วงเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองกับดักรัฐธรรมนูญ! ‘เจษฎ์’ ชี้ไทยไม่เคยมีรธน.ฉบับประชาชน ชนชั้นใดเขียนมักเอื้อชนชั้นนั้น มองเขียนรัฐธรรมนูญสกัด 'รัฐประหาร' เป็นไปได้ยาก แนะให้ปชช.ร่วมร่างกติกาประเทศ - ทำให้นักการเมืองเกรงใจ เข้มบังคับใช้กม.ว่ากันตามถูก-ผิด ไร้ข้อยกเว้น ด้าน ‘ปริญญา’ รับเป็นเรื่องยากเขียนกติกาประเทศให้เป็นฉบับไฟนอล ติง ‘นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต’ หากฝืนไปไม่ไหว ควรบอกชาวบ้านตรงๆ อย่าอ้างหาเสียงไว้ ทำกระทบนโยบายอื่น
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2567 ที่ True space สยามสแควร์ กทม. มีการจัดเสวนาทางวิชาการ “กับดักรัฐธรรมนูญ กับการพัฒนาประชาธิปไตย” โดยผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย และประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดยน.ส.วทันยา บุนนาค อดีต สส.บัญชีรายชื่อ
โดย ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวถึงปัญหาในรัฐธรรมนูญ ว่า หากจำเป็นจะต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องหาวิธีการอย่างไร เพื่อทำให้เป็นฉบับสุดท้าย แต่เห็นว่า เป็นไปได้ยาก เพราะจะต้องให้สังคมเห็นพ้องร่วมกัน ซึ่งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่ ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ 2540 แต่ก็มีการใช้กลไกนอกรัฐธรรมนูญ หรือการรัฐประหาร มาแก้ปัญหาทางการเมือง จนขณะนี้ ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันในมาตรา 256 ยังทำได้ยากเพราะจะต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 และกลไกอื่น ๆ อีก ดังนั้น จึงเห็นว่า เมื่อ สว.ชุดนี้ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญจะหมดวาระ โอกาสที่ สว.ชุดใหม่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ จะทำให้หน้าต่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดขึ้น และทำให้คนไทยได้มาตกลงกติกาใหม่กันอีกครั้ง
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า ส่วนการออกแบบรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดยั้งรัฐประหาร และทำให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายนั้น ตนเห็นว่า การออกแบบรัฐธรรมนูญจะต้องให้ประชาชนเจ้าของประเทศออกแบบ และให้สมดุลระหว่างประชาชน และนักวิชาการ แม้จะเห็นต่างกันในสังคม แต่สังคมก็จะต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาการเมืองใด ๆ จะต้องแก้กันตามระบบ เพราะไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาทางการเมืองใด ๆ ก็จะต้องกลับมาใช้วิธีการรัฐประหาร และทางการเมือง รัฐธรรมนูญถือเป็นกติการ่วมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทุกฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จบที่การเลือกตั้ง และรัฐบาลต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ ผ่านกลไกการถ่วงดุลอำนาจ และการรัฐประหารในประเทศไทย จะไม่สามารถสำเร็จหากประชาชนไม่ยินยอม พรรคการเมืองไม่ตกต่ำ หรือเสียความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาการรัฐประหารเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเสื่อมความนิยม และเสียความชอบธรรม โดยเฉพาะการรัฐประหาร 2557
“นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่พยายามดำเนินการ หากพยายามทำแล้ว แต่ทำไม่ได้ ก็ต้องชี้แจงต่อสังคมว่า ไม่สามารถทำได้ ไม่ใช่อ้างว่า หาเสียงเอาไว้ จนนโยบายอื่น ๆ ที่สามารถทำได้ แต่ไม่ถูกดำเนินการ” ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา ยังกล่าวถึงระบบการเลือกตั้งโดยเสนอว่า ระบบเลือกตั้งบัญชีรายชื่อแบบแบ่งเขต บัตรใบเดียว เพื่อสะท้อนเจตจำนงค์ที่แท้จริงของประชาชน เหมือนประเทศเดนมาร์ก และสวีเดน รวมถึงมีบัญชีรายชื่อเขตประเทศ มาเติมจำนวน สส.บัญชีรายชื่อแบบแบ่งเขต ในกรณีที่ยังไม่ครบจำนวน แก้ปัญหาผู้อาวุโสในพรรคว่า จะลงเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ หรือแบบแบ่งเขต
ด้าน รศ.ดร.เจษฎ์ ในฐานะอดีตที่ปรึกษากรรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงปัญหารัฐธรรมนูญ 2560 ว่า ไม่อาจโทษนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธาน กรธ.ได้ทั้งหมด และประเทศไทยไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะชนชั้นใดตรากฎหมาย ก็เพื่อประโยชน์ชนชั้นนั้น ซึ่งกลไกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการเมืองปัจจุบัน โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ก็เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด รวมถึงการออกฤทธิ์เดชของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบันด้วย มั่นใจว่าแม้สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ชุดปัจจุบันจะไม่มีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็จะยังคงเป็นรัฐบาล เพราะพรรคก้าวไกล แม้จะชนะการเลือกตั้ง แต่เสียง สส.ของพรรคก้าวไกล ไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งที่จะตั้งรัฐบาลได้ และในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทหาร และนักการเมือง ก็จับมือกันทางการเมือง ดังนั้น หากต้องการจะให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ก็จะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม และกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่ว่าจะต้องยุบพรรคก้าวไกล หรือนายทักษิณ จะต้องเข้าคุก ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้มีการรัฐประหารนั้น ไม่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญให้ไม่มีรัฐประหารได้ แต่ต้องขึ้นกับประชาชน ที่จะต้องทำให้นักการเมืองเกรงใจ มีโครงสร้างสังคม และโครงสร้างประชาธิปไตยที่ลงตัว จึงจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ พร้อมเห็นว่า ในอดีตหากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมลาออก หรือมวลชนที่มาชุมนุมยอมกลับบ้าน เงื่อนไขการรัฐประหารก็ไม่เกิดขึ้น
“ดังนั้น จึงจำเป็นแต่จะต้องมีภาวะการณ์กลไกเดินไปสู่อนาคตร่วมกัน ไม่คิดเพียงว่า ตัวอักษรในกฎหมายจะใช้บังคับได้เพียงอย่างเดียวหากยังมีการละเมิดกฎหมาย และบ่อยครั้งที่ประชาชนถามหาทหาร เพราะประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่า มีทหารช่วยเหลือในยามประสบภัย ไล่จับโจรได้ ช่วยรักษาความสงบในพื้นที่ชายแดนใต้ มากกว่านักการเมือง” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการเสวนาเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนา ยังได้ร่วมกัน Work Shop "ออกแบบรัฐธรรมนูญ สู่อนาคตที่ดีกว่า" ทั้งในกลไกองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ, ระบบการเลือกตั้ง, ระบบสภา, การปกครองท้องถิ่น และการปฏิรูปประเทศ เพื่อร่วมกันออกแบบสถาบันการเมือง ทั้งที่มา, อำนาจ และการถอดถอน เป็นต้น
---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี