‘เสธ.อัศวิน’เผย‘ไทยศรีวิไลย์’เคาะ‘มงคลกิตติ์’เป็นแคนดิเดตนายกพรรค ชี้ประชาชนต้องการคนหนุ่มไฟแรง มีประสบการณ์ทางการเมือง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มาเป็นนายกฯ พร้อมประกาศย้ำส่งปาร์ตี้ลิสต์ 40 คน ระบบเขต 130 คน
30 มีนาคม 2566 พล.ท.อัศวิน รัชฎานนท์ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต-ระบบบัญชีรายชื่อ และสรรหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 2 ระบบ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าทางพรรคจะส่งนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียวของพรรค
ทั้งนี้ เพราะนอกจากจะเป็นมารยาททางการเมืองที่คนเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองคือคนที่พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ตนเชื่อว่านายมงคลกิตติ์ ถือเป็นนักการเมืองที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร ทั้งในการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนช่วงที่ผ่านมา ทั้งการระบาดของไวรัสโควิด – 19 ปัญหาอุทกภัย ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาการทุจริตในหน่วยงานรัฐ เป็นต้น และภาพลักษณ์ทางการเมืองสไตล์ใจถึงประชาชนพึ่งพาได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบในการเสนอตัวของนายมงคลกิตติ์ ในการลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้
พล.ท.อัศวิน กล่าวอีกว่า ส่วนการส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 2 ประเภทนั้น ขณะนี้ทางพรรคได้ดำเนินการทยอยส่งหนังสือรับรองของหัวหน้าพรรคการเมือง หรือแบบ ส.ส. 4/8 ให้กับบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ให้ทันก่อนวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต คือ วันที่ 2 เมษายน 2566 เพื่อให้บรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้มีหลักฐานไปยื่นในวันสมัคร ส.ส. ในวันแรก คือ 3 เมษายน 2566 สำหรับในวันที่ 4 เมษายน ที่2566 จะเป็นวันรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันแรก ทางหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้สนับสนุนพรรค ก็จะไปที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง เพื่อนำรายชื่อทั้ง 40 รายชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 130 คน และรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไปให้ กกต. รับสมัคร ซึ่งทางพรรคได้มีกระบวนการสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 40 คน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 130 คน ที่ทางพรรคขอรับรองว่าบุคคลทั้งหมดที่อยู่ใน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ -ผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง เป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีประวัติด่างพร้อย และที่สำคัญที่สุดก็คือ มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่เอาอำนาจนอกระบบที่ทำให้ประชาชน ต้องทนทุกข์มาจนถึงทุกวันนี้ด้วย
“ทางพรรคเห็นว่า นายมงคลกิตติ์ สมควรเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะผมเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนต้องการคนหนุ่มไฟแรง อายุ 41 ปี มีประสบการณ์ทางการเมือง ในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ กว่า 4 ปี รวมทั้ง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสามารถรับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้อีกยาว มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวัย 40 ต้นๆ มาแล้วถึง 4 คน ซึ่งทางพรรคคาดว่านายมงคลกิตติ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในวัย 40 ต้นๆ เป็นคนที่ 5” พล.ท.อัศวิน กล่าว
พล.ท.อัศวิน กล่าวว่า ถ้าประชาชนอยากจะให้นายมงคลกิตติ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ 150,000 บาทต่อทุกครัวเรือน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) 3,000 บาท/เดือน โครงการรับประกันชีวิตทุกชีวิตที่เกิดเป็นคนไทย ถ้าเสียชีวิตทุกเหตุการณ์ ทุกกรณี ทุกโรคจะได้รับเงิน 500,000 บาท เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกเดือนละ 3,000 บาท การลดค่าภาษีน้ำมัน 10 บาท/ลิตร การลดค่าไฟฟ้า เหลือเพียง 4 บาทต่อหน่วย เป็นต้น ก็ต้องขอแรงสนับสนุนให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ทั้ง 2 ใบ เพราะหากได้ที่นั่งเพียงแค่ในระบบบัญชีรายชื่อ ก็สามารถทำเท่าที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ โดยไม่สามารถผลักดันเรื่องใหญ่ๆ อย่าง เช่น ร่างพระราชบัญญัติเพื่อออกมารองรับนโยบายของพรรค การเสนอชื่อให้นายมงคลกิตติ์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือในเรื่องของการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งรัฐธรรมนูญบังคับให้นายกรัฐมนตรีให้คำรับรองก่อนยื่นร่างฯ อีกด้วย ดังนั้นความตั้งใจของพรรคไทยศรีวิไลย์ในคราวนี้ นอกจากจะก้าวไปสู่พรรครัฐบาลภายหลังจากการเลือกตั้งแล้ว ก็อยากจะผลักดันให้ นายมงคลกิตติ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองด้วย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี