(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

4.ตามประเด็นปัญหาที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหารือต่อคณะกรรมการพิจาณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ดังกล่าวนั้น

5.คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว มีความเห็นโดยสรุป ดังนี้

1) กรณีเทศบาลตำบลได้ดำเนินโครงการเศรษฐกิจชุมชนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว โดยให้กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรขอยืมเงินทุนจากโครงการนี้ได้โดยไม่คิดดอกเบี้ยจากต้นเงินกู้ยืม แต่จะคิดดอกเบี้ยกรณีผิดนัดไม่ชำระหนี้เท่านั้น

2) วัตถุประสงค์ของโครงการนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนในการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ได้มีเจตนารมณ์เพื่อให้กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรกู้ยืมเงินทุนแล้วมีการคิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม หรือหวังจะได้ประโยชน์หรือกำไรจากการดำเนินโครงการแต่อย่างใด

3) การดำเนินการโครงการ เป็นไปตามที่ระเบียบดังกล่าวกำหนดไว้ หากเทศบาลตำบลไม่ประสงค์จะดำเนินโครงการต่อไปและจะดำเนินการตั้งงบประมาณชดใช้คืนตามระเบียบฯ ดังกล่าวนั้นตามข้อ 24 วรรคสองได้กำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบลหรือสภาตำบลมีหน้าที่เร่งรัดให้กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรชำระหนี้คืน

ในกรณีที่กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญางวดใดงวดหนึ่งหรือทั้งหมด หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้องค์การบริหารส่วนตำบลหรือสภาตำบลตั้งงบประมาณเท่าจำนวนเงินที่ทางราชการเสียหายชดใช้คืนในทันทีที่มีการตั้งงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลหรือสภาตำบลแล้วแต่กรณี

4) ดังนั้น การตั้งงบประมาณที่ทางราชการเสียหายจึงเป็นจำนวนเงินตามสัญญาที่กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรได้ทำไว้ โดยไม่รวมถึงจำนวนเงินที่เป็นดอกเบี้ยด้วย แม้ว่าข้อ 24 วรรคสามของระเบียบดังกล่าวจะได้กำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบลหรือสภาตำบลสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยกับกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรในระหว่างผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนในอัตราที่กฎหมายกำหนดได้ก็ตาม

5) การเรียกเก็บดอกเบี้ยดังกล่าวจึงเป็นเพียงมาตรการในการลงโทษลูกหนี้ ในเมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนเท่านั้น

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)