"กมธ.ศึกษาฯนิรโทษกรรม"ไฟเขียวตั้ง"คณะกรรมการกลั่นกรองคดี" ช่วยเคลียร์ระยะเวลายาวนานเกือบ 20 ปี-สถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่าอดีต ยันรับฟังทุกความเห็น แต่หน้าที่สำคัญคือให้คำตอบเป็นแนวทางต่อสภาฯไปออกเป็นกฎหมาย

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่รัฐสภา นายวุฒิสาร ตันไชย รองประธานกรรมมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม กมธ.ฯ ว่า วันนี้ที่ประชุมได้รับทราบและเห็นชอบ 7 ประเด็น ที่คณะอนุกรรมาธิการศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสนอมา ซึ่ง กมธ.ฯ เคารพความเห็นของอนุ กมธ.ฯ และนำเอามาเป็นสารตั้งต้นในการพิจารณา แต่ไม่ได้แปลว่าจะเห็นด้วยกับทั้งหมดทุกเรื่อง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ข้อยุติว่า การนิรโทษกรรมคราวนี้จำเป็นต้องมีกลไกของคณะกรรมการกลั่นกรอง เนื่องจากขอบเขตระยะเวลาในการนิรโทษกรรมค่อนข้างยาว ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ดังนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการกระทำของบุคคลที่มีแรงจูงใจทางการเมืองและเข้าข่ายการได้รับนิรโทษกรรมก็มีความหลากหลาย อีกทั้งในอดีตฐานความผิดที่จะนิรโทษกรรมก็เพิ่มมากขึ้น เพราะเหตุการณ์ต่างๆ มีความซับซ้อนมากกว่าในอดีต ผู้ที่เข้าข่ายก็อาจมีหลายความผิดและหลายคดี ซึ่งมีฐานมาจากกฎหมายหลายประเภทและในช่วงโควิด-19 ก็มีกฎหมายพิเศษเข้ามาอีก

นายวุฒิสาร กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้การที่จะนิรโทษกรรมไปเลยโดยไม่มีการกลั่นกรอง อาจจะทำให้ความยุติธรรมไม่สมบูรณ์ จึงมีคณะกรรมการเข้ามาทำหน้าที่ช่วยพิจารณาข้อเท็จจริง และรับคำอุทธรณ์ของผู้ที่ไม่ได้เข้าข่ายรับการนิรโทษกรรมด้วย ส่วนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว ที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณา คิดว่าเรื่ององค์ประกอบน่าจะตามมาภายหลัง ซึ่งบทบาทของคณะกรรมการชัดเจนแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าร่างกฎหมายจะเห็นด้วยตามนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับภาคประชาชน ที่มีการเปิดรับฟังความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐสภา โดยเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย นายวุฒิสาร กล่าวว่า ประเด็นต่างๆ ที่สื่อมวลชนได้นำเสนอ รวมถึงข้อคิดเห็นที่มีผู้ส่งเข้ามา ทาง กมธ.ฯ รับฟังทั้งหมด แต่หน้าที่สำคัญคือการให้คำตอบกับสภาฯ ในการศึกษาแนวทางการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

- 006