คำพิพากษาฉบับเต็ม! 'สุเทพ'พ้นผิด ปิดฉากคดี'โรงพักฉาว'

คำพิพากษาฉบับเต็ม! 'สุเทพ'พ้นผิด ปิดฉากคดี'โรงพักฉาว'

วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565, 13.50 น.

"สุเทพ"กับพวกรอดคุก ศาลฎีกานักการเมืองยกฟ้อง พ้นผิดคดีฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง ศาลชี้ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย "สุเทพ"ขอบคุณศาล เป็นที่พึ่งของประชาชนคืนความบริสุทธิ์ ยันทำหน้าที่ทางการเมืองอย่างสุจริตมาตลอดมา จากนี้จะขอเดินหน้าสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 กันยายน 2565 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีฮั้วประมูลก่อสร่างโรงพักทดแทน หมายเลขดำ อม.22/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี , พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ , พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ , บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1 - 6 ตามลำดับกรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)


โดยคดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.52 - 18 เม.ย.56 จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง จากราคาภาคแยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว จำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอ ราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3 - 4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบ เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา ต่อมาจำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 , 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3 , 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 , 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5 , 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด

วันนี้นายสุเทพเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ มี นายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.มหาดไทย นายณัฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.กระทรวงศึกษาธิการ นางทยา ทีปสุวรรณ  ภรรยา นายจุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร และกลุ่มแกนนำ กปปส.เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ

ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทางไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนให้เปลี่ยนรูปแบบการลงทุนภาครัฐจากวิธีแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ และวิธีจัดสรรงบประมาณรายปี

ส่วนวิธีที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเพียงเหตุผลประกอบ ซึ่ง ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการและจัดสรรงบประมาณให้ไม่เกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างและวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะไม่ใช่อำนาจของ ครม.ซึ่งเป็นอำนาจของหน่วยงานรัฐคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การที่จำเลยที่ 1 อนุมัติการจัดจ้างก่อสร้างแบบรายภาค 1 - 9 ภาค และเปลี่ยนเป็นวิธีอิเล็กทรอนิกส์การประมูลรวมกันในครั้งเดียวโดยไม่เสนอให้ ครม.อนุมัติ จึงไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำเลยที่ 2 ฐานะหัวหน้าหน่วยงานรักษาการ ผบ.ตร.ได้ใช้ดุลพินิจให้ความเห็นชอบตามระเบียบ ครม.การจัดทำรูปแบบ แนวทางรวมถึงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างและขออนุมัติจากจำเลยที่ 1 ซึ่งจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามสายงาน และได้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จำเลยที่ 2 ได้ใช้ดุลยพินิจเห็นชอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี

ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนจำเลยที่ 3 - 4 เป็นประธานและเลขานุการคณะกรรมการประกวดราคาฯ ตามลำดับ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ระเบียบ ครม.ในการดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในการเสนอราคา แม้ว่าจำเลยที่ 3 - 4 ไม่ได้เสนอบัญชีปริมาณวัสดุก่อสร้างให้ครบถ้วน แต่ราคาทั้งหมดไม่มีผลเปลี่ยนแปลงในภาพรวม และจำเลยที่ 5 เป็นผู้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเอง เมื่อพิจารณาเอกสารความเห็น ย่อมไม่เกิดความเสียหายและไม่ปรากฎว่าพบว่าจำเลยที่ 3 - 4 แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจึงไม่เป็นความผิด ส่วนจำเลยที่ 5 - 6 โจทก์ฟ้องว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด เมื่อข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 - 4 กระทำความผิด จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5 - 6 กระทำความผิดด้วย มติองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากมีความเห็น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงที่องค์คณะอ่านคำพิพากษามีเนื้อหาว่า นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด กองเชียร์ที่มาให้กำลังใจจากห้องถ่ายทอดสดพากันปรบมือแสดงความดีใจ

ภายหลังนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์หลังจากศาลฎีกาฯ ว่า ตนต้องตกอยู่ภายใต้กระแสการโจมตีว่าเป็นคนเลว คนทุจริต เกือบ 10 ปี อดทนอดกลั้นและอาศัยความจริงเข้ามาต่อสู้ ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รู้ว่าเราตั้งใจทำความดีให้กับชาติบ้านเมือง และประชาชน จะได้รับการคุ้มครอง

"ในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็นสามฝ่าย อำนาจตุลาการของศาล ยังเป็นที่พึ่งหลักของบ้านเมืองได้ คนที่ยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในระบบขอให้มีกำลังใจ สำหรับตนทนทุกข์ทรมานใจมานาน ตอนนี้หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ จะเดินหน้าทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนตามอุดมการต่อไป ในชีวิตของตนทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนด้วยความสุจริต ไม่มีใจที่จะคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน ไม่ใช่คนทุจริตคอรัปชั่น ทุกอย่างได้พิสูจน์แล้ว ใครที่เคยกล่าวหาโจมตี ตนขอโหสิให้"

เมื่อถามว่า ได้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาแล้ว จะดำเนินการฟ้องร้องกับผู้ทำให้เสียหายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด หลังจากนี้จะไปกลับไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้พระแก้วมรกต เพราะเวลาต่อสู้คดีตนได้ตั้งสัตย์อธิษฐานใช้ความจริงในการต่อสู้ ไม่ได้คิดหรือว่าโทษอะไรใครทั้งสิ้น" นายสุเทพ กล่าวและว่า

ต่อไปนี้ตนจะเดินหน้าทางการเมืองอย่างไรนั้น "ตนต้องการสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ตนได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลัง ที่มี ส.ส.5 คน และมีรัฐมนตรี 1 คน เราทำประโยชน์ให้กับประชาชนมามาก ช่วงที่ก่อตั้งพรรคตนถูกโจมตีจากข้อมูลเท็จ แต่วันนี้ตนพ้นผิดมีกำลังใจ การเดินหน้าทางการเมืองต่อไป ยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะขอสร้างนักการเมืองที่ดีมาทำงานเพื่อประชาชน

"อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย เคยลั่นสัจจะวาจาไว้แล้วตอนเดินขบวน ว่าจะไม่กลับไปยุ่งทางการเมือง ส่วนสมาชิกพรรคที่จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกตนก็ไม่ทราบว่าจะรอดหรือไม่ ต้องรอการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 30 ก.ย.ตนไม่มีพาวเวอร์อะไรมีแต่หัวใจ ทุกอย่างที่ทำ ก็ทำเพื่อหัวใจ หัวใจที่รักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาชน ยืนยัน ตนไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปช่วยใครได้

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top