“เทพไท”จวก“หางเริ่มโผล่”ชี้“ระบอบทักษิณ”กำลังกลับมาเต็มระบบ สะท้อน7 สัญญาณ คืนฟอร์ม“ระบอบทักษิณ”คืนชีพ คึกพาวเวอร์ฟูล คุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ “วรงค์” จวกทักษิณนับวันจะยิ่งเลอะ ตัวเองพูดไปเรื่อย แล้วไปโทษคนอื่น “จตุพร” ซัดคนสองบุคลิก เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่มีจุดยืน ชื่นชมพวกยึดอำนาจเมื่อได้ประโยชน์ ซ้ำอ้างเป็น นักปชต.เมื่อเสียหายโดนคดี112 แต่แก้ตัวถูกยัดข้อหา ตราหน้าเผด็จการเป็นผลไม้พิษ ถาม 18 มิถุนายน กล้ามาตามนัดอัยการจริงหรือ ดักทางจะอ้างป่วยอะไรอีกหรือไม่
เมื่อวันที่ 9มิถุนายน2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท-คุยการเมือง” ระบุเนื้อหาว่า ทักษิณ เริ่มหางโผล่ อีกแล้ว ผมติดตามคุณทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษาณ์กับสื่อมวลชน ในงานบวชที่ จ.ปทุมธานี ในประเด็นการเมือง นับว่าเป็นสัญญาณของระบอบทักษิณที่ส่งถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้อย่างชัดเจน คือ 1.ระบอบทักษิณกำลังคืนชีพ ได้กุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ คุณทักษิณกำลังคืนฟอร์มเป็นทักษิณคนเดิม ได้เปรียบทางการเมืองเมื่อไหร่ รุกไล่ฝ่ายตรงข้ามทันที พูดจาแบบไม่แคร์ใครทั้งนั้น 2.คุณทักษิณทำตัวเป็นบุคคลที่อยู่เหนือกฎหมายไม่มีใครทำอะไรได้ บอกว่าป่วยไม่ไปฟังคำสั่งของอัยการสูงสุดก็ได้ หายป่วยขึ้นมาไปสปานวดหน้าก็ไป หรือจะไปร่วมงานบวชก็ได้ โดยไม่ต้องเกรงใจใคร หรือเก็บเนื้อเก็บตัวแบบคนที่อยู่ระหว่างการพักโทษ 3.การให้สัมภาษณ์ในลักษณะแบบยืงหมัดตรง ไม่ไว้หน้ากลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่เคยทำรัฐประหารเลย กล่าวหาว่าได้ยัดเยียดความผิดข้อหา ม. 112 ให้
4.คุณทักษิณกล่าวพาดพิงดูถูกผู้ใหญ่ในบ้านป่ารอยต่อ บอกว่าออกมาวุ่นวาย เหมือนกับไม่เห็นความสำคัญ และไม่ให้ราคาคนกลุ่มนี้เลย 5.คุณทักษิณพยามชี้ให้สังคมเห็นว่า กลุ่มอำนาจเก่ายังใช้กลไกของ ส.ว. เล่นงานรัฐบาลชุดนี้ และพยายามพาดพิงถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่ได้เกรงใจพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ 6.คุณทักษิณตัดสินปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉยว่า ไม่มีดีลการเมืองกับใคร ทั้งที่การกลับมาประเทศไทย และไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ก็เป็นผลมาจากการดีลลับทั้งสิ้น แต่กลับปฏิเสธแบบหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกเกรงใจคนที่ดีลด้วยกันเลย 7.ทักษิณไม่เคยยอมรับว่า ตัวเองได้กระทำความผิดอะไรไว้บ้าง กล่าวอ้างว่าเกิดจากผลไม้พิษของรัฐประหาร ถูกกลั่นแกล้งบ้าง ถูกยัดข้อหาให้ทุกอย่างบ้าง ทั้งที่ความจริงที่เกิดขึ้น เป็นที่รับรู้ของสังคมว่า คุณทักษิณได้ทำอะไรไว้กับชาติบ้านเมืองจนต้องติดคุกบ้าง การแสดงออกของคุณทักษิณ เป็นปรากฎการณ์ที่สื่อให้เห็นว่า คุณทักษิณมั่นใจในอำนาจทางการเมืองของตัวเอง เหมือนกับได้ยาดี หรือได้รับสัญญานอะไรบางอย่างหรือไม่ ดูเหมือนมั่นใจว่าสามารถควบคุมอำนาจรัฐได้เบ็ดเสร็จ รอดพ้นทุกคดี กำลังท๊อปฟอร์ม หรือพาวเวอร์ฟูล เหมือนกับยุคระบอบทักษิณในอดีตอีกครั้ง
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ทักษิณนับวันจะยิ่งเลอะ ผมเข้าใจว่า นักโทษอย่างนายทักษิณ นับวันจะยิ่งเลอะไปใหญ่ ไปพูดบนเวทีงานบวชว่า ที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศ17ปี เพราะถูกยัดข้อหา แต่พระบรมราชโองการที่ออกมา ตนเองยอมรับผิด สำนึกผิด คดีความผิดตามมาตรา112 ก็ไปอ้างผลไม้พิษจากการรัฐประหาร ทั้งๆที่ตนเองเป็นผู้ไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกาหลี ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงเอง เท่ากับว่าคุณกำลังกล่าวหาเบื้องสูง แต่ที่ย้อนแย้งมาก ก็คือการที่บอกจะทำประโยชน์ ตอบแทนประชาชน และยังกล้าที่บอกว่า จะตอบแทนพระเจ้าอยู่หัว ทั้งๆที่สิ่งที่ตนเองทำนั้น ทำตัวเหนือกฏหมาย สร้างความวุ่นวายให้ประเทศ ไม่รู้จะเรียกคนแบบนี้ คนที่พูดไปเรื่อย พูดแบบไม่รับผิดชอบว่าอะไรดี
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีขบวนการวิ่งเต้น ผ่านอดีตประธานศาลฎีกาสองคน และอดีตอัยการสูงสุด1คน เพื่อให้เขาได้ประกันตัวในชั้นศาล ในความผิดตามมาตรา112 ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ลองคิดดูละกันว่า คนที่เคยหนีประกันมาแล้ว สมควรยังได้ประกันตัวอีกหรือไม่ ดูซิว่าพลังถุงขนม ที่ใช้วิ่งเต้นจะทำงานได้หรือไม่ แต่โดยส่วนตัวผม ยังเชื่อมั่นในระบบของตุลาการ ถ้าให้ประกันตัว นักโทษที่เคยหนีประกัน อธิบายสังคมยากครับ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า สำนึกทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร พลิกเปลี่ยนไปมา หาจุดยืนมั่นคงไม่ได้ ถ้าได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชมว่าดี หากเสียประโยชน์กลับอ้างตัวตนเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น จึงเป็นคนสองบุคลิกกลับกลอกไปมาและทำประชาชนมึนงง เอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยกรณีนักโทษทักษิณ บอกคดี ม.112 เป็นการถูกยัดข้อหามาจากพวกผลไม้พิษยึดอำนาจและข่มขู่พนักงานสอบสวน ซึ่งนายจตุพร กล่าวว่า เมื่อวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลควรตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนคนใด ถูกใครข่มขู่ และต้องดำเนินคดีกับผู้มาข่มขู่ให้ยัดข้อหาหมิ่น ม.112 ด้วย “ถ้าทักษิณ เป็นนักประชาธิไตย และรังเกียจต้นไม้พิษและผลไม้พิษแล้ว มายอมรับเสียง สว. 152 เสียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่ยึดอำนาจทำไม อีกอย่างการถวายฎีกาในหลวงยังยอมรับกระทำความผิดจริงทำไม บอกสำนึกผิดเพียงต้องการได้พระราชทางอภัยลดโทษเท่านั้นเหรอ ดังนั้น เมื่อเป็นนักต่อสู้จะไปยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ผิดต้องหัวเด็ดตีนขาดเดินเข้าคุก คนก็ให้ความยกย่อง
อีกทั้งกล่าวว่า นักโทษทักษิณเมื่อได้ประโยชน์ก็ยอมกินผลไม้พิษ แต่เมื่อตัวเองเสียหายกลับร้องบอกเป็นผลไม้พิษ ดังนั้นการพูดเอาแต่ประโยชน์เป็นตอนๆ ไป ไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ดังนั้น การเป็นนักประชาธิปไตยของทักษิณ ได้จบสิ้นลงแล้วตั้งแต่ 22 ส.ค. 66 วันที่กลับบ้านและพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลกับฝ่ายยึดอำนาจ สิ่งสำคัญ ทักษิณ ยังพูดถึงคนบ้านป่าทำวุ่นวายให้เสียหาย ทั้งที่นักข่าวถามว่า ใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ก็ไม่ตอบ อย่างไรก็ตาม ถ้าคนบ้านป่าทำให้เสียหาย ทำไมไม่ปลดพรรคของคนบ้านป่าออกจากรัฐบาล สิ่งนี้แสดงถึงเป็นคนสองบุคลิก เอาแต่ด้านดีเมื่อได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชม แล้วมาพลิกเปลี่ยน โดยอ้างตัวเป็นนักประชาธิปไตย ว่ากล่าวให้เสียหายเมื่อตัวเองไม่ได้ประโยชน์
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า นายทักษิณ ไปงานบวชที่ปทุมธานีในช่วงมีการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.นั้น คงไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะคนรับรู้ถึงการเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอมมาตั้งแต่ 22 ส.ส. 66 ที่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ไปตั้งรัฐบาลกับฝ่ายยึดอำนาจเมื่อปี 57 ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีครั้งนี้ไม่แตกต่างจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่เมื่อปลายปี 2563 เพราะทักษิณหักนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งเป็นคนตัวเองอย่างไม่ใยดี พร้อมยัดข้อหาย้ายขั้วเปลี่ยนข้างไปถ่ายรูปกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกใช้กำลังยึดอำนาจ
แต่วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส เข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แล้วยังนั่งคู่กับทักษิณ ที่เชียงใหม่อีกด้วย ดังนั้น บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี จึงมีสภาพไม่แตกต่างจากนายบุญเลิศ ถูกยัดข้อกล่าวหาย้ายข้างเปลี่ยนขั้วมาแล้ว “เวลายัดเยียดตั้งข้อกล่าวหาเขา แค่ประสงค์จะเอาชนะนายบุญเลิศ จึงเขียนจดหมายยัดข้อหาสารพัด มาครั้งนี้บิ๊กแจ๊สก็เหมือนกัน เคยลงนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อสิ้นประโยชน์ก็มองว่าเป็นปัญหา แล้วไปเอาคู่แข่งบิ๊กแจ๊สที่เคยถูกพรรคเพื่อไทยด่าเสียหายมาแล้ว เหมือนที่พรรคยกโขยงไปด่านายบุญเลิศ ช่วงเลือกตั้งที่เชียงใหม่ แต่วันนี้คนละเรื่องกัน คู่แข่งบิ๊กแจ๊สที่เคยถูกด่าเละเทะกลายเป็นคนดี จนประชาชนมึนงง”
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายทักษิณ จะไปพบอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาลคดี ม. 112 ถ้ามาจริงต้องลุ้นจะได้ประกันตัวหรือไม่ แต่การพูดเช่นนี้ของทักษิณเคยพลิกเปลี่ยนมาแล้วเมื่อครั้งไปนครราชสีมาว่า จะไปพบอัยการเมื่อ 29 พ.ค. แต่กลับคำอ้างป่วยโควิด ไม่ได้ไปตามนัด ดังนั้น คำพูดจะไปพบอัยการวันที่ 18 มิ.ย.จึงเป็นการพูดทางการเมืองต่อหน้าประชาชนจำนวนมากมารอรับเท่านั้น ต้องวัดใจกันว่า จะไปจริงหรือไม่ และถ้าจริงแล้วจะได้ประกันหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี