช่น พรรค พท. มีส.ส.เขตมากและมีพื้นที่การทำงานมาก ก็จะได้มากเป็นปกติ ไม่ได้มากเพราะกฎหมายกำหนด” นายสมคิดระบุ
มั่นใจกม.ลูกต้องผ่านสภาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หาก กกต.ทักท้วงก็เป็นหน้าที่ของรัฐสภา สมมติ หาร500ผ่าน ตนคิดว่าไม่มีเหตุที่จะไม่ผ่านแล้ว เพราะเสียงข้างมากเป็นอย่างงั้น ซึ่งเสียงข้างน้อยเป็นของเรา เราก็ต้องทำตามวิถีของเสียงข้างน้อยต่อไป ซึ่งหลังจากผ่านวาระ3 จะต้องส่งต่อให้ กกต.อยู่แล้วและกกต.จะมีเวลาพิจารณา 10วัน หากไม่ทักท้วง ก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯออกเป็นกฎหมายได้เลย แต่หากทักท้วงก็จะต้องตีกลับมาที่รัฐสภา และต้องประชุมให้แล้วเสร็จภายใน30วัน เพราะฉะนั้นเราไม่ทราบว่าจะทักท้วงอะไร แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา132 เขียนกว้างๆว่า รัฐสภาสามารถแก้ไขได้ตามสมควร ซึ่งไม่เข้าใจว่าตามสมควรคืออะไร ดังนั้นต้องดูว่า กกต.ทักท้วงเรื่องอะไรหรือไม่เท่านั้นเอง
พปชร.เชื่อ3สค.กม.ลูกจบ-เคาะสูตร500
นายวีระกร คำประกอบ สส.เขต2 จ.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวที่จะย้อนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว ว่า อาจจะมีการพูดกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้อาจจะเป็นคนรอบตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่เป็นพวกทหารมองว่าแก้แบบนี้พรรคพปชร.น่าจะได้ประโยชน์ แต่พวกเขาอาจจะลืมไปว่าสภาสมัยนี้มาจากประชาชนจะสั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้ และรัฐธรรมนูญเพิ่งจะแก้เสร็จยังไม่ทันใช้อยู่ๆคุณจะมาแก้กลับอย่างนี้จะบอกกับประชาชนอย่างไร เพราะจะต้องมีเหตุมีผลอธิบายกับประชาชน ฉะนั้นเลิกคิดเลิกวิจารณ์กันได้แล้วข่าวก็คือข่าวคนพูดก็พูดไป ที่สำคัญต่อให้ทำทามไลน์มันไม่ได้มันไม่ทันเลือกตั้ง และการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ส.ส.เขตที่ลงพื้นที่จะได้เปรียบ ฉะนั้นการแก้กลับไปเป็นแบบบัตรใบด้วยส.ส.เขตในสภาคงไม่ยอมกัน เมื่อถามว่าร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะนำกลับเข้ารัฐสภาในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ จะจบเลยหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จบ เพราะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูก จะแก้ไขให้มาตราอื่นๆสอดรับกับมาตรา 23 ที่มีมติแก้ไขใช้สูตรคำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ซึ่งกมธ.ฯจะมีการปรึกษากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าทำได้หรือไม่ ตนก็เชื่อว่าเมื่อกฎหมายผ่านสภาเสร็จแล้วกกต.น่าจะไม่มีปัญหาเห็นด้วยกับการเอาสูตรหารด้วย 500
‘ภท.’ยันรับเงินบริจาค5.9ล้านตามกม.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี หจก.บุรีเจริญ บริจาคเงินสนับสนุนพรรคการเมืองให้แก่พรรค ภท.5.9ล้านบาท ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อาจมีความเชื่อมโยงกับที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ว่า เรื่องเงินบริจาคพรรคต้องพิจารณากฎหมายเป็นหลัก ซึ่งการบริจาคมีข้อกำหนดอยู่แล้วว่า บุคคลธรรมดาบริจาคได้เท่าไหร่ บริษัทเป็นนิติบุคคลและหจก.บริจาคได้เท่าไหร่ ซึ่งการจะบริจาคให้พรรคการเมืองใดเป็นสิทธิเสรีภาพของพวกเขา ส่วนรายละเอียดว่าบริจาคให้พรรคการเมืองใดต้องไปสอบถามกับผู้บริจาค ซึ่งทุกพรรคก็มีผู้บริจาคให้ทั้งสิ้น ถ้าไปมองว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร ก็คงจะไม่ถูกต้อง เพราะการบริจาคเป็นเรื่องความพึงพอใจ ในนโยบายของแต่ละพรรค ทุกพรรคการเมืองไม่มีการบริจาคเพียงรายใดรายหนึ่ง วิธีบริจาคก็เยอะแยะ อาจจะจัดเป็นงานระดมทุน ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายก็ไม่ได้มีประเด็น ทุกพรรคการเมืองก็มีผู้บริจาคหมด
‘ศรีฯ’หอบสลิป4พรรครับกล้วยร้องกกต.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนเอาผิด สส.ที่มีหลักฐานยืนยันว่า รับเงินหรือทรัพย์สินจากบุคคลอื่น โดยโอนบัญชีธนาคารระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งของธนาคารนับแสนบาทต่อเดือน โดยนำหลักฐานเอกสารมายื่นต่อกกต.ทั้งหมด 8หน้า ประกอบด้วยหลักฐานการโอนเงินไปยังหัวหน้าพรรคการเมืองเล็ก 4พรรค รวม 5คน รวมถึงสลิปโอนเงินไปยังบุคคลปลายทางตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นชื่อหัวหน้าพรรคเล็กๆรวมทั้งหัวหน้ากลุ่มการเมือง ซึ่งเป็นเงินได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดย สส.ที่ตนมายื่นเรื่องต้องชี้แจงต่อกกต.เพราะการโอนเงินเหล่านั้นมีระยะเวลาที่กระชั้นชิดห่างกันกันแค่ 1-2นาที ซึ่งมีพิรุธและผิดสังเกต ทั้งนี้ กกต.จะต้องขับไล่นักการเมืองเหล่านี้ออกไปจากแวดวงการเมือง หากปล่อยให้นักการเมืองเหล่านี้มาขอเงิน หรือปล่อยให้บุคคลอื่นมาครอบงำ แล้วประชาชนจะหวังพึ่งใครได้
สอบผิดถึงขั้นยุบพรรค-ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง
“ผมยังนำบทสัมภาษณ์ของสส.บางคนที่ยอมรับว่า รับเงินนำไปใช้เพื่อลงพื้นที่ไปดูแลชาวบ้านในเขตเลือกดังนั้นถือเป็นรายได้หรือรายรับของพรรคการเมืองตาม ม.62 (5) และหรือ (7) ของพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง2561หรือไม่และมีการประกาศให้ประชาชนทราบตาม ม.65 และหรือได้มีการปฏิบัติตาม ม.67 ครบถ้วนแล้วหรือไม่และหรือมีการจัดทำและลงรายการทางบัญชีรายรับ-รายจ่ายของพรรคการเมืองตาม ม.59 หรือไม่ ฯลฯ แต่หากไม่ใช่ก็อาจถือได้ว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทันที ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม ม.72 ประกอบ ม.126 ของกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาทห รือทั้งจำทั้งปรับและให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเท่าใดขึ้นอยู่ศาลกำหนด นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.28 ประกอบ ม.92 (3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2561 ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคอีกด้วย ที่บัญญัติห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม