‘ก้าวไกล’ คาใจตัดลดงบฯซื้อเรือฟริเกต17,000ล้าน หวั่นโยนบาปการเมืองให้ ‘ทัพเรือ’ ทำกำลังพลน้อยใจ ด้าน ‘ไทยสร้างไทย’ แฉปรับลดไม่จริง ไปหมกรวมอยู่ในงบฯผูกพัน ขณะที่ ‘กมธ.’ แจงให้ช้อปปีหน้า เหตุปีนี้ยังไม่ชัดจะซื้อจากประเทศใด ยันเห็นความสำคัญ - ไม่ให้กระทบป้องกันประเทศ 

วันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน3.48ล้านล้านบาท วาระ 2-3 วันแรก โดยเรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการตัดลดงบประมาณการจัดซื้อเรือฟริเกต 1 ลำ วงเงิน 17,000ล้านบาทว่า มีเหตุผลใดกองทัพเรือต้องไม่ใช่เหยื่อการเมือง การจัดงบแบบนี้อาจเกิดวิกฤติในกองทัพ ทำให้กำลังพลน้อยใจ 

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ระบุว่าปรับลดงบ 2,485ล้านบาท หรือลดลง 2.8% ปรับลดไม่จริง เพราะถูกเอาไปซ่อนอยู่ในรายการของงบผูกพันปี2568-2569 เช่น งบกองทัพเรือมีโครงการผูกพัน9 โครงการ ตั้งแต่ปี2557-2574เป็นงบประมาณรวม 44,618 ล้านบาทหรือกองทัพอากาศบอกปรับลดงบประมาณ 103 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า มีงบผูกพันใหม่ตั้งแต่ปี2568-2570 มากถึง 5,709 ล้านบาท  รวมแล้วงบประมาณทั้ง 3เหล่าทัพ ลดไม่จริง เพราะไปอยู่ในงบผูกพันปี2568-2570 ที่เป็นโครงการใหม่รวมแล้ว 36,231ล้านบาท เป็นงบกองทัพบก  9,641ล้านบาท กองทัพเรือ 20,879ล้านบาท กองทัพอากาศ5,709ล้านบาท 

ขณะที่นายธเนศ เครือรัตน์ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ชี้แจงว่า ขอชี้แจงในส่วนงบผูกพันกองทัพ กรณีงบผูกพันกองทัพอากาศ 10โครงการกว่า6,000ล้านบาทนั้น กมธ.ได้ท้วงติงกับกองทัพอากาศในเรื่องดังกล่าว ได้กองทัพอากาศยืนยันถึงความจำเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนักบินและผู้โดยสารที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เช่น โครงการปรับปรุงเครื่องยนต์ 32เครื่องยนต์ ของเครื่องบินซี130 จำนวน 8เครื่อง ถึงเวลาต้องปรับปรุง โครงการพัฒนาขีดความสามารถซ่อมบำรุงเครื่องยนต์แบบที2  ที่กองทัพอากาศยืนยันต้องปรับปรุงภายในปีนี้ มีการจัดดหาชิ้นส่วนระบบสละอากาศยนต์ฉุกเฉินคือ เก้าอี้ดีดตัว ที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน 

นายธเนศ กล่าวต่อว่า ส่วนการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกต 1 ลำ วงเงิน 17,000ล้านบาทนั้น เนื่องจากกองทัพเรือไม่มีทีโออาร์ชัดเจนว่าจะจัดซื้อจากประเทศใด เกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือนเรือดำน้ำ จึงให้ตัดงบประมาณจัดซื้อเฉพาะในส่วนของปี2567 ยืนยันว่า กมธ.ยังเห็นถึงความจำเป็นการมีเรือฟริเกต แต่ให้ไปจัดซื้อในปีถัดไป ยืนยันว่า การปรับลดงบประมาณจะไม่กระเทือนถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานในการป้องกันประเทศ  

หลังจากอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบมาตรา 8 ตามที่กมธ.เสนอมา