วิปรัฐบาลเล็งถก

เพิ่มวันประชุมสภา

พร้อมสู้ศึกซักฟอก

ไม่ต้องตั้งองครักษ์

“เศรษฐา”ไม่เสียกำลังใจ แม้ทำงานหนัก แต่ยังมีคดีตามมาปธ.วิปรบ.โอดฝ่ายค้านไม่เคยมาคุยยันไม่ขัดข้องเพิ่มวันประชุมสภาแต่อย่าด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย ย้ำสส.ต้องลงพื้นที่ฟังปัญหาประชาชน‘วรชัย’โต้‘หมอมิ้ง’เป็นคนน้ำเต็มแก้วหรือ ถามกลับไม่ใกล้ชิดนายกฯแล้วเข้าใกล้ได้มากนักหรือ แจงแค่พูดสะท้อนปัญหา เหตุอยู่ใกล้ชิดปชช.จี้รัฐบาลแก้ปัญหาโครงสร้าง จวกเพราะเลือดเนื้อและชีวิตนักปชต.ทำวันนี้‘พรหมินทร์’ได้อยู่ในทำเนียบ‘เผ่าภูมิ’โค้’นิดาโพล’ขวางหวยเกษียณ

เมื่อวันที่ 8กรกฎาคม2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง การที่นายกรัฐมนตรียังเดินหน้าทำงานอย่างหนัก แต่กลับมีคดีตามมาเป็นหางว่าว จะทำอย่างไรว่า ตนเองก็ยังตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ถ้ามีความไม่สบายใจ มีความข้องใจ เรามีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง ตนเองก็ยอมรับในกระบวนการที่เราก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง ไม่ได้เสียกำลังใจอะไร ก็ทำงานต่อไป

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวกรณีฝ่ายค้านขอเพิ่มวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เบื้องต้นไม่ได้มีการพูดคุยกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีแต่ฝ่ายค้านหารือแต่ในที่ประชุม ดังนั้นต้องปรึกษาต้องพูดจากัน โดยเฉพาะวิปแต่ละฝ่าย ว่าวาระที่จะขอบรรจุเป็นเรื่องอะไร และย้ำว่าไม่ควรออกข่าวด้อยค่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มวันประชุม เพราะต่างคนต่างความคิด ไม่มีใครเห็นด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นต้องหารือและหาความร่วมมือกันในสภาฯ ซึ่งนอกจากความพร้อมของสมาชิกแล้ว การลงพื้นที่ของสส.นั้น จะบอกว่าไม่มีประโยชน์ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการรับฟังปัญหาของประชาชน นำมาหารือในสภา เพื่อให้ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะสส.ไม่สามารถติดต่อหน่วยงานได้โดยตรง เนื่องจากจะมีความผิดในมาตรา 144 ที่ถือเป็นการแทรกแซง ส่วนจะนำไปสู่การแก้ไขได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น เป็นผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องรับฟังปัญหา ไม่ใช่ลอยอยู่บนฟ้าหายใจเอาแอร์ไปวันๆ ไม่ได้ขัดข้องเรื่องการขยายวันประชุม หากมีความจำเป็น เช่นเดียวกับสภาชุดที่ผ่านมาที่จะเพิ่มวันประชุมในวันศุกร์ ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย ต้องฟังเสียงผู้ไม่เห็นด้วยกับการด้อยค่า เพราะรับไม่ได้เหมือนกัน

นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้าน ขณะที่รัฐบาลมีหน้าที่ในการชี้แจง ซึ่งไม่จำเป็นต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์ เพราะเชื่อว่ารัฐมนตรีมีข้อมูลชี้แจงต่อฝ่ายค้านอยู่แล้ว แต่ขอให้อยู่ในกรอบ และไม่ควรด้อยค่ากัน เพราะประชาชนไม่ชอบ

ด้าน นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยแจงปมการลงพื้นที่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และระบุว่านายวรชัยไม่มีความใกล้ชิดกับการทำงานของนายกรัฐมนตรี ว่า นพ.พรหมินทร์ไม่ได้รับฟังที่ตนพูดเลย ซึ่ง นพ.พรหมินทร์เป็นคนที่น้ำเต็มแก้วแล้วใช่หรือไม่ แต่ที่ตนสะท้อนปัญหาไปนั้นก็คือปัญหาของประชาชนในสภาพความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ประชาชนเขาเดือดร้อนจากสภาพเศรษฐกิจปากท้อง รถและบ้านถูกยึด แม่ค้าขายของไม่ออก

“ที่ นพ.พรหมินทร์พูดเมื่อเช้าที่ผ่านมา เป็นการพูดแค่สะท้อนปัญหาเล็กๆ ไม่ได้พูดถึงปัญหาใหญ่ที่จะต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ เราก็รู้อยู่ว่าสาเหตุและปัญหาใหญ่ของประเทศอยู่ที่ไหน ที่สภาพเงินฝืดทุกวันนี้เพราะอะไร ก็เพราะประเทศไทยมีค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป และ นพ.พรหมินทร์รู้หรือไม่ว่าดอกเบี้ยธนาคารวันนี้ก็สูงเกินไป นักลงทุนใช้เงินที่ดอกเบี้ยสูง ธนาคารให้กู้เงินยาก ฉะนั้น วันนี้รัฐบาลต้องลงมาดูเรื่องดอกเบี้ย เรื่องแบงก์ชาติด้วย รวมถึงเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันที่ราคาสูง รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร รัฐบาลต้องแก้ปัญหาที่โครงสร้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เลยเถิดเช่นนี้ แล้วปล่อยให้ประเทศไทยย่ำแย่ไปกว่านี้” นายวรชัยกล่าว

นายวรชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นพ.พรหมินทร์ควรลงมาดู ไม่ใช่มาพูดแบบปฏิเสธว่าตนไม่ใกล้ชิด ตนใกล้ชิดปัญหาของชาวบ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนทุกวัน เพราะตนเป็นแกนนำมวลชนคนหนึ่งที่เกาะติดอยู่กับพี่น้องประชาชน ตนติดคุกมาแล้วและสู้มา ซึ่งตนไม่เคยเปลี่ยนแปลงความคิด มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยต้องการให้ประเทศเดินหน้า แล้ว นพ.พรหมินทร์ลงมาดูบ้างหรือไม่ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญไปถึงไหนแล้ว เรื่องนิรโทษกรรมเป็นอย่างไร นพ.พรหมินทร์เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีต้องออกมาพูดบ้าง ไม่ใช่ออกมาโต้ว่าคนนั้นคนนี้ แล้วไม่รับฟังความเห็น กลายเป็นคนที่น้ำเต็มแก้วเช่นนี้ได้อย่างไร

เมื่อถามว่า ยังยืนยันข้อเสนอแนะที่ให้นายเศรษฐาควรลงพื้นที่ให้น้อยลง และเข้าไปทำงานในทำเนียบให้มากขึ้นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายวรชัยกล่าวว่า การแก้ปัญหาของประเทศ ข้าราชการต้องเป็นคนขับเคลื่อนนโยบายและกลไกของรัฐ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด และตนยังยืนยันคำนี้ ซึ่งไม่อยากออกมาพูดแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่ นพ.พรหมินทร์ออกมาพูดเช่นนี้ก็ต้องพูดโต้กลับไปบ้าง

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาตอบกระทู้ในสภาบ้างนั้น นายวรชัยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ไม่ไปก้าวก่ายและพูดแทนนายกรัฐมนตรี แต่ที่พูดแทนประชาชนเพราะที่ นพ.พรหมินทร์บอกว่าตนไม่ใกล้ชิดประชาชนนั้น ยืนยันว่าตนใกล้ชิดประชาชน แล้ว นพ.พรหมินทร์ใกล้ชิดประชาชนแค่ไหน เมื่อถามว่า ที่ นพ.พรหมินทร์พูดหมายถึงนายวรชัยไม่ใกล้ชิดกับการทำงานของรัฐบาล นายวรชัยกล่าวว่า นายกฯเข้าใกล้ได้มากนักหรือ ใกล้ชิดง่ายนักหรือ ไปคุยปัญหาได้มากนักหรือ มีเวลาให้พวกเราได้ใกล้ชิดหรือไม่ เราก็ต้องสะท้อนปัญหาไปทางสื่อจะได้เข้าถึงและรู้

“ผมไม่ได้คิดที่จะไปก้าวก่ายงานของนายกฯ แต่ที่พูดเพราะเป็นเรื่องของประชาชน ผมเป็นนักประชาธิปไตยที่อยู่กับชาวบ้าน เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนก็ต้องออกมาพูด ผมติดคุก โดนคดีมาแล้ว ผมไม่ต้องการทำลายรัฐบาลแต่ต้องการให้รัฐบาลอยู่รอด ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของพี่น้องประชาชนนักประชาธิปไตยที่เขาสู้มา ทำให้ นพ.พรหมินทร์ได้อยู่ทำเนียบในวันนี้” นายวรชัย กล่าว

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นิด้าโพล ออกมาระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายหวยเกษียณว่า ต้องไปดูหัวข้อโพลสำรวจว่า “จะออมเงินต้องซื้อหวยเกษียณ” ซึ่งตนมองว่าสร้างความคลาดเคลื่อน เกิดทัศนคติในเชิงลบ การตั้งหัวข้อมีความสำคัญต่อการตอบโพลของประชาชน และมีกลุ่มเป้าหมาย 1,200คน ที่มาตัดสินนโยบายที่จะสร้างผลกระทบต่อประชาชน 20 ล้านคน ดังนั้น ต้องมีการพิจารณา ส่วนเรื่องผลโพล รัฐบาลมีหน้าที่รับฟัง แต่ยืนยันว่าไม่มีผลต่อภาพรวมของการดำเนินโครงการ เพราะรัฐบาลไม่ได้บริหารประเทศผ่านโพล แต่บริหารผ่านหลักการ ความถูกต้อง และผลประโยชน์ของประชาชน โพลมีหน้าที่ช่วยขัดเกลาเงื่อนไขให้ดีขึ้น แต่ยํ้าว่า ไม่มีผลกระทบต่อหลักการ และการดำเนินการของโครงการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเดินหน้าต่อโครงการนี้เมื่อไหร่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เรื่องจ่ออยู่ที่ ครม.รอบรรจุเข้าวาระ ปัจจุบันความเห็นยังไม่ครบ ต้องรอความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ เป็นกระบวนการปกติที่ต้องรับฟัง เพราะเกี่ยวกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะเข้าภายในพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) แต่ไม่ทัน จึงขอเป็นสัปดาห์หน้า และหลังจากที่ ครม.อนุมัติหลักการ ก็จะมีมติสั่งให้กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) แก้กฎหมาย พ.ร.บ.กอช.ต่อไป