วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ภายหลังเดินทางกลับจากการรักษาตัวจากประเทศ ได้เดินทางเข้าพบนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวอาวุโส ผู้จัดรายการ โดยทันทีที่ลงรถนายสนธิ ได้โผเข้ากอดนายชูวิทย์ และนายชูวิทย์ได้มอบพวงมาลัยให้ ขอบคุณที่ให้อภัย พร้อมอวยพรวันเกิด และขอให้ทำหน้าที่ปราบมารเพื่อคนไทย พร้อมพูดติดตลกขำๆ ว่า “ผมมาถูกวัน ถ้ามาวันนี้พี่ไม่ด่าผมแน่” จากนั้นนายสนธิ ได้ประคองนายชูวิทย์ ที่ใช้ไม้เท้าช่วยเดินเข้าอาคาร ด้วยบรรยากาศชื่นมื่น

นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ และขอโทษเรื่องที่ผ่านมาที่เคยกระทบกระทั่งกัน ซึ่งต่างคนต่างทำหน้าที่ มองว่าที่ผ่านมานายสนธิ ได้ทำประโยชน์กับประเทศ ทั้งนี้ ตนในฐานะอาวุโสน้อยกว่า และยังเป็นรุ่นน้องโรงเรียนอัสสัม ศรีราชา อีกทั้งวันนี้เป็นวันเกิดของพี่สนธิ จึงขออวยพรและให้กำลังใจพี่สนธิ สิ่งใดที่เคยล่วงเกินทั้งกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ก็ขอให้อภัย เพราะตนเองไม่ได้มีเจตนา แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกันแต่ก็เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่นายสนธิ ยังมีน้ำใจให้อภัยตนเอง รวมถึงขออวยพรวันเกิดด้วย ช่วงนี้ถือเป็นช่วงปลายของชีวิตก็จะได้พักผ่อน ต่อไปอาจไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ส่วนที่มาไทยครั้งนี้เนื่องจากต้องมาเคลียร์ที่ศาล ไม่ได้คิดจะหลบหนี นอกจากนี้ยังได้พูดถึงคนบางคนที่ไม่ควรให้อภัย เนื่องจากกรรมมากไม่อาจหลีกหนีได้

ขณะที่นายสนธิ กล่าวว่า นายชูวิทย์ได้ทำเพื่อสังคม มีคุณูปการต่อประเทศมากหลายเรื่องหลายคดี บางครั้งต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ตนเองลืมเรื่องความขัดแย้งระหว่างกันไปแล้ว ยังเป็นห่วงตลอดเวลา รวมถึงถามไถ่เรื่องสุขภาพด้วย ส่วนอาจเกิดความขัดแย้งกันบ้างก็เพราะสวมหมวกคนละใบเป็นหน้าที่ของแต่ละคน วันนี้ถือเป็นวันที่พี่และน้องกลับมาเจอกัน เชื่อว่าคนที่ได้ชมทั่วประเทศ จะมาร่วมกันเป็นกำลังใจให้ชูวิทย์ หายจากโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมภาวนากุศลผลบุญที่ตนเองทำมาขอมอบให้ชูวิทย์ และขอให้แข็งแรงหายจากโรคภัย นอกจากนี้อะไรที่เคยล่วงเกินไปก็ขออภัยด้วย

ต่อไปพร้อมเดินหน้าตามที่ชูวิทย์แนะนำและเป็นสิ่งที่ตนเองทำอยู่แล้ว ขับไล่คนชั่วไม่ให้มีที่ยืนในสังคม ความยุติธรรมเหมือนพระอาทิตย์ เมื่อขึ้นส่องแสงแล้วแสงแดดจะเผาผลาญผีร้ายไป ได้แต่ภาวนาว่า ถ้าทนายดังถูกออกหมายจับ ขอไม่ให้ได้ประกันตัว เพื่อหยุดการเผยแพร่เฟคนิว การโกหก ทางโซเชียลมีเดีย