‘เอ็ดดี้’ไขกระจ่าง!!! ทำไม‘พิธา’กลายเป็นศัตรู‘เพื่อไทย’

‘เอ็ดดี้’ไขกระจ่าง!!! ทำไม‘พิธา’กลายเป็นศัตรู‘เพื่อไทย’

วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 10.42 น.

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ในหัวข้อ "พิธาไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย #อัษฎางค์ยมนาค มีคำตอบให้" ระบุว่า...

ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นคู่ขัดแย้งในทางการเมืองปัจจุบันด้วยหลายปัจจัย ทั้งในเชิงอุดมการณ์ นโยบาย และกลยุทธ์ทางการเมือง สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งสามารถสรุปได้ดังนี้ :


1. ความแตกต่างด้านอุดมการณ์และเป้าหมายทางการเมือง

พรรคก้าวไกล

• มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนในการผลักดันความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การปฏิรูปสถาบันหลักของประเทศ (รวมถึงกฎหมายมาตรา 112) การปฏิรูปกองทัพ และการลดอำนาจกลุ่มชนชั้นนำ

• เน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงในโครงสร้างอำนาจเดิม เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ

พรรคเพื่อไทย

• แม้จะมีภาพลักษณ์ที่เน้นประชาธิปไตย แต่เป้าหมายหลักมุ่งเน้นการรักษาฐานเสียงและบริหารจัดการเศรษฐกิจ

• เน้นการปรับตัวเพื่อรักษาอำนาจในระบบ และหลีกเลี่ยงการปะทะกับชนชั้นนำและโครงสร้างอำนาจเดิมในระดับที่รุนแรง

ความแตกต่างในระดับนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยมองพรรคก้าวไกลว่า “ก้าวร้าว” และมีแนวทางที่อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นคง ขณะที่พรรคก้าวไกลมองพรรคเพื่อไทยว่า “อนุรักษ์นิยม” มากเกินไปและไม่กล้าผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

2. การจัดตั้งรัฐบาลและผลประโยชน์ทางการเมือง

• หลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วม โดยพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี

• อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถอนตัวจากพันธมิตร เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และการไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี

• พรรคเพื่อไทยหันไปร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่น รวมถึงพรรคที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้าม (เช่น พรรคพลังประชารัฐ) เพื่อตั้งรัฐบาลใหม่ นำไปสู่การถูกมองว่า “ทรยศ” ต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์นี้ทำให้ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองพรรคเพื่อไทยว่าเป็น “ศัตรูทางอุดมการณ์” เพราะเลือกที่จะประนีประนอมกับอำนาจเดิมแทนที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

3. การแข่งขันฐานเสียงและการแย่งชิงบทบาทผู้นำประชาธิปไตย

• ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างแย่งชิงการเป็นตัวแทนของฝ่ายประชาธิปไตยในสังคมไทย

• พรรคก้าวไกลสร้างฐานเสียงใหม่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง

• พรรคเพื่อไทยยังคงมีฐานเสียงที่เหนียวแน่นในกลุ่มชนชั้นรากหญ้าและผู้สูงอายุในชนบท แต่ความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ลดลง

• ความขัดแย้งในเชิงนโยบายและแนวทางการเมืองจึงนำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างสองพรรค

4. ความไม่ไว้วางใจและการสร้างภาพลักษณ์ในสื่อ

• ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าพรรคเพื่อไทยเลือกประนีประนอมกับ “ระบอบอำนาจเก่า” และทรยศต่อประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง

• พรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนมองว่าพรรคก้าวไกลมีแนวทางที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ และใช้นโยบายที่อาจขัดแย้งกับสถาบันหลักของชาติ

• สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการขยายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองพรรค โดยการสร้างวาทกรรมที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายมองกันเป็นศัตรู

5. การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย

• พรรคเพื่อไทยเคยถูกมองว่าเป็นพรรคที่ท้าทายโครงสร้างอำนาจเดิมในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะประนีประนอมและเข้าร่วมกับพรรคที่เป็นตัวแทนของระบอบอำนาจเก่า เช่น พรรคพลังประชารัฐ

• การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองในระยะสั้น แต่กลับทำลายภาพลักษณ์ในระยะยาว โดยเฉพาะในสายตาผู้สนับสนุนประชาธิปไตย

ข้อสรุป

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นศัตรู เนื่องจากความแตกต่างในอุดมการณ์ นโยบาย และผลประโยชน์ทางการเมือง การแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในกลุ่มประชาธิปไตยยิ่งทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยเลือกเส้นทางที่ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย

ในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคนี้จะยังคงถูกกำหนดโดยปัจจัยเหล่านี้ และอาจขึ้นอยู่กับวิธีที่ทั้งสองพรรคปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในระยะยาวครับ

………………………………………………………………………………….

เนื่องจากโดนปิดกั้น เพราะฉะนั้นฝากทุกคนกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนท์ เพื่อให้เปิดการปิดกั้นด้วยครับ

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top