ศาลฎีกานักการเมืองยกฟ้อง ‘ขุนค้อน’ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตปธ.สภา กับ ‘อดีตปธ.วิปรัฐบาล’ คดีสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญ ศาลชี้ไม่มีเจตนาพิเศษที่กระทำผิด
20 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม. 1/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 20/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ฟ้องนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภา จำเลยที่ 1 และนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จำเลยที่ 2 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
กรณีขณะเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองใช้อำนาจหน้าที่กระทำการที่มิชอบด้วย รัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยจำเลยที่ 2 สับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของสมาชิก วุฒิสภา (ส.ว.) ที่เสนอต่อประธานรัฐสภา โดยไม่มีสมาชิกรัฐสภาลงชื่อรับรอง ซึ่งมีการเพิ่มเนื้อหาแตกต่างจากร่างเดิมในหลักการที่เป็นสาระสำคัญ คือ ผู้เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว. ซึ่งสมาชิกภาพสิ้นสุดลง สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ได้เลยโดยไม่ต้องรอให้พ้นระยะเวลา 2 ปี
โดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นให้มีการสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. โดยไม่ ตรวจสอบและสั่งการให้แก้ไขให้ถูกต้อง และจงใจนับกำหนดเวลาแปรญัตติย้อนหลัง ทำให้เหลือระยะเวลาให้สมาชิกรัฐสภาเสนอคำแปรญัตติเพียง 1 วัน อันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 291 ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 198 ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. จำเลยทั้งสองมีความผิดหรือไม่
สำหรับจำเลยที่ 2 ผู้ดำเนินการนำร่างฉบับใหม่มาเปลี่ยนร่างเดิม ปรากฏตามบันทึก วิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างเดิม ว่า วาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.ให้สามารถดำรงตำแหน่ง ติดต่อกันเกินกว่า 1 วาระได้เช่นเดียวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) เป็นการแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า เป็นกรณีที่กำหนดให้ ส.ว. ที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลงสามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ติดต่อกันเลย โดยไม่ต้องเว้นวรรค เพียงแต่ร่างเดิมมิได้ระบุว่าแก้ไขตรงมาตราใดที่มีข้อความตามนัยให้เป็น ส.ว.ติดต่อกันได้ อันเป็นการบกพร่องในการร่างของร่างเดิม เมื่อร่างฉบับใหม่ระบุแก้ไขตรงมาตรา 116 วรรคสอง ก็เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้ตรงกับที่สมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันลงชื่อเสนอญัตติได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนยื่นญัตติ ตามที่ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานวิป รัฐบาลแจ้งแก่คณะกรรมการพรรคร่วมรัฐบาลให้ทราบถึงข้อบกพร่องและได้แก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามที่ได้ หารือและที่ได้แถลงข่าวกันไว้แล้วให้ช่วยแจ้งสมาชิกรัฐสภาทราบด้วยและขอแก้ไขให้เป็นไปตามที่ได้หารือกันไว้ อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผย และในการประชุมสภาวาระที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้เสนอญัตติอภิปรายหลักการ และเหตุผลตามความในร่างฉบับใหม่ ไม่มีสมาชิกที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติตามร่างเดิมทักท้วง เชื่อว่าจำเลยที่ 2 เพียงต้องการแก้ไขร่างเดิมเพื่อให้มีเนื้อความถูกต้องตรงกับความประสงค์ของสมาชิกที่ลงชื่อเสนอมาเท่านั้น หา ใช่มีเจตนาแก้ไขตามความประสงค์ส่วนตัว อีกทั้งจำเลยที่ 2 มิได้ใช้อิทธิพลหรืออำนาจครอบงำสั่งการใดๆบังคับ
เจ้าหน้าที่รัฐสภาให้ความยินยอมให้จำเลยที่ 2 นำร่างฉบับใหม่มาเปลี่ยนได้ พร้อมทั้งคืนร่างเดิมแก่ฝ่ายจำเลยที่ 2ไป มีเหตุผลให้จำเลยที่ 2 เข้าใจว่าเป็นกรณีสามารถทำได้ตามปกติ ส่วนจำเลยที่ 1 ได้สอบถามนิติกรเจ้าของ เรื่องรายงานว่า ตรวจสอบแล้วเห็นว่าแก้ไขได้ และร่างที่นำมาเปลี่ยนมิได้ขัดกับหลักการที่เสนอไว้แต่เดิม สามารถทำได้ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2553 ข้อ 36โดยมีข้าราชการประจำรัฐสภาและอดีต ข้าราชการประจำรัฐสภาซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงให้ถ้อยคำตรงกันว่า ตราบใดที่ประธานรัฐสภายังมิได้สั่งบรรจุ เข้าระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา ผู้เสนอญัตติย่อมแก้ไขเพิ่มเติมได้เสมอ
ส่วนวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม ไม่มี กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่ใด แต่มีแนวทางที่เคยปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนานหลายปี ว่า การแก้ไข เพิ่มเติมทำได้ 5 แนวทาง รวมทั้งการนำร่างฉบับใหม่มาเปลี่ยนร่างเดิมซึ่งมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่เคยปฏิบัติ สืบทอดกันมา และจำเลยที่ 1 ได้เรียกผู้อำนวยการสำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไป สอบถามแล้วยืนยันว่าสามารถทำได้
นับว่ามีเหตุผลให้จำเลยที่ 1 เชื่อได้ว่าทำได้ หากจำเลยที่ 1 ไม่เชื่อว่าทำได้ หรือเชื่อว่าทำไม่ได้จำเลยที่ 1 ก็ให้ฝ่ายจำเลยที่ 2 ไปดำเนินการเสนอร่างเข้ามาใหม่ โดยให้สมาชิกรัฐสภาร่วม ลงชื่อเสนอญัตติเข้ามาใหม่ก็ทำได้โดยง่ายเพราะจำเลยทั้งสองสังกัดพรรคการเมืองเดียวกันและผู้ร่วมลงชื่อ เสนอญัตติส่วนใหญ่ก็สังกัดพรรคการเมืองเดียวกันกับจำเลยทั้งสอง
การจะเป็นความอาญาตามฟ้องต้องมีข้อเท็จจริงให้รับฟังด้วยว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ และมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความ เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือมิฉะนั้นก็มีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาและ เจตนาพิเศษ การกระทำของจำเลยทั้งจึงไม่เป็นความผิดตามคำฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี