‘เศรษฐา’นำทีมรัฐมนตรีบินโตเกียวประชุมสุดยอดอาเซียนญี่ปุ่นฯ 14 ธ.ค. ถกบิ๊กธุรกิจค่ายรถยนต์ ก่อนพบหารือนายกฯญี่ปุ่น เตรียมเข้าเฝ้า‘สมเด็จพระจักรพรรดิ-สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น’ 18 ธ.ค.นี้ นำ CEO 2 ยักษ์ยานยนต์ เยือนญี่ปุ่น หวังช่วยเจรจานำผลประโยชน์กลับมามากที่สุด เชื่อ เปิดฟรีวีซ่าอำนวยความสะดวกมากขึ้น เชื่อ เศรษฐกิจมีแสงสว่าง ย้ำ แบกความหวังปชช. เป็นหน้าที่รัฐบาล
14 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียนญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรัฐมนตรีร่วมเดินทางไปด้วยประกอบด้วย นายนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นต้น
นายเศรษฐาจะเดินทางตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งภารกิจแรกจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. นายกฯ พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น พร้อมกล่าวปาฐกถาในงาน Thailand-Japan Investment Forum จากนั้นนายกฯ พบหารือบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น 8 บริษัท อาทิ บริษัท Toyota Motor Corporation , บริษัท Honda Motor จำกัด บริษัท Suzuki, บริษัท Nissan ,บริษัท Mitsubishi ,บริษัท Mitsui, บริษัท Isuzu และบริษัท Kubota เป็นต้น
ขณะที่วันที่ 16 ธ.ค.นายกฯพบหารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ก่อนที่ช่วงค่ำ ที่พัก นายกฯเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและภริยา เป็นเจ้าภาพ ต่อมาวันที่ 17 ธ.ค.นายกฯ พบหารือทวิภาคีกับนายกญี่ปุ่น จากนั้นในช่วงเย็น นายกฯเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น (The Commemorative Summit for the 50th Year of ASEAN-Japan Friendship and Cooperation) โดยนายกฯจะกล่าวถ้อยแถลงและร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ และจะร่วมประชุมหารือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ในวันที่ 18 ธ.ค.
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันที่ 18 ธ.ค.นายกฯมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ที่พระราชวังอิมพีเรียล ก่อนเดินกลับช่วงดึกคืนวันที่ 18 ธ.ค.นี้
ด้านนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังในการปฏิบัติภารกิจที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ว่า เป็นการเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันเยอะ และจะมีการพบปะกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เจ้าชายอับดุล มาทีน มกุฏราชกุมารลำดับที่ 4 ของราชวงศ์บรูไนที่จะอภิเษกสมรสในเดือนหน้านี้ การเดินทางเป็นการไปล่วงหน้าก่อน 2 วัน ไปเจรจาเรื่องการค้าญี่ปุ่น ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับยานยนต์ที่จะมีการพูดคุยกัน จะเจอรายใหญ่หลายราย เช่น พานาโซนิค และมีอีกหลายนัด และพยายามให้บริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นมาพบมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯระบุว่าการเดินทางไปต่างประเทศจะชักชวนนักธุรกิจไทยไปด้วยเพื่อพูดคุยถึงการลงทุนที่จะดึงต่างประเทศเข้ามาในไทย รอบนี้มีนักธุรกิจกลุ่มไหนบ้างที่ไปด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า คราวนี้มี แต่เขาเดินทางไปเอง นายพรวุฒิ สารสิน ประธานบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะไปช่วยเจรจาให้ และนายกลินท์ สารสิน ประธานบริษัทโตโยต้า ที่จะเดินทางไปด้วย และยังมีอีกหลายท่านที่จะไปช่วยเจรจาเพื่อนำผลประโยชน์กลับมาสู่ประเทศ
เมื่อถามว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจ และมีแสงสว่างมากขึ้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างไรแสงสว่างก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องความหนักใจ การแบกความหวังเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน 68 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำต่อไป คงจะไม่เพียงพอ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า การเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ซึ่งจะมีเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นด้วย ในส่วนของไทยมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นมาลงทุนสูงสุดในประเทศไทยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้น เราพยายามทำให้ความสัมพันธ์นี้เข้มแข็งมากขึ้นในเรื่องการลงทุนของทั้งสองฝ่าย และเราได้มีการประกาศจะให้วีซ่าฟรีกับธุรกิจญี่ปุ่นด้วยที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าออกทั้งสองทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน
ส่วนนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการเดินทางครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และผู้นำประเทศญี่ปุ่น ประชุมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรีจะผลักดันบทบาทความร่วมมือของไทยในการสนับสนุน ความเชื่อมโยงในภูมิภาค - เน้นการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงนำเสนอโครงการ Landbridge ซึ่งเป็นโครงการ Mega Project ของไทย นำเสนอแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและ การเติบโตสีเขียว ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยเรื่องการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และความเป็นกลาง ทางคาร์บอน ผ่านนโยบายพลังงานสะอาด การเงินสีเขียว ความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการพัฒนาระบบนิเวศ ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล ด้วยการส่งเสริม e-commerce การไหลของข้อมูลข้ามพรมแดน (Cross border data flows) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data protection) AI Blockchain และเกษตรอัจฉริยะ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และนายกรัฐมนตรีจะย้ำความพร้อมของระบบสุขภาพในไทย สนับสนุนความร่วมมือเพื่อเตรียมรับสังคมสูงอายุ และยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งรวมทั้งนำเสนอความพร้อมของไทยในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางสังคม ด้วย soft power/creative industries
ในโอกาสนี้ จะเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น พบหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Minister of Economy, Trade and Industry: METI) เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ซึ่งนอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะได้พบหารือเพื่อความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกของญี่ปุ่น ในทุกสาขาสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ (บริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ ทั้ง 7 บริษัท Toyota Honda Mazda Nissan Suzuki Mitsubishi Isuzu) อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลการเกษตร ธุรกิจการค้า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2566
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี