เปิดใจช้ำๆ"อดีตแม่ยก ปชป." 30 ปีแห่งความหวังกับช่วงเวลาดีๆก่อนถึงจุดแตกหักใช้เวลาคิดเพียงคืนเดียว ก่อนโบกมือลาเลือดสีฟ้า(ชั่วคราว) เผยรอยร้าว‘มาร์ค-เสี่ยต่อ’ ก่อนถึงจุดเดือดในวันเลือกหัวหน้าพรรค
15 พ.ย. 2566 นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ “ติ๊งต่าง” เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ และแกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในรายการ “แนวหน้าTalk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ซึ่งมี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย เป็นพิธีกร ว่า ตนเป็นแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์มา 30 ปี ไม่เคยไปเชียร์พรรคอื่น เพราะเป็นพรรคที่มีความเป็นสถาบันการเมืองมากที่สุดแล้วในประเทศไทย หมายถึงไม่มีเจ้าของพรรค ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงและมีความคิดเป็นของตนเอง แตกต่างจากพรรคอื่นที่หากเจ้าของพรรคสั่งอย่างไรก็ต้องไปอย่างนั้น
โดยหากถามว่าชอบช่วงจังหวะไหนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนยกตัวอย่างช่วงที่นายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรค เพราะตัดสินใจได้เด็ดขาด หรือช่วงที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งทำงานร่วมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่เมื่อเห็นว่าพรรคมีปัญหาก็ต้องแสดงความเห็นติติงกันบ้าง เช่น ช่วงที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค แล้วนำพรรคไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเหมือนเอาเนื้อหนูไปแปะเนื้อช้าง ไมได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น สู้เป็นฝ่ายค้านดีกว่าหรือไม่
ส่วนการแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กซึ่งก็มีคนติดตามมากพอสมควร ปกติตนนึกอะไรได้ก็จะเขียน อะไรที่ไม่ดีก็ต้องเขียนติง แต่บางครั้งก็เห็นผลสะท้อนกลับมาเช่นกัน เช่น ก่อนหน้านี้เคยมียอดติดตามถึงเกือบ 1 แสน แต่เมื่อตนวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ยอดก็ตกลงมาเหลือ 2 หมื่น ซึ่งตอนแรกตนเอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ และคาดหวังทั้งการปฏิรูปตำรวจและปฏิรูปการเมือง แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น ซ้ำร้ายยังทำให้เกิดพรรคการเมืองบางพรรคที่มีทัศนคติไม่ดีต่อสถาบันหลักขึ้นอีกต่างหาก
ซึ่งคนที่เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพราะกลัวระบอบทักษิณ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ชี้แจงให้คนรู้เลยว่าระบอบทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง ก็เลยผิดหวัง โดยเฉพาะในปีที่ 4 เป็นต้นมา ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนสถานะเป็นนักการเมืองภายใต้พรรคพลังประชารัฐ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นตนเขียนชียร์มาตลอด และเรื่องนี้เองที่ทำให้ยอดติดตามลดลง แต่ตนก็อ่านความคิดเห็นต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่ได้หาใครมาเป็นแอดมินช่วย โดยหากเป็นความเห็นแรงๆ ในเชิงคิดต่างทางการเมืองก็ไม่ลบ แต่ถ้าด่าหยาบๆ หรือไปหมิ่นประมาทคนอื่น – พรรคการเมืองอื่นก็จะลบ
“ประชาธิปัตย์ยุคหลัง สส. เขาได้น้อย แค่ 25 คน ก็มีบางกลุ่มขอร้องให้แก้กฎก็ไม่เกิดผลสำเร็จ ขอให้เป็นวันแมนวันโหวต ก็สถานการณ์วันเวลามันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นคุณได้ สส. เป็นร้อย กฎนี้มันเป็นร้อย ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว เขาก็ไม่ยอม คือไม่ถอยให้กันเลย ก็เอาตามนั้น มันก็เกิดปัญหาอย่างนี้” นางกาญจนี กล่าว
นางกาญจนี กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 ไม่ได้มีการเสนอชื่อมาตั้งแต่ต้น ตนมองว่าเป็นเรื่องแปลก ทำไมอยู่ดีๆ นายเฉลิมชัยเกิดฮึดสู้ขึ้นมา โกรธนายชวนหรือไม่ หรืออยากจะทำอะไร หรือเคยไปคุยกับใครไว้หรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดทางให้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง โดยมี น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ เป็นคู่แข่งในการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคครั้งนี้
แต่สุดท้ายก็มีข้อความสนทนาทางไลน์หลุดออกมา เนื้อหาทำนองต้องสกัดกั้นไม่ให้ น.ส.วทันยา ลงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น เพราะแม้ น.ส.วทันยา จะผ่านกฎเรื่องต้องสังกัดพรรคมาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ตนก็ไม่เชื่อว่า น.ส.วทันยา จะได้รับชัยชนะ เพราะเหมือนทุกอย่างมีการจัดเตรียมไว้หมดแล้วในการโหวตให้กับฝ่ายชองนายเฉลิมชัย ดังนั้นสู้ทำให้ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนดูมีการแข่งขันในพรรคอย่างแท้จริง คืออยากให้ น.ส.วทันยา ได้ลงสมัคร แล้วค่อยไปว่ากันในการแข่งขัน
ส่วนกรณีที่นายชวนเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ขณะที่อีกฝั่งก็เสนอชื่อนายเฉลิมชัย ตนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนายเฉลิมชัยจะลงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคด้วยตนเอง ซึ่งจริงๆ ก็มีข่าวออกมาแล้ว 1 – 2 วันก่อนหน้าวันประชุมใหญ่ของพรรค แต่ในส่วนของนายอภิสิทธิ์ตนไม่งง เพราะนายชวนยืนยันว่าต้องเป็นนายอภิสิทธิ์เพราะเป็นคนมีศักยภาพ และเชื่อว่าจะมาปฏิรูปพรรคให้เดินไปข้างหน้าได้ ดังนั้นนายชวนก็มีสิทธิ์เสนอ กระทั่งเมื่อนายอภิสิทธิ์ ขอพักการประชุมเพื่อพูดคุยกับนายเฉลิมชัยตัวต่อตัว ตนก็เชื่อว่าคงเป็นไปในทางลบ
“คุณอภิสิทธิ์อาจไปถามคุณเฉลิมชัยหรือเปล่าว่า ตกลงจะเอาตำแหน่งนี้แน่นะ จะไปร่วมรัฐบาลหรือเปล่า หรือคุณเฉลิมชัยหยามคุณอภิสิทธิ์มากไปหรือเปล่า หรืออาจจะผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณหรือเปล่า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมารู้มาเลยว่าคุณเฉลิมชัยไม่เคยเปิดโอกาสให้คุณอภิสิทธิ์ได้คุย” นางกาญจนี ระบุ
นางกาญจนี ยังกล่าวอีกว่า ส่วนที่นายเฉลิมชัยบอกว่าตนเองไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค จึงไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ตนมองว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ เพราะนายเฉลิมชัยอยู่เบื้องหลัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อยู่กับนายเฉลิมชัยหมด และไม่เคยเปิดโอกาสให้นายอภิสิทธิ์ได้เจรจา ตนเชื่อว่าหากได้เจรจาคงเคลียร์กันได้มากกว่านี้ จึงถามว่าทำไมต้องปิดประตูตาย
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หลังพูดคุยกับนายเฉลิมชัย ตนก็รู้สึกใจหาย แทนที่จะมีคนที่มีศักยภาพและวิสัยทัศน์ที่ดีช่วยงานพรรค แต่ก็เข้าใจว่าอยู่ก็ยากลำบาก เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกัน นายเฉลิมชัยก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้อยู่แล้วแถมเหมือนมองนายอภิสิทธิ์เป็นศัตรูด้วยซ้ำ คือไม่เอานายอภิสิทธิ์เลย สุดท้ายเมื่อมีการเลือกกันในพรรคจนได้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตนมองว่าเหมือนเป็นการพาไปลงเหว เพราะเป็นฝ่ายของนายเฉลิมชัยทุกคน ไม่มีฝ่ายของนายชวนหรือนายอภิสิทธิ์เลย
เช่น ไม่มีทั้งนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายเกียรติ สิทธีอมร คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช บุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับการแต่งตั้งใดๆ เลย อย่างนายเกียรติก็เป็นคนที่มีศักยภาพ หรือนายองอาจก็ทำงานแทบตายให้กับพรรค หรือแม้แต่ น.ส.วทันยา ที่ก็ได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยมาตลอด ก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งเช่นกัน ทั้งที่เป็นตนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและมีวิสัยทัศน์ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ตนตัดสินใจลาออกจากพรรค โดยใช้เวลาคิดเพียงคืนเดียว เพราะอยู่ไปก็เหมือนตนไปเห็นด้วยกับเขา
“ลาออกก็พร้อมเสมอที่จะกลับไปเมื่อพรรคทำอะไรที่มันไม่ใช่อย่างเวลานี้” นางกาญจนี กล่าว
ชมคลิปเต็มที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=TUTcXVjxxec
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี