วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“นิกร” ประกาศผ่านวันรัฐธรรมนูญ แนะรัฐบาลยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงร่างเดียวในนามรัฐบาล เพื่อเดินหน้าแก้ ม. 256 ตั้ง สสร. ชี้สภานี้ทำได้แค่ตั้ง สสร. ถือว่าได้ทำตามนโยบายหาเสียงเต็มที่แล้ว
วันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีความเห็นว่าในเรื่องรัฐธรรมนูญ โอกาสที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้นยังมีอยู่ แต่ว่าอาจจะไม่ทันเสร็จสิ้นในสภาอย่างแน่นอน ส่วนตัวคาดว่าจะได้เพียงแค่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. แต่ตรงจุดนี้ก็ยังติดปัญหาอยู่เช่นกัน เพราะโอกาสการจะทำประชามติสองครั้ง ไม่เชื่อว่าจะทำได้ ซึ่งต้องทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือสามครั้ง เนื่องจากหากทำแค่สองครั้ง สมาชิกรัฐสภาอาจจะอึดอัดกับการโหวตเพราะอาจจะไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีข้อผูกมัดอยู่ ดังนั้นวันเวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ก็ต้องเท่ากับว่าการจัดทำประชามติต้องยื่ดออกไปอีก 180 วัน และบวกอีก 100 วัน สำหรับการทำประชามติตามกฏหมาย ซึ่งการจัดทำประชามติก็จะเกิดขึ้นปลายเดือนธันวาคม 2568 ถึงต้นเดือนมกราคม 2569
"โอกาสสุดท้ายที่จะทัน สสร. คือยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในเดือนมกราคม เพื่อจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2570 เป็นโอกาสครั้งเดียวที่จะต้องผ่าน เพราะหลังจากเดือนมีนาคม หากกฎหมายผ่านก็จะไปทำการเลือก สสร.ขึ้นมา ซึ่งจะต้องใข้เวลาไปอีก 80-90 วัน ก่อนมมานำเข้าที่ประชุมสภาอีกครั้ง ซึ่งสภาจะปิดในวันที่ 10 เมษายน 2570 จึงย้ำว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ยังทันที่จะกลับมาพิจารณาในสภาที่มีอยู่ แต่หากครั้งแรกไม่ผ่าน หากดำเนินการในต้นปี 2570 ไม่ทัน เนื่องจากติดปัญหาวุฒิสภาไม่เห็นด้วยก็จะไปเข้าสู่สมัยที่สอง ซึ่งเป็นสมัยสุดท้าย และจะไม่ทันตั้ง สสร. อย่างมากก็จะได้แค่การยื่นญัตติ ดังนั้นส่วนตัวเห็นว่า เมื่อมีโอกาสเดียว พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขมาตรา 256 เพื่อนำไปสู่การตั้ง สสร. เสียเอง เพราะจะได้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และมีทางเดียวที่จะผ่าน แต่หากต่างพรรค ต่างยื่น ไม่เขื่อว่าจะผ่านได้"
นายนิกร ยังระบุว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังค้างอยู่ในรัฐสภาของพรรคประชาชน ส่วนตัวมีความกังวล ว่ามาตรา 256 ที่ค้างอยู่ในสภาขณะนี้ที่นำเสนอสภาไปแล้ว ไม่มี สสร.โดยเฉพาะมาตรา 256 (8) ที่มีประเด็นว่าจากจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำประชามติอยู่ในนั้นด้วย แต่มาตราดังกล่าว เอาหมวดที่เกี่ยวพระมหากษัตริย์และรัฐออกไป คือไม่ต้องทำประชามติ จุดนี้จะมีปัญหา ส่วนตัวเชื่อว่าวุฒิสภาจะไม่เห็นด้วย แต่ร่างนี้อาจจะเข้าสู่การพิจารณาได้ ทั้งนี้หากจะมีการยกร่างใหม่ มาตรา 256 ที่มี สสร.ไม่เชื่อว่าจะเข้าสภาตอนนี้ได้ ต้อง
รอให้การทำประชามติเสร็จเสียก่อน
“ จึงขอบอกว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ในการที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งให้ทีนสภาชุดนี้ แต่ว่ายังมี สสร.ก็ยังดี แต่ว่าโอกาสน้อยมาก ต้องพยายามอย่างยิ่ง และต้องคุยกับทางวุฒิสภาเมื่อไม่คุยก็ไปไม่ได้” นายนิกรกล่าว
ส่วนจะมีการหารือกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า วันนี้ถึงว่าตนเองได้เสนอเรื่องนี้ในวันรัฐธรรมนูญ และขอชี้วามีโอกาสเดียวแล้วที่จะทำได้ตามนโยบายของรัฐบาล นั่นก็คือว่ารวมตัวกัน เหมือนการแก้ไขบัตรเลือกตั้งสองใบ ซึ่งตอนนั้นใช้ร่างของพรรคร่วมรัฐบาลจึงทำได้ ดังนั้นเรื่องนี้ก็เหมือนกันจำเป็นต้องใช้ร่างของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ทุกพรรคที่ไปประกาศนโยบายเรื่องนี้ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ต้องมาร่วมกันทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ และจะเป็นผลงานสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ คือให้มี สสร.และบอกประชาชนให้ชัดว่าเราทำทั้งฉบับไม่ทัน แต่การมี สสร.ก็ถือว่าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว และดีที่สุดแล้ว
ทั้งนี้จะฝากบอกกับพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลอย่างไร ที่ยังเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามพรรคต่อสภาอยู่ นายนิกร กล่าวว่า ตนเองอยู่กับเรื่องนี้มานาน และพยายามจะแก้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ที่ถูกยุบ จึงมีความตั้งใจและขอบอกในฐานะคนที่อยากให้มีรัฐธรรมนูญจริงๆ จึงอยากฝากบอกผ่านสื่อมวลชนว่าพรรคการเมืองต้องมาร่วมกัน เพราะเป็นของทุกคนและของวุฒิสภาด้วย ดังนั้นจะต้องมีการพูดคุยกับวุฒิสภาด้วย จะคิดแต่ในส่วนของพวกเราไม่ได้เพราะยังต้องอาศัยเสียงของวุฒิสภาหนึ่งในสาม ซึ่งหากไม่คุยกัน ไม่มีร่างของรัฐบาล ส่วนตัวเชื่อว่ายากมากเพราะจะมีประเด็นที่แตกออกไปอีกมาก
ส่วนจะมีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการเพื่อให้สำเร็จหรือไม่ นายนิกร ก็เห็นว่าต้องมีร่างของรัฐบาลก่อน แล้วต่อจากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องไปคุยกันและต้องหารือว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เอาแต่ฝ่าย สส. แต่ก็ต้องคุยกับวุฒิสภาว่ารับได้แค่ไหนด้วย รัฐธรรมนูญเป็นของทุกฝ่ายทุกคน ไม่ใช่เป็นของพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน แต่เป็นของทุกคน ซึ่งทุกคนก็กังวลกับรัฐธรรมนูญนี้ หากจะยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามของรัฐบาลยังทัน โดยร่างจะต้องจัดทำเสร็จก่อนการจัดทำประชามติ ซึ่งจะไปตรงกับไทม์ไลน์ที่ระบุว่าทำประชามติในต้นปี 2569 ก็ยกร่างตอนนั้น แต่ส่วนตัวเห็นว่าให้เสนอร่างตอนนี้เลยเพื่อให้ประชาชนได้เห็น และได้ไปลงคะแนนเพราะคะแนนการทำประชามติแม้ว่าจะเอาตามมติของ สส.แต่หากได้มาน้อยก็จะเป็นข้ออ้างด้วยเหมือนกัน เพราะหลักการของวุฒิสภา เห็นว่าจะออกมาเกินกึ่งหนึ่ง แต่หากได้เพียงร้อยละ 20 ทุกคนจะว่าอย่างไร ประกอบกับผลสำรวจนิด้าโพล์ที่ประชาชนเห็นว่าเสียงประชามติต้องได้เกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใข้สิทธิ์ตรงนี้จะเป็นหลังพิงฝา ซึ่งจะทำให้ยากขึ้นไปอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี