วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
'พิชัย'ชี้ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น แต่เศรษฐกิจยังต้องเร่งแก้ไข

'พิชัย'ชี้ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น แต่เศรษฐกิจยังต้องเร่งแก้ไข

วันจันทร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 09.59 น.
Tag : เงินเฟ้อ ธปท. แนวหน้าออนไลน์ แบงก์ชาติ เศรษฐกิจไทย
  •  

'พิชัย'ชี้ความสามารถแข่งขันของไทยดีขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังต้องเร่งแก้ไข และควรขยายกรอบเงินเฟ้อ จี้'แบงก์ชาติ'ดำเนินการ 4 เรื่อง ลดช่วงห่างเงินกู้-เงินฝาก

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2567 นายพิขัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ การพาณิชย์ การเงินการคลัง พลังงาน การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า สถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันไทยอยู่ในอันดับที่ 25 ซึ่งขึ้นมา 5 อันดับ จากอันดับที่ 30 และเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ สาเหตุหลักจากปัจจัยการค้าระหว่างประเทศ ที่ไทยมีอันดับดีขึ้นจากปีก่อนถึง 23 อันดับ จากอันดับ 29 ในปี 2566 มาอยู่ที่อันดับ 6 แสดงถึงการยอมรับของประเทศไทยในนานาชาติดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน เดินทางไปพบผู้นำและนักลงทุนของประเทศต่าง ๆ 


อย่างไรก็ตาม แม้ความสามารถแข่งขันของประเทศไทยจจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยยังย่ำแย่ และยังมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ต่อไปอีก ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไข ทั้งนี้เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจที่สะสมกันมาเป็นระยะเวลานาน จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำมากมาเป็น 10 ปี ทำให้รายได้ของประชาชนไม่เพิ่มแต่รายจ่ายเพิ่ม เป็นผลทำให้หนี้สินพุ่งสูง ดังนั้นการจะแก้ไขโดยเร็วในระยะเวลาสั้นๆ คงเป็นไปไม่ได้ โดยหนี้ครัวเรือนก็พุ่งเกิน 90% ของจีดีพีแล้วตั้งแต่รัฐบาลเข้ามา ปัจจุบันอยูุ่ที่ 91.3% และ หนี้สาธารณะเดิมก็สูงกว่า 61%แล้ว และ ปัจจุบันสูงถึง 63.78% อีกทั้งปัญหาหนี้เสียในระบบจะมีเพิ่มขึ้นอีกมาก ตามที่เคยเตือนตั้งแต่หลายปีแล้วว่าปัญหาหนี้สินจะเป็นระเบิดเวลาของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาหนี้สินจึงเป็นเรื่องหลัก และ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ทั้งนี้ ตามที่ ผู้ว่าฯ ธปท. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศมีหลายประเด็นที่น่าจะเข้าใจไม่ตรงกัน และ ท่านผู้ว่าฯ น่าจะไปศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน เช่น การขยายกรอบเงินเฟ้อซึ่งผู้ว่าฯ ธปท. เห็นว่าดีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลอยากจะขยายกรอบเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ทั้งนี้เพราะปีที่แล้วเงินเฟ้อไทยต่ำลงมากตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เหลือเพียง 0.53% จากเดือนมกราคม 2566 ที่มีเงินเฟ้อสูงถึง 5.02 % และต่ำมาตลอดหลังจากนั้นคือ มิ.ย. 2566 ที่ 0.23% ก.ค. 2566 ที่ 0.35% ส.ค. 2566 ที่ 0.88% และ ก.ย. 2566 ที่ 0.30%  จนเงินเฟ้อมาติดลบในเดือนตุลาคม 2566 ที่ - 0.31% และ ติดลบต่อไปจนทั้งหมด 6 เดือน คือ พ.ย. 2566 - 0.44% ธ.ค.2566 ที่ -0.83% ข้ามปีมายังติดลบ ม.ค. 2567 ที่ -1.11% ก.พ. 2567 ที่ - 0.77% มี.ค. - 0.47%

ดังนั้นที่เงินเฟ้อมาบวกในเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ 1.54% ก็เพราะ ปีที่แล้วต่ำมากนั่นเอง และเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะบวกไปถึงสิ้นปีถึงต้นปี 2568 เพราะมาจากเงินเฟ้อตั้งแต่กลางปีที่แล้วต่ำถึงติดลบนั่นเอง ดังนั้นกรอบการขยายตัวเงินเฟ้อจึงควรสูงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งอย่านำกรอบเงินเฟ้อของประเทศที่พัฒนาแล้วมาใช้กับประเทศกำลังพัฒนาแบบไทย เพราะเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งที่ผ่านมากว่า 10 ปี เงินเฟ้อของไทยยังน้อยกว่าเงินเฟ้อของสหรัฐมาก นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ และประเทศในอาเซียนที่ขยายตัวสูงก็มีเงินเฟ้อที่สูงกว่าไทยมาก 

อยากให้เข้าใจง่ายๆ ว่า เงินเฟ้อต่ำ แปลว่า ถ้าต้นทุนสินค้าต้องเพิ่มขึ้นทุกปีตามราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามวัฏจักรของโลก ทั้งวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าพลังงาน ค่าขนส่ง ฯลฯ  แต่ราคาสินค้าขึ้นราคาไม่ได้ ธุรกิจต่างๆ ก็จะต้องขาดทุน และปิดกิจการ ดังจะเห็นได้จากโรงงานจำนวนมากที่ต้องปิดกิจการกันตอนนี้ ดังนั้นการมีกรอบเงินเฟ้อที่จะขยายกว้างจะทำให้เศรษฐกิจไหลเวียนมากขึ้น โดยตามหลักเศรษฐศาสตร์สภาวะเศรษฐกิจที่มีเงินเฟ้ออ่อนๆ (Mild Inflation) จะเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ดีที่สุด แต่ระดับเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้ว และในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยจะมีลักษณะที่ต่างกัน 

นายพิชัย กล่าวว่า นี่เป็นแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติยังไม่ได้ตอบ และยังไม่ได้ดำเนินการใน 4 เรื่อง ดังนี้  1. การลดช่องว่างระหว่างเงินกู้-เงินฝากที่กว้างมากทำไห้ธนาคารพาณิชย์กำไรกันมหาศาลทั้งที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ ที่ ธปท. สามารถแก้ไขได้แต่ ธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน(กนส.) กลับไม่ทำ และทำไมถึงไม่ทำ เพราะขนาด นายกฯ ยังทำให้เห็นแล้วว่าทำได้ โดยเรียกธนาคารพาณิชย์มาเจรจาลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงให้เป็นตัวอย่างแล้ว 

2. ทำไมค่าเงินบาทไทยถึงแข็งค่ามากเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่น ทั้งที่ ธปท. พูดเสมอว่า ค่าเงินบาทไทยจะต้องอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง โดยทั้ง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย มาเลเซีย ที่มีเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูง มีค่าเงินที่อ่อนลงกว่า 30-40% แล้ว แค่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าโดยเปรียบเทียบแบบนี้ ประเทศไทยจะแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้อย่างไร โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียที่เป็นประเทศที่มีรายได้สูงแล้ว ค่าเงินยังอ่อนลงมาก (จากในอดีต 3.8 ริงกิต/ดอลลาร์ เป็น 4.7 ริงกิต/ดอลล่าร์)  เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ทั้ง Microsoft, Google, ByteDance (TikTok) ฯลฯ เข้าไปลงทุนกันมากรายละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช่หรือไม่

3. การเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ธปท. มีแนวทางอย่างไร เห็นแต่ ธปท. มีแต่ดึงสภาพคล่องออกจากระบบ และ ดีใจว่าไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาก แต่สภาพคล่องในประเทศกลับเหือดแห้ง เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมาก ธปท. จะมีแผนงานเพิ่มสภาพคล่องและทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้อย่างไร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จะยากมาก เพราะ ธนาคารพาณิชย์ไม่ยอมปล่อยกู้ ธปท. จะแก้ไขอย่างไร 

4. การแก้ไข หนี้ครัวเรือนที่สูง และหนี้เสียที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ธปท. จะมีแนวทางสนับสนุนรัฐบาลอย่างไร เพราะหนี้เสียจะเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก โดย ธปท. จะต้องไม่ลืมบทเรียนสมัยต้มยำกุ้งที่ ธปท. ทำความเสียหายให้กับประเทศอย่างมากจากการทุ่มเงินสู้ค่าเงินบาทจนนำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศล้มละลาย จนยังมีหนี้ค้างกันอยู่ในหนี้สาธารณะของประเทศจนถึงทุกวันนี้ และปัญหาหนี้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่งในอนาคต ธปท. จะช่วยกันแก้ไขและป้องกัน

“ผู้ว่าฯ ธปท. จะต้องเข้าใจว่า ธปท.ไม่ใช่มีบทบาทแค่กำกับควบคุมอย่างเดียว แต่จะต้องมีบทบาทในการสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาและเศรษฐกิจไทยขยายตัวให้มากขึ้นด้วย เหมือนที่ธนาคารกลางประเทศอื่นทำ แม้แต่ในสหรัฐ ผู้ว่า ธปท. น่าจะทราบดีว่า นโยบายการเงินมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ มากกว่านโนบายการคลังมาก ธปท. จะมาพอใจที่เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2-3% ไม่ได้ เพราะไทยยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น ธปท. ต้องช่วยกันคิดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้อย่างไร ถ้าจะตำหนิ หรือ บอกว่าไม่เห็นด้วยว่า ไม่ทำเรื่องโน้น ไม่ทำเรื่องนี้ ธปท. ก็ควรจะต้องเสนอด้วยว่า ธปท. จะช่วยทำเรื่องใด อย่างไรบ้าง มีแนวทางอะไรบ้างที่จะสนับสนุนได้ จะเพิ่มสภาพคล่องอย่างไร จะช่วยแก้ไขหนี้ลดหนี้อย่างไร ไม่ใช่เพียงแต่พูดขัดขวางอย่างเดียว แต่ไม่มีข้อเสนอในแนวทางสร้างสรรค์เลย ประเทศที่จะพัฒนาได้ ธนาคารกลางจะต้องสนับสนุนนโยบายการเงินในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วไป”  นายพิขัย กล่าว และว่า 

ผู้ว่าฯ ธปท. จะต้องพิจารณาว่าที่ผ่านมาผลงานของ ธปท. ที่สนับสนุนเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เหตุใดตั้งแต่ เป็นผู้ว่าฯ ธปท. มาตั้งแต่ปี 2563 แต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเลย (เพิ่งจะฟื้นจากช่วงโควิดที่ติดลบ -6.1%) ในขณะที่ประเทศอื่นเขาฟื้นไปไกลขยายเกินไป 15-20% กันแล้ว 

ทั้งนี้ หากรวบรวมเก็บข้อมูล BigData ของ ธปท. เทียบกับ ธนาคารกลางของเหล่าประเทศคู่แข่งของไทย และ ตรวจสอบด้วย Ai ก็จะสามารถพิสูจน์ได้ว่า ธปท. มีประสิทธิภาพขนาดไหนเมื่อเทียบกับ ธนาคารกลางของประเทศคู่แข่ง ซึ่งจะได้คำตอบว่าทำไมเศรษฐกิจไทยถึงได้ย่ำแย่กว่าประเทศคู่แข่งมาก 
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เจอหลักฐานใหม่!! \'อ.ปริญญา\'ชี้\'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต\'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง เจอหลักฐานใหม่!! 'อ.ปริญญา'ชี้'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง
  • \'ทวี\'ปธ.พิธีมอบเกียรติบัตร-เข็มวิทยฐานะการบริหารงานยุติธรรม หนุนการพัฒนาบุคลากร 'ทวี'ปธ.พิธีมอบเกียรติบัตร-เข็มวิทยฐานะการบริหารงานยุติธรรม หนุนการพัฒนาบุคลากร
  • ‘วิสุทธิ์’เผยสัปดาห์หน้าเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทน‘พิเชษฐ์’ ย้ำโควตา‘พท.’ ‘วิสุทธิ์’เผยสัปดาห์หน้าเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทน‘พิเชษฐ์’ ย้ำโควตา‘พท.’
  • \'สุรเดช\'ลั่นไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่ผลประโยชน์ทับซ้อน ชี้รบ.อ่อนแอ ไม่ตอบโต้ ก็เท่ากับยอมรับ 'สุรเดช'ลั่นไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่ผลประโยชน์ทับซ้อน ชี้รบ.อ่อนแอ ไม่ตอบโต้ ก็เท่ากับยอมรับ
  • \'กมธ.ปปง.\'เดินหน้าติดตามคดีฟอกเงินโยงพนันออนไลน์ \'เลิศศักดิ์\'ย้ำต้องโปร่งใส-เป็นธรรม 'กมธ.ปปง.'เดินหน้าติดตามคดีฟอกเงินโยงพนันออนไลน์ 'เลิศศักดิ์'ย้ำต้องโปร่งใส-เป็นธรรม
  • \'บิ๊กป้อม\'นำอดีตผู้นำทหาร ลงพื้นที่ชายแดน ชี้ปัญหาความอ่อนแอรบ.ทำ\'กัมพูชา\'กล้าเหิม 'บิ๊กป้อม'นำอดีตผู้นำทหาร ลงพื้นที่ชายแดน ชี้ปัญหาความอ่อนแอรบ.ทำ'กัมพูชา'กล้าเหิม
  •  

Breaking News

ปชน.แจงภาพ'เท้ง'ประณาม รพ. เป็นข่าวปลอม ย้ำจุดยืนยึดหลักกฎหมาย-มนุษยธรรม

’เสรีพิศุทธ์‘ กระซวกไส้ มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ซัด‘ทักษิณ’บริหารงูๆ ปลาๆ

(คลิป) ครั้งแรกในชีวิต! หมดความอดทน 'ตระกูลชิน' ขายชาติ!

ธ.ก.ส.ยืนเคียงข้างครอบครัวทหารกล้า ร่วมพิธี-ยกหนี้เพื่อตอบแทนคุณความดี 'จ่าสิบเอกอภิรมย์ ทรงพุฒิ'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved