เบรกบุกพิสูจน์ชัน14ระวังถูกฟ้อง
‘สมศักดิ์’ข่กมธ.ตร.
‘รมว.ยุติธรรม’ยืดเวลา7วัน
ชี้ขาด‘แม้ว’นอนเกิน120วัน
‘วัชระ’บี้สอยอธิบดีกรมคุก
บุกร้องปปช.สอบจริยธรรม
“สมศักดิ์ เทพสุทิน”รองนายกฯ ขู่ กมธ.ตำรวจระวังถูกฟ้องหลังประกาศบุกเยี่ยม “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจพิสูจน์“นักโทษเทวดา” ย้ำเป็นสิทธิ์ ผู้ต้องขัง-ผู้ป่วย “รมว.ยุติธรรม”ยืดเวลาอีก 7 วัน รอ กรมราชทัณฑ์ชี้ขาด“น.ช.ทักษิณ” นอนรพ.เกิน 120 วันได้หรือไม่ ด้าน“รพ.ตำรวจ” อ้างเป็นความดูแลของกรมคุก ไร้อำนาจอนุญาตเปิดห้อง“นักโทษเทวดา” ด้าน “วัชระ เพชรทอง”ตามสอย อธิบดีกรมคุกและผู้ที่เกี่ยวข้อง ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม ดึงสติขรก.รักศักดิ์ศรี-หยุดเป็นทาสนักการเมือง ยก ‘ธาริต–ผู้บริหาร ก.พาณิชย์’ถูกทิ้งนอนคุก
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลตำรวจ บนชั้น 14 อาคารมหาภูมพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ซึ่งเป็นสถานที่รักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งวันที่ 22 ธันวาคม นับเป็นวันที่ นายทักษิณ นักโทษคนสำคัญรักษาตัวนอกเรือนจำอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจครบ 120 วัน โดยตามระเบียบการรักษาตัวนอกโรงพยาบาลจะต้องมีความเห็นจากแพทย์ผู้ทำการรักษาแจ้งผลการรักษาให้กรมราชทัณฑ์ รับทราบเพื่อพิจารณาว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำต่อหรือไม่
ขณะที่สถานการณ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 นายทักษิณ พักรักษาตัว พบว่ายังคงมีตำรวจเฝ้าประจำการดูแลความเรียบร้อย โดยเฉพาะบริเวณปีกซ้ายของอาคารชั้น 14 พบว่า มีตำรวจ 2 นาย ที่ประจำการดูแลความเรียบร้อย บริเวณหน้าห้อง 1401 ซึ่งเป็นห้องที่นายทักษิณ ชินวัตร นอนพักรักษาตัว ส่วนที่หน้าประตูห้อง 1401 มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 1 นายนั่งประจำการ
ขณะเดียวกันฝั่งปีกขวา จากเดิมก็เป็นห้องพักฟื้นของผู้ป่วยเช่นเดียวกันกับฝั่งปีกซ้าย แต่ปัจจุบันมีสภาพเปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจ จัดโต๊ะที่นั่งคล้ายประจำการ ขณะที่ป้ายแจ้งข้อมูลของแต่ละชั้นในอาคารพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อความของชั้น 14 จากเดิมเคยระบุว่าเป็นหอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ซึ่งหมายถึงเป็นชั้นพักฟื้นระหว่างรักษาตัวของตำรวจระดับนายพล แต่ปัจจุบันข้อความระบุสั้นๆว่า หอผู้ป่วยพิเศษ
ยืดเวลา7วันชี้ขาดแม้วนอนยาว
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานความเห็นจากนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากระเบียบราชทัณฑ์ ว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 มีการระบุชัดเจนว่าหากการรักษาเกินกว่า 120 วันให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้รัฐมนตรีทราบ
“ดังนั้นแม้วันนี้จะเป็นวันที่ 22 ธ.ค. ก็ตาม แต่จะต้องรอให้เกินวันที่เกินก่อน และหากดูในรายละเอียดกฎระเบียบจะเป็นไปตามที่ผมเรียนแจ้ง ถึงเกิน 5-7 วัน ก็ยังอยู่ในกรอบของกฎระเบียบ แต่หากเจาะจงไปก่อนวัน ซึ่งยังไม่เกินกว่า 120 วัน ก็จะยังไม่สามารถสรุปใดๆได้” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนไม่ได้ยืนยันว่าในวันนี้อดีตนายกรัฐมนตรีจะต้องเข้ารับการนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ต่อเนื่องหรือไม่ แต่เป็นเพราะทางกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้มีการรายงานมาให้รับทราบ และขออนุญาตวางสายผู้สื่อข่าวทันทีพร้อมชี้แจงว่าตนเองต้องเข้าประชุม
‘รพ.ตำรวจ’ไร้อำนาจเปิดห้อง
ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตร.กล่าวว่าพื้นที่การควบคุมผู้ต้องขัง ตามคำสั่งศาลเป็นพื้นที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจมีหน้าที่รักษาคนไข้เพียงอย่างเดียว อีกทั้งพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 (มาตรา 7) มาตรา 7 ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทำให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย แต่ไม่ว่าในกรณีใดๆ ผู้ใดจะอาศัยอำนาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอื่นเพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้
ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการเข้ามาทำข่าวในพื้นที่ให้ระมัดระวังการนำเสนอภาพข่าวหรือภาพ เพื่อไม่ให้ไปกระทบสิทธิผู้ป่วยและประชาชนที่มาใช้บริการ
จวกพวกปลุกปั่นฝันลมๆแล้งๆ
ด้านนายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวว่า วันนี้มีฝ่ายการเมืองออกมาใช้เรื่องสถานที่คุมขังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ มาเล่นเกมการเมืองมากเกินไป พยายามโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการให้เกิดการรัฐบาลเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาล และบางคนถึงกับฝันไปว่าจะเปลี่ยนขั้วอำนาจการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้
“ขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องฝันกลางวัน เพราะอย่างไรวันนี้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก็มีความมั่นคงแข็งแรงเป็นปึกแผ่น ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องปรับใครเข้าหรือปรับใครออก มีแต่มุ่งทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติและปากท้องประชาชนทุกวัน และทุกวันนี้ก็ทำไปมากแล้ว หากไม่มีใครคอยขัดแข้งขัดขาผลงานรัฐบาลก็จะเกิดขึ้นมากกว่านี้” นายพายัพ กล่าว
อย่าเอาคนป่วยมาเล่นการเมือง
นายพายัพ กล่าวว่า อยากจะขอร้องทุกฝ่ายหยุดใช้สถานที่คุมขังนายทักษิณ มาเป็นเกมการเมืองอีกเลย ขอให้เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่จะใช้อำนาจตามกฎระเบียบของกฎหมายให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนจะดีกว่า เพราะทุกคนที่ถูกศาลสั่งจำคุกก็ต้องให้กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปตามกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ใครเจ็บใครป่วยก็ให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ไม่ควรไปกดดันใดๆ
“ฝ่ายการเมืองออกมาเรียกร้องตรวจสอบกันทุกวันนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองได้ว่ามิได้เป็นไปกระทำโดยสุจริตใจ แต่หวังผลทางการเมืองมากจนเกินไป บางคนพรรคของตัวเองมาร่วมรัฐบาลแล้วก็ยังไม่พอ อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเองอีก บางพรรคก็เล่นเกมหวังร่วมรัฐบาล ทั้งที่รัฐบาลผสมตอนนี้ก็เพิ่งทำงานได้แค่ 3 เดือน จึงขอให้หยุดฝันกลางวัน หยุดต่อรองทางการเมือง หยุดเอาโรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณฑ์และคนป่วยมาเล่นการเมืองกันเสียที เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้คนไทยทั้งชาติ” นายพายัพกล่าว
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)โพสต์ข้อความเรื่อง”การขังนอกเรือนจำ ช่วยคุณทักษิณจริงหรือ” มีเนื้อหาโดยย่อคือ การขังนายทักษิณ นอกเรือนจำนั้น สามารถทำได้ระเบียบราชทัณฑ์เปิดช่องแก้ปัญหาคุกแออัดมีนานแล้ว เป็นมาตรฐานสากล
‘สมศักดิ์’ขู่กมธ.ตร.ระวังถูกฟ้อง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมนายทักษิณที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ โดยนายสมศักดิ์ย้อนว่า ถ้าเขาไม่อนุญาต ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ป่วย และจะไปถามว่าเป็นโรคอะไร ก็ไม่เปิดเผย แต่ถ้าเปิดเผย ก็ถูกฟ้อง ระเบียบเป็นอย่างนี้กับทุกคนไม่ใช่รายใดรายหนึ่ง
นายสมศักดิ์ ยังให้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมราชทัณฑ์ออกระเบียบต่างๆ ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า กรณีดังกล่าวเป็นพัฒนาการ เมื่อมีกฎหมายออกมา ก็ต้องดำเนินการไปตามแนวทางของกฎหมาย ทั้งนี้มีหลายกระทรวงที่สร้างกฎหมายออกมา แต่ไม่ได้เดินต่อ และไม่ได้นำมาใช้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ จึงทำให้เสียโอกาส ทำได้หน่วยงานนั้นๆแค่นั่งรอเซ็นหนังสือไปวันๆ ซึ่งมันไม่ใช่การพัฒนาประเทศ แต่การพัฒนาจะต้องคิดใช้ประโยชน์จากกฎหมายเพื่อสังคมและประเทศชาติ นั่นคือการเมืองที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่ารายชื่อผู้ที่เข้าตามหลักเกณฑ์ของระเบียบราชการฉบับใหม่ น่าจะได้เห็นออกมาก่อนปีใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดูจากแนวทางดำเนินการ ถ้ามีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารออกไป ก็จะกระทบกับคนที่ทำงาน เพราะคิดว่าทำให้เกิดปัญหามาก จึงไม่ทำดีกว่า และอาจทำให้ผู้ที่จะได้เข้าหลักเกณฑ์เสียโอกาสไปด้วย ตามเรื่องนี้ไม่ได้ไม่ได้เป็นการบังคับให้ทำแต่เป็นพัฒนาการของกฎหมาย เพราะพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ออกมาตั้งแต่ปี 2560 ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลา 5 ปี โดย ในมาตรา 43 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ระบุว่าเมื่อครบเวลา 5 ปี จะต้องสังคายนากฎหมายดังกล่าวว่ามีอะไร พี่สมดุลหรือไม่สมดุล และต้องมีการปรับแก้ไข แต่ตอนนี้เกิน 5 ปีไปแล้ว ถ้าไม่คิดพัฒนา ก็นอนอยู่เฉยๆ คอยเซ็นหนังสือไปวันๆ
บอกกฎหมายต้องพัฒนา
“ถามว่าประเทศจะไหวหรือไม่กับการไม่คิดจะทำอะไร ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้หมด ก็จะกลายเป็นประเทศที่คอยใช้แต่เงินงบประมาณที่มีจำนวนน้อย ดังนั้นเราต้องแก้กฎระเบียบข้อบังคับที่จะพัฒนาสู่สากลในทุกด้าน จะทำให้มีช่องทางหาเงินเข้าประเทศได้ ผมอยู่การเมืองมานานกว่า 40 ปี สามารถพูดได้เพราะเห็นชัด”นายสมศักดิ์ ย้ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถชี้แจงต่อข้อกังขาของประชาชนที่ยังสงสัยอยู่ได้ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ชี้แจงได้ และตนที่ไม่ได้เกี่ยว แต่เข้าใจเรื่องนี้ ก็ชี้แจงได้ และออกมาพูดในขณะที่ไม่มีใครพูด เพราะถ้าไม่พูด ก็จะเกิดความเข้าใจผิด และมองเห็นถึงความตั้งใจดีของราชการ แต่ถ้าภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ก็จะไม่กล้าเดินต่อ ขณะเดียวกัน ถ้าไม่เดินต่อ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับคนอื่นที่ควรจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้
เมื่อถามว่าหากเป็นอย่างนี้ นายทักษิณจะอยู่นอกเรือนจำไปตลอดจนกว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษทใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น และอย่าไปถามออกนอกกรอบ เรื่องจะอยู่นอกหรือในเรือนจำนั้น เป็นการตรวจสอบของแพทย์ และเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ส่วนตัวของผู้ต้องขังด้วย หากเขาไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยม บุคคลนั้นก็มาเยี่ยมไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ใช้กับผู้ต้องขังทุกคนที่อยู่ในเรือนจำ และต้องขึ้นบัญชีผู้ที่จะเข้าไปเยี่ยมได้ ไม่ใช่อยากจะเข้าไปเยี่ยมหรือเข้าไปตรวจสอบ มันก็ทำไม่ได้ นอกจากนี้ การที่บอกว่าใจไม่กว้าง ปกปิดไม่ให้มีการเข้าเยี่ยม ตนต้องขอย้ำว่ามันมีกฎกติกาในการเยี่ยม ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต ก็จะมีเพียงทนายความหรือญาติที่สนิทเท่านั้น
“วัชระ”สอยอธิบดีกรมคุก
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ประสาน ราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ผ่านทางนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนนายสหการณ์ เพร็ชนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กับพวกและฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง มีพฤการณ์หรือกระทำผิดประมวลจริธรรมของช้าราชการ หรือนักการเมืองและกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ว่า 1.ไม่ต้องจำคุกจริง และไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ ป่วยจริงหรือไม่ 2.มีการดำเนินการตามขั้นตอนรับเข้าเรือนจำ ออกประวัตินักโทษครบถ้วนหรือไม่ 3. มีข้าราชการ นักการเมือง สั่งการช่วยเหลือหรือไม่ และ 4.มีการเร่งรัดออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 6 ธ.ค. เอื้อประโยชน์นายทักษิณจริงหรือไม่
เชื่อมีคนช่วยทักษิณเหาะได้
นายวัชระ กล่าวว่า ตามที่นายทักษิณ มีหมายเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปรากฏว่านายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปในเรือนจำ ต่อมานายทักษิณก็ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนเชื่อว่าลำพังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้นคงไม่กล้าอนุมัติให้นายทักษิณ ไปรักษาที่รพ. แต่มีนักการเมืองเหาะเหินเดินกรุงลงกาหรือไม่ แล้วพานายทักษิณเหาะข้ามรั้วเรือนจำไปรักษาที่รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ เชื่อว่าย่อมมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย จึงขอให้ป.ป.ช. ดำเนินการสอบจริธรรมนักการเมืองและข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยข้องทั้งหมดทั้งนายวิษณุ นายสมศักดิ์ ก็เป็นรมว.ยุติธรรมขณะนั้น รวมทั้งนายทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมคนปัจจุบันที่เป็นอนุมัติด้วย ประชาชนก็สงสัยว่า ความยุติธรรมนั้นยุติธรรมจริงหรือไม่ หากยุติธรรมจริงทำไมนักโทษกว่า 2.7 แสนรายยังอยู่ในคุก แต่ทำไมนายทักษิณคนดียวซึ่งถูกคำพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้ติดคุกจริง กลับแหกตาประชาชนทั้งประเทศ โดยให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อย และหน่วยงานอื่นๆ ไว้เป็นพยานทั้งหมด
เอาเปรียบนักโทษรายอื่น
เมื่อถามว่า คาดว่านายทักษิณจะได้รับสิทธิ์รักษาตัวในโรงพยาบาลไปเรื่อยๆ จนพ้นโทษหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลนี้ นำโดยนายเศษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันว่ามีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันธ์แนบแน่นประการใดกับนายทักษิณ จึงเชื่อได้แน่ว่า การรักษาตัวของนายทักษิณ คงเป็นไปโดยสะดวกทุกประการ แต่ประชาชนสงสัย และไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริง เพราะตอนอยู่เมืองนอก ว่ายน้ำ ชกกระสอบทราย ลากสกี ร้องเพลง ดื่มไวน์ ลงที่สนามบินดอนเมืองยังโบกมือให้มิตรรักแฟนเพลงของตัวเอง เดินอย่างแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย ไม่มีเปลหามลงมาจากเครื่องบิน สุขภาภร่างกายแข็งแรงในวันนั้น แต่พอไปถึงราชทัณฑ์กลับกลายเป็นคนป่วยที่แม้แต่รพ.ราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถรักษาได้ มีเหตุผลกลใดที่ต้องใช้วิธีการเหนือเมฆให้นายทักษิณไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจที่ค่อนข้างหรูหราเปรียบเสมือนโรงแรมห้าดาว และตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.
จนถึงวันนี้ ประชาชนก็ไม่เชื่อว่ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจริงตลอดเวลา จึงขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ด่วนที่สุด เพราะเป็นการเอาเปรียบนักโทษทั่วประเทศกว่า 2.7 แสนคน ที่เขาจำคุกจริง ไม่ใช่จำคุกทิพย์ ไม่ได้ไปนอนที่รพ.ตำรวจชั้น 14 ซึ่งแบบนั้นจะบอกได้ว่า เป็นการจำคุกตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์หรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ดังนั้นป.ป.ช.ต้องรีบไต่สวนและตอบคำถามนี้โดยเร็วที่สุด
บอก”สมศักดิ์”รู้เรื่องดี
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายทักษิณเข้าเรือนจำแล้วมีภาวะเครียด มองว่าเป็นไปได้หรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นายสมศักดิ์นั่นแหละเครียดกว่า แต่นายสมศักดิ์ เป็นคนดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นคนที่รู้ดี และอย่าได้แปลกใจว่าทำไมนายสมศักดิ์ได้เป็นรองนายกฯ โดยส่วนตัวก็ชื่นชมว่าน่านสามารถเป็นรัฐมนตรีมาได้ยาวนานที่สุด ในบรรดา รัฐมนตรีหรือนักการเมืองคนอื่น สามารถอยู่มาได้ทุกยค ตั้งแต่สมัยนายทักษิณ เป็นนายกฯ จนถึงสมัยพล.อ.ประยุทธ์ ปัจจุบัน และรวมถึงอนาคต
เมื่อถามว่า รายละเอียดระเบียบราชทัณฑ์ เป็นฝีมือของนายสมศักดิ์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น แล้วนายสมศักดิ์กับนายทักษิณเกี่ยวพันกันอย่างไร ประชาชนรู้กันทั้งประเทศ และกรณีการออกระเบียบราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่าข้าราชการระดับสูงกระซิบว่า มีการเร่งรัดให้ทำโดยเร็ว ให้เสร็จในเร็วๆนี้ ซึ่งข้าราชการก็ได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการตำรวจไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับคำตอบว่า คนที่เร่งรัดคือนายสหการณ์ เพร็ชนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และหลังเซ็นออกระเบียบฯ เพียง 13 วันก็ได้เป็นอธิบดีฯอย่างนี้เป็นประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่
ทั้งนี้ ไม่ต้องใช้พยานบุคคลเลยขอให้ไปอ่านในรายละเอียดจะรู้ว่า เอื้อประโยชน์ต่อนายทักษิณอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอในกรรมาธิการตำรวจว่า เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย สิ้นข้อครหาก็ขอให้อธิบดีฯ ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวออกไป 1 ปี เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สิ้นครหา ต่อนาทักษิณ
สงสาร”ธาริต”ต้องนอนในคุก
เมื่อถามว่า วันนี้ครบ 120 วัน ในวันนี้ คิดว่าจะมีการใช้วิธีการใดเพื่อให้นายทักษิณได้นอนโรงพยาบาลต่อ โดยไม่มีข้อครหา นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่มีมันสมองที่เลิศเลอเหมือนข้าราชการที่รับใช้ฝ่ายการเมืองอยู่ในขณะนี้ จึงไม่อาจทราบได้ว่าจะใช้วิธีการใด
“ผมสงสารข้าราชการประจำ ขอให้ไปดูปรวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ว่านักการเมืองใช้ข้าราชการประจำแล้วเป็นอย่างไร เช่น กรณีของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์ ในคดีจำนำข้าว สุดท้ายล้วนแต่ต้องติดคุกกันทั้งนั้น ดังนั้นขอให้ข้าราชการรักศักดิ์ศรี อย่ายอมเป็นทาสของนักการเมือง”นายวัชะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้มีการวางแผนเอานายทักษิณกลับมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว นายวัชระ กล่าวย้อนว่า “อันนี้เป็นความเห็นของท่าน ซึ่งผมก็เห็นคล้อยด้วย”
เมื่อถามว่ามองอย่างไร ที่ฝ่ายค้าน หรือพรรคก้าวไกลตรวจสอบเรื่องนี้น้อยมาก นายวัชระ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีเข็มมุ่งที่ชัดเจน และอยู่ภายใต้การครอบงำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แล้วนายธนาธรมีการคุย ตกลงอย่างลับๆ กับนายทักษิณล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นการกระทำของพรรคก้าวไกลในอนาคต ล้วนอยู่ใต้การชักนำของนายธนาธรหรือไม่ ดังนั้นเป็นเหตุให้ไม่กล้ายุ่งกับกรณีนายทักษิณ ถึงแตะก็แตะอย่างผิวเผิน
ไข่ผงชี้เมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้
ขณะที่ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแชร์ภาพนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคปะชาธิปัตย์ ชูภาพนายทักษิณ ชินวัตร กับ นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่มีข้อความประกอบว่า กล้องวงจรปิดเสียหมด โดยระบุว่า เมืองไทย อะไรก็เป็นไปได้ การเมือง ก็สามานย์ การปกครองการบริหารก็สามานย์ การยุติธรรมก็สามานย์อีก จะหวังอะไรได้ ปล่อยใจให้สบาย อย่าไปหวังอะไรมากนักเลย
วิโรจน์จี้เปิดรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ที่ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ภูมิธรรม ย้ำ ระเบียบราชทัณฑ์ ไม่ได้เอื้อ ‘ทักษิณ’ ขอให้ใจกว้าง อย่าคิดเป็นการเมือง นั้น
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความว่าะเบียบกรมราชทัณฑ์ ระบุชัดว่า การส่งตัวไปรักษาภายนอก จะนอนพักที่ห้องพิเศษไม่ได้ หากยืนยันว่า ห้องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ใช่ห้องพิเศษ ก็ควรชี้แจงว่า หากผู้ต้องขังคนอื่น ต้องการรักษาตัวที่ชั้น 14 บ้าง จะต้องกรอกแบบฟอร์มไหน ใช้หลักเกณฑ์ใด ไม่ควรโยนทุกอย่างไปที่ดุลพินิจของแพทย์
กรณีระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ ก็เช่นกัน ระเบียบนี้ให้อำนาจไปที่คณะทำงานที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรือคนที่อธิบดีแต่งตั้ง รวมทั้งให้อำนาจให้อธิบดีเป็นผู้ชี้ขาด โดยปราศจากการตรวจสอบ ถ่วงดุลที่เหมาะสม ระเบียบเช่นนี้ เอื้อให้ผู้ต้องขังที่ร่ำรวย หรือผู้ต้องขังที่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง สามารถเสนอผลประโยชน์ หรือออกใบสั่งให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ผู้ต้องขังที่ร่ำรวย หรือมีแบ๊ค ให้ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือนักโทษคนอื่นได้
สมชายเหน็บ120วันยังรักษาไม่หาย
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า “ขำขันก่อนนอน โรงพยาบาลอะไรเอ่ย หมอรักษาโรค120วันไม่หาย แอร์ไม่เย็น กล้องวงจรปิดเสียหมดหลายปีไม่มีงบซ่อม แต่บางคนชอบใจอยากอยู่นานๆ 55555”
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง” หัวข้อ “120วันแล้ว ทักษิณ จะไปไหน ???”โดยแนะนำกว่าเพื่อให้เรื่องดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของสังคม น่าจะพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ โดยปราศจากข้อสงสัย ได้2วิธี คือ 1.ให้สภาผู้แทนราษฎรจัดตั้งคณะแพทย์ขึ้นมาชุดหนึ่ง ประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มีอาชีพทางการแพทย์ขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ทราบว่า คุณทักษิณป่วยจริงหรือไม่ 2.รัฐบาลแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งประกอบด้วย แพทย์และวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ขึ้นมาพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อยืนยันว่าคุณทักษิณป่วยจริงหรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า มีคณะแพทย์ที่แต่งตั้งขึ้นมา ที่น่าเชื่อถือของสังคม ออกมายืนยันข้อเท็จจริง เรื่องอาการป่วยของทักษิณ ก็สามารถลดกระแสความเคลือบแคลงใจ เรื่องคุณทักษิณป่วยจริง หรือป่วยปลอมได้ระดับหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี