‘บิ๊กป้อม’ฟิตปั๋ง
ลุยทอดกฐินสยบข่าวป่วย
พร้อมเสียบเก้าอี้นายกฯ
แข็งแรงดี! “บิ๊กป้อม”ออกงานเป็นประธานทอดกฐิน วัดเกาะแก้ว-วัดโพธิ์เผือก กรุงเก่าสยบข่าวลือป่วย ขณะที่คนใกล้ชิดระบุ บิ๊กป้อม ยังอยู่ในรัศมีพร้อมเสียบเก้าอี้นายกฯ หากเศรษฐา ยกธงขาว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 11 พ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดเกาะแก้วและวัดโพธิ์เผือก จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสืบทอดพุทธประเพณี และสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน สืบไป พร้อมทั้งได้ถวายจตุปัจจัยสมทบทุน บูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะ สถานของทั้ง 2 วัด
ทั้งนี้ สำหรับ วัดโพธิ์เผือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ประกอบพิธีทักษิณานุประทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้กับคุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ ด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางมาทอดกฐินสามัคคี ณ วัดเกาะแก้วและวัดโพธิ์เผือก จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นประจำทุกปี ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงิน มีโลโก้พรรคพลังประชารัฐ กางเกงผ้าสีฟ้าอ่อน และร้องเท้าผ้าใบ เดินทักทายประชาชน และสาธุชน ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ท่ามกลางบรรยากาศให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และอบอุ่นสยบข่าวลือว่าป่วย เดินไม่ไหวที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันคนใกล้ชิดบิ๊กป้อมระบุว่า บิ๊กป้อม ยังอยู่ในรัศมีที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างสบาย อีกทั้งเกจิอาจารย์ดังจากจังหวัดเชียงรายทำนายว่าก่อนวางมือทางการเมืองบิ๊กป้อมได้เป็นนายกฯแน่นอนหากนายเศรษฐา ทวีสิน ยกธงขาวเพราะมีมรสุมรุมเร้ามากเหลือเกิน
ด้าน ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีการจัดขบวนแห่องค์มหากฐินเพื่อนำไปทอดถวายที่วัดศาลาลอย หรือ “วัดย่าโม” นำโดยนายพันเลิศ วิชชาพิณ นักธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา แบรนด์ วิชโก้ เป็นประธานมหากฐินฝ่ายฆราวาส ซึ่งในขบวนแห่มีช้างพลายมาร่วมขบวน 5 เชือก ประกอบด้วย พลายเป๊ปซี่ พลายจอแก้ว พลายยอดรัก พลายศักดิ์ศิริ และพลายแก้ว นำขบวน โดยองค์มหากฐินได้แห่ออกจากลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ผ่านเส้นทางริมคูเมือง ไปยังวัดศาลาลอย ถือเป็นการจัดขบวนแห่งมหากฐินครั้งแรกในรอบหลายปีของจังหวัดนครราชสีมาที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระดมทุนซื้อที่ดิน “เปิดทางออก” ด้านหลังของวัดศาลาลอยและเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 555 ปีของการก่อตั้งเมืองโคราช
นายพันเลิศ วิชชาพิณ ประธานทอดมหากฐิน เปิดเผยว่า การจัดมหากฐินครั้งนี้ สืบเนื่องจากท่านพระเทพรัตนดิลก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย ท่านได้ดำริว่า ทางวัดศาลาลอยมีความประสงค์จะดำเนินการซื้อที่ดินขยายเขตวัดเพื่อเปิดทางออกด้านหลังของวัด เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีความคับแคบ และปัจจุบันมีพุทธศาสนิกชนแวะมาทำบุญและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัดไม่สะดวกในการเข้าออกบริเวณวัด จึงต้องการจะเปิดทางออกด้านหลังซึ่งเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ชุมชนวัดทุ่งสว่าง แต่ยังขาดทุนทรัพย์อีกมาก เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาทตนเองจึงขอจองเป็นเจ้าภาพมหากฐิน เพื่อระดมเงินร่วมสมทบทุนซื้อที่ดินดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วง โดยคาดว่ามหากฐินครั้งนี้จะได้เงินช่วยวัดซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
สำหรับการซื้อที่ดินถวายวัด เพื่อเปิดเป็นทางออกนั้น ตามความเชื่อของชาวพุทธ เหมือนเป็นการเปิดทางแห่งแสงสว่าง ให้ได้รับความเจริญก้าวหน้า ในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นได้รับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และได้รับความเจริญก้าวหน้าในการทำธุรกิจ ประกอบกับปีนี้เมืองโคราชฉลองครบรอบ 555 ปี และแปลงโฉนดที่ดินที่ซื้อเป็นแปลงที่ 5 ของทางวัดจึงใช้ช้างแห่ขบวนมหากฐินครั้งนี้ 5 เชือกเพื่อความเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ประชาชสามารถร่วมทำบุญผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี กฐินวัดศาลาลอย 2566 โดยบริษัท สยามวิชโก้ จำกัด เลขบัญชี 470-0-55079-1 จนถึงสิ้นปี 2566
สำหรับประวัติวัดศาลาลอยนั้นเป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญอย่างมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยวัดศาลาลอยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองนครราชสีมา ด้านฝั่งขวาของแต่ละคลองห่างจากกำแพงเมืองประมาณ 400 เมตร มีเนื้อที่ปัจจุบัน 7 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวา เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างนานกว่า 196 ปี โดยท่านท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) กับพระยาปลัดทองคำ (พระยามหิศราธิบดี) ผู้เป็นสามี เป็นผู้สร้างไว้เมื่อประมาณ พ.ศ. 2370 และเป็นที่บรรจุอัฐิย่าโมไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย
ส่วนชื่อวัดศาลาลอยนั้น มีที่มาจากท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม) พอเสร็จศึกสงครามจากทุ่งสัมฤทธิ์ได้ยกทัพกลับเข้าเมืองนครราชสีมา และได้แวะพักอยู่นอกเมืองก่อน (ปัจจุบันเป็นวัดท่าตะโก) ท่านท้าวสุรนารีได้สั่งให้ทหารทำแพรเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคลองพร้อมตั้งจิตอธิษฐานว่า หากแพรรูปศาลานี่ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด แล้วจะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์แพรอธิษฐานของท่านท้าวสุรนารี ได้ลอยไปติดอยู่ ณ ริมฝั่งขวาของลำตะคลอง อันเป็นที่ตั้งวัดศาลาลอยในปัจจุบัน อาศัยเหตุนี้ท่านจึงตั้งชื่อวัดที่ท่านสร้างขึ้นไว้ว่า “วัดศาลาลอย” ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเดินทางมาร่วมทำบุญเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี