‘สว.สำรอง’ยื่น‘5 ไม่’ให้ กกต.ยืนหยัดสอบคดีฮั้วเลือกสว. ‘พล.ต.ท.คำรบ’มองมีชื่อแกนนำ-กก.บห.พรรคดังชี้ชัดเอี่ยว ติงหากฟ้องทีมสอบฯควรรอศาลยกคำร้องก่อน
17 มิถุนายน 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่มสว.สำรอง และอดีตผู้สมัคร สว. นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือเพื่อติดตามการทำงานของ กกต. ที่มีต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26ในคดีฮั้วเลือก สว.
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการของคณะสืบสวนไต่สวนคณะที่ 26 ได้ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการออกหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องมาแก้ข้อกล่าวหารวม 162 คนและคาดว่าจะครบจำนวนในเร็ววันนี้ ซึ่งการดำเนินการตามกระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการนำเสนอไปยังฝ่ายกฎหมายคณะอนุวินิจฉัย คณะกกต. และจากการดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันทราบว่ามีข่าวสารว่า มีความพยายามของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้การทำงานของคณะสืบสวนไต่สวนฯ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการใช้กลวิธีต่างๆเพื่อที่จะแทรกแซงกระบวน การยุติธรรม
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ฉะนั้น กลุ่มสว.สำรอง และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง จึงมาวันนี้เพื่อเรียกร้องต่อ กกต.ให้ยืนยันและปฏิบัติตาม "5 ไม่" คือ
1. ไม่ฟังเสียงสั่งการ หรือข้อขอร้องใดๆจากผู้หนึ่งผู้ใดที่อาจจะแอบอ้างสั่งการ หรือแอบอ้างชื่อเพื่อให้การกระทำที่นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงหรือความจริงที่เกิดขึ้นขอให้ยึดมั่นยึดถือเรื่องใดถูกก็ขอให้เป็นถูกเรื่องใดผิดก็ขอให้เป็นผิดตัดสินอย่างตรงไปตรงมา
2. ไม่รับคำร้องขอหรือรับสิ่งตอบแทนใดๆไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากผู้ใดเพื่อกระทำการหรืองดเว้นการกระทำการนอกเหนือไปจากหน้าที่รับผิดชอบให้การตรวจสอบการทุจริตเกี่ยวกับการเลือกสว.ครั้งนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายอย่างเที่ยงธรรมจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
3.ไม่กระทำการสิ่งใดที่นอกเหนือจากหน้าที่รับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนดไม่ว่าจะมีแรงร้องขออ้อนวอน หรือแรงกดดันใดๆโดยตระหนักอยู่เสมอในจิตมโนสำนึกในการรักษาไว้ ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมายตามคำขวัญของสำนัก งาน กกต.
4. ไม่ลาออกก่อนกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผล หรือกรณีใดๆเพื่อคงไว้ซึ่งการดำเนินการตามภารกิจที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตในการเลือกสว. ให้เสร็จสิ้นโดยต้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของตนและครอบครัวตลอดจนองค์กรคณะกรรมการการเลือกตั้ง
5.ไม่ละทิ้งหน้าที่และประชาชนโดยต้องควบคุมสอดส่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับในการตรวจสอบการทุจริตการเลือกสว.ครั้งนี้ให้ปราศจากอุปสรรคและปกป้องการถูกขัดขวางจากผู้ไม่หวังดีต่อกรณีกล่าวหาหรือร้องเรียนต่างๆ
เมื่อถามว่าการที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมถึงพรรคการเมืองเข้ารับทราบข้อหาเป็นเครื่องบ่งชี้ได้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วเลือกสว.นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า จากปรากฏการณ์ที่คณะสืบสวนฯทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาก็เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าบุคคลทั้ง 162 คน ตั้งแต่ล็อต 1 - 7 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการเลือกสว.ที่ผ่านมาไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งแน่นอน คงจะเป็นลักษณะ 2 ส่วนส่วนแรก คือ บุคคลที่ได้เป็น สว.ได้มาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ส่วนบุคคลที่ไม่ได้เป็น สว.คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกระทำผิดตามที่ระบุไว้ตามมาตรา 77 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กรณีบุคคลสั่งให้กระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมถึงมาตรา 76 ที่เกี่ยวข้องกับพรรค การเมืองหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองโดยใช้สถานะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ส่วนจะมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องของพยานหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน
เมื่อถามว่ามองว่าการที่พรรคการ เมืองดังกล่าวจะฟ้องกลับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 จะทำให้การตรวจสอบสะดุดหรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การฟ้องกลับควรฟ้องกลับเมื่อการดำเนินการเมื่อไปถึงศาลแล้วยกฟ้องว่าไม่ผิด จึงจะมีความเหมาะสมถ้าจะฟ้องกลับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาว่าถูกผิดอย่างไร
"หากท่านอดทนรออีกสักนิดนึง รอให้ท่านไปแก้ข้อกล่าวหา แก้ได้ไม่ได้ หากไปถึงชั้นศาลแล้วศาลฟังท่านแล้วยกคำร้องของคณะกรรมการสืบสวนฯ ก็แปลว่าท่านชนะ ท่านก็อาจใช้ประเด็นนั้นฟ้องกลับ ผมว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด" พล.ต.ท.คำรบ กล่าว
เมื่อถามว่าหากดูตามรายชื่อที่ปรากฏเป็นแกนนำและผู้บริหารพรรคการเมืองร่วมอยู่ด้วย หมายความว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าน่าจะที่สุดแล้วจากที่เห็นรายชื่อที่ปรากฏออกมา ซึ่งดูแล้วอาจจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง คาดว่าน่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญที่สุดของพรรค
เมื่อถามว่าข้อมูลของคณะสว. สำรองที่มียังมีรายชื่อบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่นอกเหนือจากรายชื่อที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 แจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า มีข้อมูลอื่น แต่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องของ สว.โดยตรง ซึ่งในส่วนการดำเนินการทั้งหมดยังเกี่ยวข้องไปตั้งแต่ผู้สนับสนุนการเลือก การเลือกไขว้ มีการว่าจ้างตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนเช่นกัน แต่ตนเข้าใจว่าในขั้นแรกคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนอาจจะมุ่งไปถึงคณะ สว.ตัวจริงที่อยู่ในสภาที่มีที่มาที่ไปอาจจะไม่สุจริตเที่ยงธรรมก่อนเพราะเป็นเรื่องของเกี่ยวกับการเลือกสว. และหลังจากนี้ยังมีข้อหาอั้งยี่ ฟอกเงิน รวมถึงอาจจะมีข้อหา มาตรา 116 ข้อหายุยงให้ประชา ชนกระทำความผิด ซึ่งในส่วนนี้ยังมีคณะกรรมการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ที่มีอธิบดีดีเอสไอเป็นประธานฯ เข้าใจว่าหลังจากเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการเลือกสว.เมื่อได้ข้อสรุปเห็นภาพชัดเจน คณะทำงานร่วมกับกกต.ก็จะไปสวมหมวกเป็นคณะกรรมการในชุด 41 คน พิจารณาความผิดข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ได้ร้องเพลงเนื้อหาว่า "สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ หรือว่ากันตัวไว้เป็นพยาน เอายังไงดี อยู่ดีๆก็สะดวกดำเนินคดีเสียอย่างนั้น อยู่ดีๆก็จะเข้าไปกินข้าวแดงซะงั้น ก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนี้ ก็ไม่คิดว่าจะมีใครจับได้ไล่ทัน ก็คิดว่าแบ็ค ใหญ่แบ็คดีแต่ตอนนี้แบตก็ยังจะแย่"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี