‘อุ๊งอิ๊ง’ยกขบวนเข้าเขมร 18-19 มี.ค.นี้ ฝั่งกัมพูชาชูภาพ‘ฮุนเซน-ทักษิณ’ปลุกสัมพันธ์แน่นแฟ้น
27 กุมภาพันธ์ 2567 นสพ.The Phnom Penh Post ของกัมพูชา รายงานข่าว Pheu Thai Party leader set for visit, aiming to narrow ruling party links ระบุว่า แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลของไทย นำโดยหัวหน้าพรรค แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ในวันที่ 18-19 มี.ค. 2567 โดยจะเข้าพบบุคคลสำคัญของพรรค CPP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของกัมพูชา อาทิ ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานพรรค CPP และอดีตนายกฯ กัมพูชา ฮุน มาเนต (Hun Manet) บุตรชายของฮุน เซน และยังเป็นนายกฯ กัมพูชาคนปัจจุบัน รวมถึง Say Chhum ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 ฮุน เซน ได้เดินทางจากกัมพูชา เพื่อไปเยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) บิดาของ แพทองธาร และยังเป็นอดีตนายกฯ ของไทย ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวหลังถูกคุมขังในโรงพยาบาลนาน 6 เดือน ที่บ้านพักในกรุงเทพฯ ซึ่งในระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน ฮุน เซน ได้ถือโอกาสเชิญ แพทองธาร ให้ไปเยือนกัมพูชา ซึ่งตามแถลงการณ์ของพรรค CPP เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ระบุว่า การเยือนระดับสูงมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนและพรรครัฐบาลทั้งสอง โดยอิงจากสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมืออย่างใกล้ชิด
ต่อมาในวันที่ 25 ก.พ. 2567 Sok Eysan โฆษกพรรค CPP ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ว่า การเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของตน และเร่งการแก้ปัญหาทางตันหรือความยากลำบากที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญ นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงพรรคเพื่อไทย อันเป็นพรรคการเมืองรุ่นที่ 3 หากนับพรรครุ่นแรกคือพรรคไทยรักไทย พรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดย ทักษิณ ชินวัตร ว่า มีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรค CPP ของกัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ ฮุน เซน ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โฆษกพรรค CPP ยังมองโลกในแง่ดีด้วยว่า จะผลักดันความสัมพันธ์ที่นำโดยรัฐบาลระหว่างทั้ง 2 ประเทศไปสู่ระดับใหม่ เสริมสร้างความร่วมมือทางการค้า แก้ไขปัญหาร่วมกัน และเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน นอกจากนี้ ความสัมพันธ์อันดีจะสนับสนุนชาวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยและทำงานในประเทศไทยด้วย ขณะที่ Kin Phea ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกัมพูชา กล่าวว่า การเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างพรรครัฐบาลทั้งสองพรรค และความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างบุคคลอาวุโสของพวกเขา รวมถึงฮุนเซนและทักษิณ ตลอดจนผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพวกเขา มาเนต และแพทองธาร
Phea ให้ความเห็นว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ปกครองจะทำหน้าที่เป็นสะพานที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ ตนเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะผลักดันเพื่อขยายความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ดังที่ได้หารือกันระหว่างการเยือนประเทศไทยครั้งล่าสุดของนายกฯ ฮุน มาเนต
“ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และความร่วมมือในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และยาเสพติด ตลอดจนอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุน การเคลื่อนย้ายแรงงาน การค้าข้ามพรมแดน และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่คนไทยเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอันดับหนึ่งที่มาเยือนกัมพูชา” ผอ.สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งกัมพูชา กล่าว
Meas Nee นักวิจัยด้านการพัฒนาสังคม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพรรค CPP มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนานเนื่องจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างฮุนเซนและทักษิณ การเยือนกัมพูชาโดยบุตรสาวของทักษิณในเดือน มี.ค. 2567 เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรครัฐบาลให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีในระดับการเมืองระหว่างทั้งสองประเทศเป็นสิ่งที่ดีและให้เสถียรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ นี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการจารกรรม การค้าข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี