‘เพื่อไทย’รุมอวยป้องนายกฯ‘อิ๊งค์’
เขย่าคดี‘ตากใบ’
สส.ใต้จัดหนักชงญัตติด่วน
สภาไฟเขียวศึกษาล้อมคอก
‘ภูมิธรรม’ลั่นทำเต็มที่แล้ว
สว.หวั่น‘บีอาร์เอ็น’คืนชีพ
“ปชน.-ประชาชาติ” ชง 2 ญัตติด่วน เขย่าคดี “ตากใบ” ก่อนหมดอายุความสส.ใต้ดาหน้ากระทุ้ง รัฐต้องมีความจริงใจ ทวงศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรม ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ“ทวี” ลุกอภิปราย ชี้ไม่เป็นธรรมเพราะไร้เงาผู้ต้องหา ฝ่าย‘เพื่อไทย’เรียงหน้าป้องนายก‘อิ๊งค์’ ชี้20ปีมาแล้ว ยังเป็นเด็กไม่รู้เรื่อง ขออย่าเติมเชื้อไฟ หลังถกเสร็จสิ้น สภารับลูกส่งให้กมธ.กฎหมายหาทางศึกษาล้อมคอกภายใน 90 วัน ด้าน’ภูมิธรรม’ เสียใจบอกเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่แล้ว สว.ห่วงสถานการณ์ไฟใต้ จี้รัฐรับมือป่วน ร้านค้า ปั้มน้ำมัน ชุมชนไทยพุทธ
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร,นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่2 ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม มีมติส่ง 2ญัตติเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหมู่ที่ตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไปยังคณะกรรมาธิการ การกฏหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล พิจารณา โดยกำหนดระยะเวลาการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
‘ปชน.-ประชาชาติ’เสนอญัตติ
ญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าว ประกอบไปด้วย เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผลกระทบกรณีการขาดอายุความคดีตากใบและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐและการแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอโดย นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันพิจารณาหาทางออกกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีสลายการชุมนุมคดีตากใบที่จะขาดอายุความในวันนี้เวลาเที่ยงคืน เสนอโดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้ง 2 ญัตติด่วนดังกล่าว นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติไม่เห็นด้วย ที่จะนำคดีตากใบมาพิจารณาเป็นญัตติด่วนโดยมีสส.พรรคเพื่อไทยยกมือรับรองทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ในฐานะประธานที่ประชุม เปิดโอกาสให้มีการอภิปรายเนื่องจากมีความต่างกัน เพื่อให้มีการแสดงความคิดเห็น
“รอมฎอน”แจงไร้คุณธรรม
โดยนายรอมฎอนอภิปรายถึงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า เหตุการณ์ตากใบมีความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า7,000 คน เป็นปมสำคัญและจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชน ดังนั้นต้องสะสางเรื่องดังกล่าวอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อหาข้อยุติ โดยหาทางออกทางการเมือง พร้อมย้ำว่าขณะนี้กระบวนการยุติธรรมถูกท้าทายและอยู่ในภาวะตีบตัน ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศกำลังปกครอง ด้วยจริยธรรมหรือไม่ และความยุติธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่
นายรอมฎอนกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เริ่มเกิดความรุนแรงและคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตจนกลายเป็นปมใหม่ ต่อกระบวนการสันติภาพ เชื่อว่า ความไว้วางใจ ต่ออำนาจรัฐกำลังถดถอย เพราะไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนจริงหรือไม่ และในสภาเป็นหน้าที่ทางการเมือง ที่ทำเรื่องยากและท้าทาย ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ต้องนำปัญหา ทางการเมืองระหว่างรัฐกับประชาชนที่ไม่ลงรอยกัน โดยมีพื้นที่สภารองรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เช่นเดียวกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรเปิดโอกาส ให้สมาชิกได้อภิปรายหาทางออกปัญหาใหญ่
“เรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมือง แต่ไม่ใช่การเมืองระหว่างพรรคการเมืองแต่เป็นการเมืองระหว่างรัฐกับประชาชน และอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง แทนที่จะใช้เสียงระเบิดเสียงปืนมาผูกขาดความจริง ควรจะใช้เวทีนี้ในการหาทางออก”นายรอมฎอน กล่าว
บอกสถานการน่าเป็นห่วง
ขณะที่ นายกมลศักดิ์ อภิปรายถึงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า สถานการณ์ขณะนี้มีความน่าเป็นห่วง คดีตากใบไม่อยากให้เป็นเรื่องของพรรคประชาชาติเพียงพรรคเดียวแต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่แสดงความเห็นถึงฝ่ายบริหารในฐานะที่เราอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อสะท้อนไปสู่การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ปัญหาชายแดนภาคใต้เราพูดกันมานานแล้วเหตุการณ์ตากใบเป็นเรื่องหนึ่งนำไปสู่เงื่อนไขใหม่ถ้าหากเราปล่อยโดยที่ไม่ได้ดำเนินการหรือทำให้เรื่องนี้ผ่านไปเลยโดยไม่ใส่ใจ คดีตากใบตอนนี้เราได้บทเรียนอะไรบ้าง ตอนนี้มีการเบี่ยงเบนหลายประเด็นที่ว่า ทำไมเพิ่งมาฟ้องตอนนี้ แม้จะได้รับเงินเยียวยาแล้ว แต่คดีอาญายังไม่ระงับ
ต้องเข้าใจกว่าประชาชน จะรวบรวมความกล้าออกมาฟ้องร้องรัฐก็เหลือ เวลาอีกแค่ 1 ปีก่อนคดีจะหมดอายุความ ขออย่ามองพวกเขาเป็นโจร เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เราจึงติดตามและอยากให้ฝ่ายบริหารเอาจริงเอาจังติดตามเอาตัวผู้กระทำความผิดลงโทษให้ได้ใน จำเลย 7 คนกับผู้ต้องหาอีก 7 ราย นี่คือครั้งแรกที่อดีตแม่ทัพ อดีตผู้บัญชาการภาค 9 และผู้บริหารระดับสูงถูกออกหมายจับในกรณีที่ทำให้พี่น้องในพื้นที่เสียชีวิต ดังนั้น อยากให้สภาแห่งนี้สะท้อนให้ผู้ปฏิบัติงานปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่
สส.เพื่อไท ยตามขวางซ้ำ
ด้านนายประยุทธ์ ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า ตนลุกขึ้นมา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เห็นด้วยในทุกประการที่นายรอมฎอนและนายกมลศักดิ์พูดมา ตนเสียใจกับผู้สูญเสีย ไม่ว่าจะมีการเยียวยาหรือไม่ เรื่องนี้ผ่านมา 20 ปี ก็เป็นมรดกความผิด อีก 50 ปีเรื่องนี้ก็ไม่มีวันลืมได้เลย ตนคิดว่าพี่น้องชาวไทยก็มีความคิดอย่างนั้นเช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะเห็นแย้งในการที่จะให้กระบวนการยุติธรรม
นายกฯยังเด็กไม่ต้องรับผิชอบ
“การที่จะเรียกร้องให้ท่านนายกฯ ต้องมารับผิดชอบ ในขณะที่เกิดเหตุ อายุ10กว่าปี นายกฯยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลยบ้านเมืองเรามีกระบวนการยุติธรรม มีขั้นมีตอน มีตำรวจ มีอัยการ มีศาล การที่บุคคลละคนจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมารับผิดชอบ ท่านประธานเป็นนายกฯ หรือผมเป็นนายกฯ ผมก็คิดไม่ออกว่าผมจะทำอย่างไร การแสดงความเสียใจกับการขอโทษมันก็เป็นเรื่องสง่างาม” นายประยุทธ์ กล่าว
นายประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ผ่านมา 20 ปีแล้ว จะมาเป็นญัตติด่วนอะไร อย่างเรื่อง 6 ตุลา 19 ตนโดนขังลืม ตนเอาเรื่องนี้เข้าเป็นญัตติด่วนได้หรือไม่ ตนไม่ขัดข้อง หากวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านตกลงกันได้ ตนก็พร้อมถอน พร้อมขอให้วิป 2 ฝ่าย ไปคุยกันให้เรียบร้อยว่าจะอภิปรายกี่คน
จากนั้นนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่2 ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า เท่าที่เจรจากับพรรคการเมืองส่วนมากเห็นไปนี้จะทางเดียวกัน ทุกคนเป็นห่วงเป็นใหญ่ และเข้าใจดีถึงสถานการณ์ก็ เลยมีการพูดคุยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รับญัตตินี้ แต่จำกัดคน ก่อนที่ทุกฝ่ายจะตกลงกันได้
นายประยุทธ์ จึงลุกขึ้นกล่าวว่าถือเป็นการลบรอยเลื่อนและคราบน้ำตา ขออย่าเติมเชื้อไฟเข้ามาในกองไฟ ตนขอร้องตนขอถอน ก่อนที่จะมีการเปิดให้ สส.อภิปรายต่อไป
“ทวี”ชี้คดีตากใบไม่เป็นธรรม
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ความยุติธรรมแม้จะเป็นนามธรรมสูง แต่หากสังคมใดขาดความยุติธรรม สังคมนั้นจะมีความแตกแยก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมที่จะอยู่ไม่ได้เท่านั้น แต่ผู้มีอำนาจอาจจะอยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ตากใบและเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพลวัตที่ทุกภาคส่วนจะหาทางออก ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความรู้สึกของคนจังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น แต่เป็นความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ที่สำคัญเป็นความรู้สึกของรัฐบาล
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ขอโทษประชาชน และในฐานะที่เป็นรัฐบาล เราไม่เคยพูดว่าจะมีการช่วยเหลือบุคคลที่ถูกออกหมายจับเลย เรามีแต่การพูดว่าจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคงติดตามผู้ต้องหาให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทันเวลาของอายุความที่มีหมายจับ ถือว่าเป็นความไม่เป็นธรรมที่ประชาชนเห็นได้ชัด เรื่องคดีไม่ควรมีอายุความ และเราควรเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพื่อเยียวยาจิตใจของคนที่โหยหาความยุติธรรม.
“อดิศร”โดนป้องอุ้งอิ้ง
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า เรื่องตากใบ ผ่านมา 20ปีแล้ว ผ่านนายกฯมาถึง 9 คน รวมถึง นส.แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีคนปัจุบัน เรื่องนี้เริ่มจากนายทักษิณ ชินวัตร ตั้งคณะกรรมาธิการอิสระ และแสดงความเสียใจขอโทษกับเหตุการณ์ ต่อมา พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ก็แสดงความรับผิดชอบขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนมาถึงสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ
“นายกฯแพทองธาร ท่านเสียใจท่านได้แสดงความรับผิดชอบเยี่ยงผู้นำที่ดี ขอโทษต่อเหตุการณ์นี้ ทั้งที่คุณแพทองธาร ในขณะนั้นอายุ 17-18 ปีเท่านั้นผมจึงให้กำลังใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ คนไม่ชุมนุมไม่ได้รู้หรอก จึงอยากให้สภาแห่งนี้ เมื่ออภิปรายเสร็จแล้ว อยากให้เข้าใจความรู้สึกของพรรคเพื่อไทย ว่ายังมีความเจ็บปวดเหมือนกัน อยากให้ความยุติธรรมก่อเกิดขึ้น” นายอดิศร กล่าว
อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก
นายอดิศร กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการ ตนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่สอบถามเรื่องนี้ในขณะที่เป็นกรรมาธิการ จึงอยากให้สภาฯแห่งนี้รับเรื่องนี้ไปให้กรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่ดูแลเรื่องนี้ หรือกรรมาธิการฯ อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้รับลูก พิจารณาหารายละเอียดไม่ใช่ละเลยเพิกเฉย ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก จึงขอสนับสนุนให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้และขอความแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย
กระทุ้งรัฐต้องมีความจริงใจ
ด้านนายยูนัยดี วาบา สส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า หลังจากได้ฟังจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในวันขนย้ายผู้ต้องหา จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตนได้รับฟังและรับรู้ความรู้สึกจากภรรยาและลูกๆ ผู้เสียชีวิต หลังจากได้ขาดผู้นำครอบครัว นอกจากนี้ตนยังได้มีโอกาสได้ไปร่วมงานศพที่กุโบร์ โดยภาพเหล่านั้นยังคงตราตรึงและฝังอยู่ในความทรงจำของตนและพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้
“เราต้องเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวที่ขาดผู้นำ บางครอบครัวบอกว่าสามีเขาไปซื้อของที่ตลาด ไม่ได้ต้องการไปชุมนุม แต่เห็นคนเยอะ จึงเข้าไป จนเกิดการปิดล้อม และเสียชีวิต เขาไม่ได้เป็นผู้ร้าย แล้วเราจะให้ความยุติธรรมให้กับแก่ครอบครัว ให้แก่ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูลของเขาอย่างไร ที่ประชาชนโดยทั่วไปคิดว่าเขาคือคนร้าย ผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองไปแล้ว” นายยูนัยดี กล่าว
ทวงศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรม
นายยูนัยดี กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ตากใบ และเห็นใจญาติพี่น้องที่สูญเสีย เห็นใจพี่น้องสามจังหวัดที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงตลอด 20 ปี และเห็นว่าการเยียวยาไม่ได้ทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรม แม้จะเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่การนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริง จึงจะเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐ และไม่ต้องการให้กรณีตากใบเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะเป็นห่วงว่าจะเกิดผลกระทบต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพได้
“สำหรับแนวทางแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน โดยเฉพาะในระยะเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนต่อคดีตากใบที่กำลังหมดอายุความในคืนนี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับพี่น้องประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงแสดงความเสียใจต่อกรณีดังกล่าวแล้ว แต่รัฐบาลจะต้องมีแนวทางดำเนินการเพื่อให้พี่น้องประชาชนรู้สึกผ่อนคลาย และรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่รัฐมีต่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเปิดอกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและจะต้องทวงคืนศักดิ์ศรีของกระบวนการยุติธรรมของไทยให้กลับคืนมา” นายยูนัยดีย้ำ
ต้องเอาคนผิดมาลงโทษ
ขณะที่นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ตากใบต้องไม่เงียบ 20 ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์มากมาย มีหลายคนที่เสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ตากใบวันนี้มาจากการเมือง ตนจึงอยากให้จบในการเมืองนี้ ที่ผ่านมาตลอด 20 ปีในเหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต มีผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดี มีผู้สูญหาย และมีผู้ที่ถูกควบคุมตัว ที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐสักคนที่ถูกดำเนินคดี เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
“เหตุการณ์ตากใบเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกกำลังสนใจอยู่ในขณะนี้ ถ้าไม่ผิดแล้วจะหนีทำไม ต้องเอาคนผิดเข้าสู่กระบวนการให้ได้ ถ้าไม่ได้ ท่านจะให้อยู่ไปอีก 20 ปีหรืออย่างไร” นายวัชระ กล่าว
“โรม”ตามถล่มไม่หยุด
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย ตำหนิรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ตราบใดที่เราไม่สามารถสร้างความหวัง และความจริงใจให้ประชาชนสามารถรู้สึกได้ ไฟใต้ก็มีแต่โหมกระพือ และสิ่งที่ท่านได้พูดในเวลาที่ผ่านมา มันได้จุดไฟนั้นอีกครั้ง ขอให้ใช้โอกาสนี้แก้ไขในสิ่งที่ผิด อย่าปล่อยให้ไฟใต้ต้องเป็นแบบนี้อีกต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายย้ำเรื่องที่นายกฯแพรทองธาร ได้ข้อโทษต่อผู้สูญเสีย คือว่า ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อการเริ่มต้นแก้ปัญหา ลดความรู้สึกผิดหวัง ไม่สบายใจของประชาชนลงไปได้บ้าง
จากนั้นในเวลา13.20น.หลังสมาชิกได้อภิปรายกันอย่างครบถ้วนและผู้เสนอญัตติได้กล่าวสรุปแล้วนั้น ที่ประชุมจึงมีมติส่งญัตติดังกล่าว ทั้ง 2ญัตติไปยังคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การกฏหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล พิจารณา โดยกำหนดระยะเวลาการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
“ภูมิธรรม”ย้ำจนท.ทำงานเต็มที่
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีคดีสลายการชุมนุมตากใบที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้จะยังมีปาฏิหาริย์นำตัวผู้ถูกออกหมายจับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่ ว่า เราก็หวังอย่างนั้นก็พยามจะให้มันเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่าผู้ที่ถูกออกหมายจับได้มีการติดต่อประสานงานมาบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เคยติดต่อมา แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำงานเต็มที่แล้ว อย่างที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้บอกว่าเราก็เสียใจหากวันนี้มันผ่านไปแล้วยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มันก็เป็นบทเรียนและต้องดูว่ากระบวนการที่จะแก้ปัญหา ในอนาคตจะเป็นอย่างไร
สว.ห่วงบีอาร์เอ็น ฉวยโอกาส
ด้านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงคดีตากใบว่า แน่นอนแล้วว่ารัฐไม่สามารถจะนำตัวผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับคดีตากใบมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คดีหมดอายุความในวันนี้ ทำให้กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นยกกรณีนี้มาโฆษณาปลุกระดม โดยอ้างว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะเอาตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มาเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชน และสร้างสถานการณ์ร้ายในพื้นที่ชายแดนใต้ เช่น คาร์บอมม์ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี และอีกหลายจุดที่เกิดเหตุร้าย
ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภามีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่ได้รับรายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงชายแดนใต้ ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 ต.ค. 67 จึงขอให้หน่วยงานความมั่นคงบูรณาการกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ชายแดนใต้ เข้ามาดูแลเพื่อป้องกันทรัพย์สินของทางราชการ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ สำนักงาน ฐานปฏิบัติการ จุดตรวจ จุดสกัด ร้านค้า ปั้มน้ำมันและชุมชนคนไทยพุทธ.
ชายแดนใต้แสดงพลัง
วันเดียวกันผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมตัวกันปั่นจักรยานเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ขบวนจักรยานมีกำหนดปั่นเป็นระยะทางทั้งสิ้น 145 กิโลเมตร ออกสตาร์ทจากตัวเมืองปัตตานี จุดรวมพลอยู่ ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เมื่อมาถึงปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายอิงคยุทธนำน้ำดื่ม รวมถึงผ้าเย็น มาแจกจ่าย ให้การต้อนรับกลุ่มนักปั่นที่มาร่วมกันแสดงพลัง โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง หรือการกระทบกระทั่งใดๆ เกิดขึ้น
โดยประชาชนที่มาชุมนุมบอกว่าการปั่นมาที่ค่ายอิงคยุทธวันนี้เพื่อต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ขณะที่กลุ่มนักปั่นได้นำผลอินทผาลัมมาแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมขบวนได้รับประทานกันถ้วนหน้า เพื่อต้องการสื่อว่าการทานอินทผาลัม ผลไม้ที่ให้พลังงานสูงนี้จะเป็นการส่งต่อพลังให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ได้มีกำลังในการเรียกร้องความยุติธรรมในคดีตากใบต่อไป แม้หลังเที่ยงคืนวันนี้ไปแล้วคดีความจะสิ้นสุดอายุลง โดยที่เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถควบคุมตัวใครมารับโทษได้ตามกฎหมายก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี