มีหญิงสาวในจ.พิษณุโลกร้องเรียนคอลัมน์นี้ว่า ค้าขายอยู่ที่พิษณุโลกขาดเงินหมุนเวียน จึงนำบ้านและที่ดินไปจำนองนายทุนเงินกู้รายใหญ่ในจังหวัด ก่อนรับเงิน นายทุนให้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจของสำนักงานที่ดิน ลงชื่อในเอกสารสำคัญ รวมทั้งในกระดาษเปล่าหลายใบหลังกู้เงินแล้ว นายทุนขอให้ตนแนะนำลูกค้าอื่นมากู้ด้วย ตนจึงแนะนำลูกค้าและเมื่อมีการชำระหนี้ก็ชำระผ่านบัญชีของตน เพื่อโอนให้นายทุนโดยตนไม่ได้ประโยชน์ด้วย เหตุที่ต้องแนะนำและรับเงินโอนเงินเพราะเป็นหนี้นายทุน หากผิดนัดบางครั้งจะได้ขอผ่อนผันได้บ้าง
ต่อมาผิดนัดชำระหนี้จึงทำขอผัดผ่อน นายทุนเงินกู้ก็พาไปธนาคารและมอบเงิน 10,000 บาท ให้เปิดบัญชีกระแสรายวันและบอกให้เขียนเช็คชำระหนี้ในวันเปิดบัญชี 10,000 บาท เช็คที่เหลือให้กรอกรายละเอียดตามที่นายทุนต้องการ รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เป็นหนี้จริง โดยนายทุนอ้างว่า ให้เขียนเอาไว้ ไม่ได้เอาไปทำอะไร หากตนไม่เขียน ก็เกรงนายทุนจะฟ้องร้องดำเนินคดีที่ผิดนัดชำระหนี้ จึงจำต้องทำตาม
หลังจากนั้นไม่นาน นายทุนเงินกู้ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านไปเป็นของนายทุน ทั้งยังไปฟ้องคดีต่อศาลความผิดเกี่ยวกับเช็คเมื่อทราบเรื่อง เธอจึงมาร้องเรียนผมในคอลัมน์นี้ ซึ่งพฤติการณ์นายทุนทั่วไปนั้น มักใช้คดีอาญาทุกประเภทฟ้องลูกหนี้ โดยเฉพาะคดีนี้นายทุนคงต้องนำเช็คไปฟ้องคดีอาญา ผมจึงแนะนำให้ไปขอตรวจสอบที่ศาลแขวงพิษณุโลก ปรากฏว่า ถูกฟ้องเป็นคดีเช็ครวม 2 คดี แต่การฟ้องดังกล่าว เธอไม่ได้รับหมายนัดและสำเนาคำฟ้อง จึงไม่ทราบและไม่ได้ไปศาล ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงออกหมายจับทั้ง 2 คดี เมื่อตรวจสำนวนปรากฏว่า ทั้งสองคดีมีหนังสือรับสภาพหนี้เพียงฉบับเดียว ที่โจทก์นำมาสืบประกอบให้ศาลเชื่อว่า มีการออกเช็คชำระหนี้จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อตรวจสอบหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว เธอไม่เคยทำแต่อย่างใดหนี้ที่ปรากฏกว่า 2 ล้านบาท ก็ไม่เป็นความจริง เพราะกู้มาเพียงไม่กี่แสนบาทในการฟ้องคดีโจทก์ใช้หนังสือรับสภาพหนี้เพียงฉบับเดียวเป็นพยานหลักฐานนำสืบประกอบเช็คแยกเป็นสองคดี เธอจึงต้องวิ่งเต้นหาเงินหาหลักทรัพย์มาประกันตัวและต่อสู้คดี โดยร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่และขอรวมคดี
ในการสู้คดี โจทก์นำสืบให้ศาลเห็นว่า จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์หลายครั้ง มีหลักฐานบ้างไม่มีหลักฐานบ้าง เมื่อผิดนัดชำระหนี้ จำเลยจึงออกเช็คชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
ในส่วนจำเลยต่อสู้ว่า ไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อน แต่มีปัญหาเรื่องเงิน จึงทำการกู้เงินจากโจทก์จำนวนหนึ่ง โดยโจทก์ได้ให้จำเลยจดทะเบียนจำนองบ้านพร้อมที่ดินกับโจทก์ไว้ รวมทั้งให้จำเลยลงลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับ มอบให้โจทก์ไว้ ผ่อนส่งได้ระยะหนึ่ง ผิดนัดจึงขอผ่อนผัน โจทก์พาจำเลยไปเปิดบัญชีกระแสรายวัน โดยมอบเงิน 10,000 บาท เป็นค่าธรรมเนียมการเปิดบัญชีและการซื้อสมุดเช็ค เมื่อได้สมุดเช็คแล้ว โจทก์ก็พาจำเลยไปที่บ้านและให้เขียนรายละเอียดลงในสมุดเช็คตามรายการและตัวเลขที่โจทก์บอก ซึ่งจำเลยสอบถามเรื่องยอดหนี้ที่ไม่ได้มีหนี้อยู่จริงตามที่โจทก์บอกให้เขียน แต่โจทก์บอกให้เขียนไปก่อน จะไม่นำไปทำอะไร จำเลยจึงจำต้องเขียนให้ ตามสมุดเช็คปรากฏต้นขั้วแต่ละฉบับมีจำนวนเงิน มีชื่อโจทก์ปรากฏในเช็คเกือบทุกฉบับ
เช็คจำนวน 10,000 บาท จำเลยเขียนชำระหนี้ที่โจทก์มอบให้ที่ธนาคาร ส่วนเช็คฉบับอื่นๆ จำเลยไม่ได้เขียนเพื่อชำระหนี้ แต่โจทก์บอกให้เขียนไว้ หนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยไม่ได้ทำขึ้น แต่ยอมรับว่าลายมือชื่อท้ายหนังสือ เป็นลายมือจำเลยจริงแต่เขียนไว้ในกระดาษเปล่ามอบให้โจทก์ไว้ในวันที่กู้เงินและจดจำนอง ยอดหนี้ที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้กว่า 2 ล้านบาท ก็เป็นไปไม่ได้ที่โจทก์จะให้จำเลยกู้โดยไม่มีหลักฐานอะไร ในส่วนหลักฐานสัญญากู้ที่มียอดเงินแค่เล็กน้อยและเป็นหลักฐานฉบับเดียวที่โจทก์กล่าวอ้าง เอกสารดังกล่าว จำเลยก็ไม่ได้ทำขึ้นฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จำเลยซึ่งไม่เคยรู้จักกับโจทก์มาก่อนจะกู้เงินได้มากมายตามที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้
และเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2556 ศาลแขวงพิษณุโลกได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุว่า เช็คที่โจทก์นำมาฟ้องคดีไม่มีมูลหนี้
จากคำพิพากษาแสดงให้เห็นว่าศาลให้ความยุติธรรมต่อคู่กรณีโดยพิจารณาพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เห็นว่าการต่อสู้คดีของจำเลยที่ซักค้านพยานเอกสาร คัดค้านคำเบิกความฝ่ายโจทก์ ประกอบกับการนำพยานหลักฐานเข้าเบิกความหักล้างพยานและเอกสารฝ่ายโจทก์ได้ ศาลก็ยกฟ้อง นับเป็นความเมตตากรุณาอย่างสูงสุดที่ศาลมอบให้จำเลย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ผู้เดือดร้อนเสียหายถูกยึดที่ดินพร้อมบ้านที่เป็นทรัพย์มรดกไป ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาต้องทนทุกข์ทรมาน หมดกำลังใจประกอบอาชีพ อยู่อย่างหวาดผวา เพราะนอกจากถูกฟ้อง ยังมีพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรพิษณุโลก ร่วมมือกับโจทก์นำคดีที่เธอไม่ได้ทำความผิด แต่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม โดยไปคอยดักจับขณะเบิกความในศาลและ เมื่อออกจากศาลก็ต้องถูกควบคุมตัวอย่างไม่ชอบธรรม และมีการกระทำหลายอย่าง ที่เธอต้องหวาดผวา สิ่งที่ผมได้รับฟังนั้น เป็นเพียงการร้องเรียนจากผู้เสียหาย จะเท็จจริงอย่างไร ในอนาคตศาลยุติธรรมเท่านั้นจะพิสูจน์ว่าใครทำอะไร
ในส่วนผม ซึ่งได้รับการร้องเรียน หากเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงผมก็เห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายกับประชาชนใครก็ตามที่เดือดร้อนจากการกระทำของนายทุนเงินกู้ในจ.พิษณุโลกดังกล่าว ขอได้โปรดร้องเรียนมาที่คอลัมน์นี้ ผมจะหาทางบอกกล่าวให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ทั้งหลายได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนนายทุนทุกคนที่ก่อความเดือดร้อนต่อไป
ส.ดำเนินสะดวก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี