(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

6) การตั้งงบประมาณที่ทางราชการเสียหายจึงเป็นจำนวนเงินตามสัญญาที่กลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มเกษตรกรทำไว้เท่านั้น...(เทียบกับความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 1 ในการประชุมครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566)

7) ดังนั้น หากเทศบาลตำบลไม่ประสงค์จะดำเนินโครงการนี้ต่อไปก็ให้ส่งเงินทุนคืน โดยตั้งงบประมาณส่งคืนเงินทุนตามจำนวนหนี้ คงค้างจากที่ได้รับเงินอุดหนุนงบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย (600,000 บาท) โดยไม่รวมถึงจำนวนเงินที่เป็นดอกเบี้ยและไม่รวมถึงเงินของเทศบาลตำบลที่ได้สมทบเพิ่มเติมไว้รวมเป็นเงินกองทุนแต่อย่างใด

8) อย่างไรก็ตาม เมื่อเทศบาลตำบลได้ตั้งงบประมาณส่งคืนเงินทุนในโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ต่อมาได้รับชำระหนี้รวมดอกเบี้ยจากกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรที่ผิดนัดชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนก็ให้เงินดังกล่าว(เงินต้นบวกดอกเบี้ย) ตกเป็นรายได้ของเทศบาลตำบลนั้น ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 24 วรรคห้าของระเบียบดังกล่าวซึ่งกำหนดว่า ถ้าดำเนินการตามวรรคสองแล้วภายหลังได้รับชำระหนี้จากกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรที่ผิดนัดชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนให้ส่งคืนเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลหรือสภาตำบลแล้วแต่กรณี

(ความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 19/2566 วันที่ 12 กรกฎาคม 2566)

6.ตรงนี้ ที่น่าสนใจสำหรับองค์การบริหารส่วนตำบลที่ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลแล้วหลังวันที่ 27 ธันวาคม 2557 กระทรวงมหาดไทยเองก็ยังให้โอกาสองค์การบริหารส่วนตำบลที่ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลแล้ว ยังสามารถดำเนินกิจกรรมตามโครงการนี้อีก แต่ต้องขอความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินกิจกรรมตามโครงการนี้ต่อไปโดยเฉพาะนิติกรรมรายใหม่อันจะทำให้กลุ่มอาชีพหรือกลุ่มเกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนในการทำมาหากินเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมเงินทุนนอกระบบอีก ทั้งนี้ก็แล้วแต่นโยบายของเทศบาลตำบลที่ยกฐานะแต่ละแห่งครับ แต่โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องดีสำหรับชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลนั้นจะได้มีแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพโดยไม่เสียดอกเบี้ยหรือจ่ายเพียงเล็กน้อยครับ