ตามก้นเขมร! ‘สว.นันทนา’อัดซ้ำการสื่อสารของรัฐบาลยิ่งเพิ่มวิกฤต คนไทยขาดเชื่อมั่นนายกฯ

ตามก้นเขมร! ‘สว.นันทนา’อัดซ้ำการสื่อสารของรัฐบาลยิ่งเพิ่มวิกฤต คนไทยขาดเชื่อมั่นนายกฯ

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.07 น.

ตามก้นเขมรหนึ่งก้าวเสมอ! ‘สว.นันทนา’อัดซ้ำการสื่อสารของรัฐบาลปม‘ไทย-กัมพูชา’ยิ่งเพิ่มวิกฤตมาก แนะตั้ง‘ศูนย์บริหารสถานการณ์ชายแดน’สื่อสารเป็นเอกภาพ ซัด‘นายกฯ’คุยตรงทางการไม่ใช่เจาะเฉพาะ‘กลุ่มโซเชียล’ ทำคนไทยขาดความเชื่อมั่น

16 มิถุนายน 2568 น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.)กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวถึงท่าทีของไทยหลังจากการประชุมJBC ว่า กระบวนการสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลไทยสอบตกตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาท จนกระทั่งถึงการเจรจาJBC รัฐบาลสื่อสารช้าเกินไป น้อยเกินไป ขาดเอกภาพ ขาดประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดจากการสื่อสารที่ไม่รู้ว่าจะฟังใครเพราะมีทั้งกระทรวงการต่างประเทศและแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแถลงการณ์ของทหารรวมทั้งทวิตเตอร์ของนายกรัฐมนตรี ตกลงแล้วไม่รู้ว่าอันไหนคือการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ทำให้การรับรู้ข้อมูลเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ข่าวลือก็เยอะ


ทั้งนี้ รัฐบาลต้องหันมาดูสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งระหว่างไทย- กัมพูชา เป็นสถานการณ์ที่วิกฤต แต่การสื่อสารของรัฐบาลทำให้วิกฤตยิ่งวิกฤตมากขึ้น และจนถึงขนาดนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลตั้งวอลรูม หรือศูนย์บริหารสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา เพื่อที่จะบูรณาการความร่วมมือ 3 ฝ่ายคือ รัฐบาล ทหาร และกระทรวงการต่างประเทศ และพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางของข้อมูลข่าวสาร และกระบวนการตัดสินใจทั้งหมดควรอยู่ที่นี่

น.ส.นันทนา กล่าวว่า โดยแถลงการณ์ทหารทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ แต่ความจริงแล้วการสื่อสารควรออกมาจากศูนย์บัญชาการเดียวโดยมีฝ่ายรัฐบาลเป็นคนนำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข่าวลือ และสร้างความขัดแย้งสร้างความบาดมาระหว่าง 2 ประเทศซึ่งการตั้งวอร์รูมตนเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ให้มีการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่ายและมีโฆษกเพียงคนเดียว ไม่ใช่การสื่อสารออกมาของแต่ละหน่วยงาน ต่างคนก็ต่างสื่อสาร ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดอย่างแรง ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าจะต้องฟังจากที่ไหน ซึ่งการสื่อสารภายในประเทศถือว่าทำได้ไร้ประสิทธิภาพ

“ดูจากเมื่อวานนี้การประชุม JBC เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ บ่าย3 และบ่าย 3  มีแถลงการณ์ออกมา แต่กระทรวงการต่างประเทศมีแถลงการณ์ออกมา 3ทุ่ม นี่เป็นการสื่อสารที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ทิ้งระยะห่าง ไป 6 ชั่วโมงเพิ่งนึกขึ้นได้ 9 ชั่วโมงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะมาสื่อสาร ทำให้การสื่อสารของเราอยู่หลังฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด เขาจะนำหน้าเราหนึ่งก้าวเสมอ ขณะฝ่ายไทยใช้ภาษาการทูตทุกอย่าง ส่วนฝั่งกัมพูชาใช้ภาษาทางการทหารมาโดยตลอดฉะนั้นเมื่อเห็นการสื่อสารทางฝั่งกัมพูชาแล้วทางฝั่งไทยควรปรับการสื่อสาร ให้มีลักษณะที่ชัดเจนจะใช้ภาษาดอกไม้ต่อไป ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศไม่รับรู้ข้อมูลที่แท้จริง และอาจจะมีผลในเชิงจิตวิทยาที่ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งรู้สึกหวั่นไหวกับสถานการณ์”” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า การสื่อสารของไทยขาดน้ำหนักและไม่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว หรือควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดว่าสามารถรักษาอธิปไตยของไทยได้แล้ว

น.ส.นันทนา ยังกล่าวถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีกับสถานการณ์แบบนี้ว่า นายกรัฐมนตรีควรออกมาสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือออกมาสื่อสารในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ ความชัดเจนยังไม่มี แต่ถ้าออกมาสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี ช่องทางในการสื่อสารควรเป็นทางการมากกว่านี้ การโพสทวิตเตอร์ไม่ได้ทำให้การสื่อสารเป็นทางการที่ต้องการจะบอกอะไรกับประชาชน เพราะสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ในภาวะวิกฤต ที่ประชาชนรู้สึกหวั่นไหว เพราะพูดถึงดินแดนของประเทศไทย อธิปไตยของชาติไทย ฉะนั้นถ้านายกรัฐมนตรีจะสื่อสาร ควรสื่อสารในฐานะนายกรัฐมนตรี และควรถ่ายทอดผ่านสื่อกระแสหลัก หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และสื่อสาร ด้วยสคริปต์ที่เรียบเรียงมาอย่างชัดเจน ที่เป็นข้อมูลที่ต้องการจะสื่อสารกับคนในประเทศ เพื่อรายงานข้อมูลสถานการณ์และสร้างความมั่นใจในการควบคุมสถานการณ์

“นายกฯต้องสื่อสารอย่างเป็นทางการ ไม่อาจที่จะใช้ Social Media ในการที่ออกมาเพราะเราไม่แน่ใจว่า นั่นคือตัวของนายกที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แล้วเป็นการสื่อสารเฉพาะกลุ่มที่ต้องการให้คนในโลกโซเชียลรู้เท่านั้นไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนี่จะเป็นปัญหา ถ้านายกยังสื่อสารแบบก้ำกึ่ง คนโดยทั่วไปก็ไม่รู้ว่าจะฟังใคร และสุดท้ายก็จะรู้สึกไม่มั่นใจในรัฐบาล นี่ก็เป็นผลมาจากการสื่อสารทางการเมืองในภาวะวิกฤตของนายกรัฐมนตรีเอง” น.ส.นันทนา กล่าว

น.ส.นันทนา กล่าวด้วยว่า การสื่อสารในประเทศไทยไม่ใช่แค่สื่อสารกับคนในประเทศ ตอนนี้ประเทศไทยต้องเร่งสื่อสารกับประชาคมโลก ในขณะที่กัมพูชาเดินหน้าสื่อสารกับประชาคมโลก ด้วยการที่บอกว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดขึ้นศาลโลก แต่ประเทศไทยยังไม่ได้ทำอะไรเลย สิ่งที่ควรจะทำในภาวะนี้ และเร็วที่สุดคือเรียกประชุมทูตานุทูตของทุกประเทศในไทย และสื่อสารให้ทราบว่าเราประเทศไทยจะทำอะไรกับสถานการณ์นี้ แล้วชี้แจงข้อข้องใจทั้งหมดที่บรรดาทูตานุทูตทั่วโลกสงสัย ว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ยอมขึ้นศาลโลก ดังนั้นต้องสื่อสารเชิงรุก เพราะเรารับมาโดยตลอดและเราต้องสื่อสารกับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ด้วย ที่เป็นเสาหลักของ UNให้รับทราบว่ากระบวนการในประเทศไทย กลับกัมพูชาขณะนี้ ได้เดินตามหลักการที่ถูกต้องอย่างไร เพื่อให้ประชาคมโลกอยู่ฝั่งเราถ้าเกิดอะไรขึ้นมาประชาคมโลกคนอยู่ฝั่งเดียวกับเรา ฉะนั้นต้องรีบสื่อสารกับประชาคมโลกและสร้างเอกภาพในการสื่อสารด้วยการตั้งวอร์รูมขึ้นมา รวมทั้งสื่อสารให้มาก และเป็นทางการเพื่อป้องกันข่าวลือ

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top