"รัฐบาล"รับปาก! จะทำรธน.ฉบับใหม่ให้สำเร็จ ถอดบทเรียนปี 2540 ต้อง"อ่อนตัว-แก้ง่าย-ประชาชนมีส่วนร่วม" เผย 18-20 ธ.ค.ให้สมาชิกรัฐสภาทำแบบสอบถามประชามติ ชงเข้า คกก.ชุดใหญ่ หาข้อสรุป 25 ธ.ค.นี้ รับยังหวั่นประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่ถึง 26 ล้านคน เห็นชอบไม่ถึง 13.5 ล้านคน ด้าน"ไอติม"ตั้งโจทย์ใหญ่"คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน" แนะคิดใหม่คุณสมบัตินายกฯ-ครม.ควรเป็นส.ส.หรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่บริเวณลานประชาชน รัฐสภา ในการเสวนา "รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หน้าตาเป็นอย่างไร" เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าวถึงประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ซึ่งถือว่าน่ายินดี เพราะมีส่วนร่วมจากประชาชนค่อนข้างมาก แต่ก็ประสบปัญหาตรงที่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวไม่ได้มีการแก้ไข อีกทั้งยังแก้ยาก ส่งผลให้ฝ่ายการเมืองมีอำนาจมากเกินไป ดังนั้น จึงเห็นว่าวันนี้ควรมีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน
นายนิกร ย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) พร้อมย้ำข้อเสนอว่า สัดส่วนของวุฒิสภาที่มีสิทธิออกเสียง ก็ทำให้แก้ยากอีก จึงเสนอว่าในครั้งนี้ควรใช้เสียงเพียง 2 ใน 3 เพื่อให้มีเพียงสภาผู้แทนราษฎรจับมือกัน ก็สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว ปัญหาของปี 2540 ก็อาจไม่ใช่ปัญหาของวันนี้ และปัญหาของวันนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาของ 10 ปีข้างหน้า
"ถ้าเราเขียนรัฐธรรมนูญไว้ให้มันอ่อนตัว แก้ไขได้ ประชาชนสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในอนาคต รัฐธรรมนูญที่ถูกฉีกก็จะไม่มี เพราะเหตุที่รัฐธรรมนูญถูกฉีกก็เพราะแก้ไขยาก" นายนิกร กล่าว
นายนิกร ยังกล่าวต่อไปถึงประสบการณ์จัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ซึ่งรัฐบาลต้องมีสัญญากับประชาชนก่อน ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันนี้มีแล้วในคำแถลงนโยบาย คือ รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความประชาธิปไตยมากขึ้น ตีความได้ว่าเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะตั้งคณะทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมี นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งในขณะนี้ได้รับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มและทุกภูมิภาคแล้ว เหลือเพียงแต่สมาชิกรัฐสภา ซึ่งในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ สมาชิกรัฐสภาจะทำแบบสอบถามความเห็นต่อประชามติ และในวันที่ 18 - 20 ธ.ค.นี้ จะรับฟังคำตอบ เพื่อสรุปความเห็นในวันที่ 22 ธ.ค.และวันที่ 25 ธ.ค.นายภูมิธรรมจะนัดประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ เพื่อหาข้อสรุป
หลังจากนั้น ช่วงเดือน เม.ย.ก็จะเริ่มทำประชามติครั้งแรก หรือหากมีพรรคการเมืองเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อน และวินิจฉัยว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะเริ่มเร็วกว่านั้นได้ แต่ข้อที่เป็นห่วงคือ ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิถึง 26 ล้านคนหรือไม่ และมีผู้เห็นชอบรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 13.5 ล้านคนหรือไม่ ตามระบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น ซึ่งวันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) ตนเองจะเดินทางไปสอบถามแนวทางกับสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการทำประชามติบ่อยครั้งมาก
"ทั้งหมดนี้ ผมพูดในนามผู้ปฏิบัติหน้าที่ว่าเราจะทำให้จนได้ ด้วยความตั้งใจ จริงใจเต็มที่ เพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเป็นรูปธรรม" นายนิกร กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง สื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวถึงการเปิดพื้นที่เพื่อทำกิจกรรมที่ลานประชาชน ของรัฐสภาครั้งแรกว่า ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เรามีการใช้ลานประชาชน ของรัฐสภาฯ หวังว่าจะมีการจัดกิจกรรมให้ประชาชนทุกความคิดทุกกลุ่ม สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับรัฐสภาได้มากขึ้น
นายพริษฐ์ กล่าวถึงความเห็นจากหลายพรรคการเมืองในเรื่องรัฐธรรมนูญว่า หากจะพูดว่ารัฐธรรมนูญมีหน้าตาเป็นอย่างไร เราต้องวิเคราะห์จากคำวิจารณ์เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ 2560 ในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อเสนอที่แบ่งได้เป็น 2 หมวดหมู่ คือ 1.ข้อวิพากษ์วิจารณ์ หรือข้อเสนอเกี่ยวกับที่มาของกระบวนการ ซึ่งถูกหลายฝ่ายมองว่า ขาดความชอบธรรม เนื่องจากถูกเขียนโดยคณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร ซึ่งมีข้อครหาว่าถูกเขียนขึ้นมาโดยมีเจตนาสืบทอดอำนาจของบางฝ่ายทางการเมือง และแม้จะมีการผ่านประชามติแล้วในปี 59 ยังถูกมองว่าไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตยและสากล รวมถึงผู้ที่ออกมารณรงค์คัดค้านหลายคนก็ถูกจับ และถูกดำเนินคดีแล้ว จึงนำมาสู่คำถามพ่วงของรัฐธรรมนูญในมาตรา 272 ที่ให้อำนาจวุฒิสภาที่มาจากแต่งตั้ง ในการเลือกนายกฯ นั้น เป็นคำถามพ่วงที่เขียนในลักษณะที่ไม่ตรงไปตรงมา เพราะซับซ้อน และชี้นำโดยเจตนา 2.ข้อที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องเนื้อหา หากยังมีหลายมาตราที่อาจจะมีความถดถอยทางประชาธิปไตย ทั้งการถูกเปรียบเทียบกับฉบับก่อนๆ หรือแม้แต่การเปรียบเทียบกับมาตรฐานประชาธิปไตยสากล ท้ายที่สุดแล้ว ที่มาและกระบวนการจะเป็นเช่นไรจะส่งผลต่อเนื้อหาว่าจะเป็นเช่นไรเหมือนกัน และที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เป็นอย่างไรก็จะส่งผลกระทบโดยตรง ต่อเนื้อหาว่าจะสะท้อนถึงอะไร
"ถ้า สสร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และเราสามารถออกแบบระบบเลือกตั้งให้กลุ่มคนที่มีความแตกต่างหลากหลายในสังคม มันมีตัวแทนใน สสร.ได้เราจะมีเนื้อหาที่สะท้อนความเห็นที่แตกต่างหลากหลายของทุกกลุ่มในสังคม แต่ถ้าเรามี สสร. ที่มาจากการแต่งตั้ง มิหน้ำซ้ำอาจจะถูกควบคุมจากฝ่ายใดฝ่ายนึง หรือแทรกแซงได้ เราก็อาจจะมีเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ถูกขีดเขียน ให้ประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายนึงได้เปรียบและทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ" นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวในมุม กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ว่า จากข้อมูลยังมีสองด้านที่เรายังได้น้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยจากดัชนีประชาธิปไตย ซึ่งถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ประชาธิปไตยบกพร่อง คือ 1.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ 2.ความตอบสนองของสถาบันทางการเมือง ต่อความต้องการของประชาชน ทำให้เราต้องโจทย์สำคัญ 2 ข้อ ในการออกแบบเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ คือ 1.เราจะทำให้กติกาสูงสุดของประเทศเราคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างรัดกุม และได้มาตรฐานสากลมากขึ้นได้อย่างไร 2.1 อำนาจและที่มาของวุฒิสภา 2.2 คณะรัฐมนตรีหรือคุณสมบัตินายกฯ ที่จะต้องคุยกันว่าควรจะเป็น ส.ส.หรือไม่ 2.3 กระบวนการที่ได้มาซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ 2.4การกระจายอำนาจ
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการตั้งคำถามเพื่อทำประชามติในครั้งแรกว่า เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ หากพูดด้วยหมวก ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ตนของย้ำในข้อเสนอที่ให้แยกเป็นหนึ่งคำถามหลัก และสองคำถามรอง
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึง สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งว่า จุดยืนส่วนตัวตน สสร.ควรจะมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงไปตรงมา เพราะเรามีสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อมายกร่างกฏหมายระดับพระราชบัญญัติ แล้วทำไมกฏหมายสูงสุดอย่างรัฐธรรมนูญถึงไม่มีสภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี