กัดฟันภูมิใจได้ดาวดับ! ‘มงคลกิตติ์’ ต๊กกะใจฉายาสื่อสภาฯมอบให้ รับจำเป็นต้อง ‘หาแสง’ อ้างประชาชนจะได้เห็นว่าทำงาน แถน้ำขุ่นๆรู้ว่านักข่าวอยากให้เป็น ‘ดาวเด่น’ แต่กลัวคนว่า
28 ธันวาคม 2565 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีสื่อประจำรัฐสภาตั้งฉายา “ดาวดับ” ประจำปี 2565 โดยยอมรับว่า ตนตกใจเมื่อทราบข่าวที่ได้รับฉายา เพราะตั้งแต่เป็น ส.ส.มา 4 ปี ได้รับฉายาครั้งเดียวเมื่อปี 2563 ได้ฉายา”คู่กัด” กับนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ และคิดว่า ปีนี้ไม่น่าจะมี แต่สื่อมวลชนก็คงเอ็นดู จึงขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่มอบฉายา “ดาวดับ” ตอนแรกเข้าใจว่า เป็นคำไม่ดี แต่เมื่อดูรายละเอียดก็เข้าใจว่า เหมือนเป็นการหาแสงจากคดีต่างๆ จึงขอชี้แจงว่า การเป็น ส.ส.จะต้องทำหน้าที่และไปดูแลประชาชน อย่างกรณี น.ส. ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่เมื่อถามว่า ไปหาแสงจะคุ้มหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปดูเฉยๆ เพราะคดีติดตัวอยู่หลายคดี แต่ตนก็ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการฯ จนได้ผลักดันกฎหมายต่างๆออกมาหลายฉบับ
“ผมมีหลายหน้าที่ จะบอกไปเสือกทุกเรื่องก็ไม่ได้ ยอมรับว่า เป็น ส.ส.หาแสง เพราะจะได้ทำงานสะดวก ถ้ามีแสง ผีก็วิ่งหนีหมด ผมดับในช่วงที่มีเมฆอยู่ พอเมฆหายไปก็สว่างเหมือนเดิม ผมก็ทำงานได้เหมือนเดิม ช่วงที่ผ่านมา ผมทำงานหลากหลายหน้าที่ ดังนั้นผมจำเป็นต้องมีสื่อมวลชน เพราะผมก็ไม่ใช่เจ้าของสื่อ นอกจากนี้ ผมเป็นสมาชิกสภาราษฎรส่วนน้อยที่ไม่ได้ซื้อเสียงและไม่ได้ทุจริต แต่ก็ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคไทยศรีวิไลย์ไม่มีป้ายหาเสียงและไม่มีรถแห่ เน้นหาเสียงทางสื่อโซเชียลมีเดียและหาเสียงจากการทำงานที่มีแสงเยอะๆ ขอให้ภูมิใจในตัวผมเพราะผมทำหน้าที่ได้ 100%” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ ยังได้ยกมือไหว้สื่อมวลชนเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับฉายา “ดาวดับ” พร้อมระบุว่า ไม่โกรธแต่ภูมิใจ ขอบคุณสื่อมวลชนอย่างมาก เพราะ ส.ส.มี 500 คน ส.ว. 250 คน แต่คนที่อยู่ในสื่อตอนนี้มีแค่ 5-6 คนเท่านั้น ดังนั้น ตนไม่โกรธ แต่ภูมิใจ และต่อไปตนก็ยังทำหน้าที่เช่นนี้ตลอดไปจนยุบสภา
เมื่อถามว่า ยอมรับว่า หาแสงจริงๆใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องหาแสง เพราะว่า ถ้ามีแสง ประชาชนจะได้เห็นว่าเราทำงาน และเราก็ทำงานจริงๆ ถ้าแสงตามเราไปต่อเนื่อง ประชาชนก็รู้ว่า เราทำงานตลอด เมื่อมีแสงเยอะ การเป็นพรรคการเมือง ก็ไม่ต้องใช้เงินในการหาเสียง ไม่ต้องถูกกดดันว่า จะต้องไปรับเงินจากเจ้าสัวนั้นเจ้าสัวนี้ ตนยอมขัดใจทุกคนถ้าประชาชนต้องการ ยืนยันว่า ไม่เสียความมั่นใจที่ได้ฉายาดาวดับ เพราะคำว่าดาวดับ เพราะต้องดับอยู่แล้ว สว่างไม่ได้ เพราะเปลืองแบต ให้มีเวลาพักบ้าง เวลาเมฆผ่านไป ตนก็ทำงานต่อ เพราะดาวสว่างแล้ว และนี่คือการหาเสียงโดยสุจริต และหาแสงโดยต้องเข้าหาสื่อ เพราะฉะนั้นคือ สื่อคือผู้มีพระคุณกับ ส.ส. จึงต้องกราบสื่อทุกคน
“ถ้าสื่ออยากเอื้อเฟื้อผมต่อ ก็ช่วยส่องแสงมาที่ผม แล้วผมจะได้ส่องแสงสะท้อนไปที่ประชาชน เพราะแสงขึ้นอยู่กับสื่อ ดังนั้นการที่สื่อให้ฉายาดาวดับเหมือนกับใช้แสงมาให้ผมอีกที ขนาด ส.ส.ในสภาเป็นร้อย ขนาดหมอชลน่าน ยังได้แค่ หมอ(ง)ชลน่าน ไม่ใช่เชิงบวก ผมรู้ว่า สื่อมวลชนอยากให้ผมเป็นดาวเด่น แต่ให้ไม่ได้เพราะมีพฤติกรรมที่ยังขัดอยู่ กลัวคนมาด่า ก็เลยให้ดาวดับ เพราะรู้ว่า ส.ส.มงคลกิตติ์ไม่ว่าหรอก เขาชอบด้วยซ้ำ ยืนยันไม่โกรธเพราะผมไม่ใช่ลุงตู่ ที่ได้ฉายาแปดเปื้อน ผมว่า ไม่ใช่แปดเปื้อน แต่เป็นผ้าดำ ไม่มีอะไรขาวเลยในตัว มืด แต่ดาวดับ ไม่ได้มืดด้วยตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับเมฆ มืดมาจากเมฆ แต่ลุงตู่ดำแล้วมาบัง ก็ทำให้ผมดับ พอลุงตู่ผ่านไป ผมก็สว่างวาบเหมือนเดิม” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี