DSIลุยฮั้วสว.
ใช้AIเปิดโปง
หลักฐานมัด
ทุจริต681ราย
ดีเอสไอ ใช้ AI เปิดโปงฮั้วเลือกตั้งสว.ปี’67 กางเส้นเงิน ยันมีหลักฐานเด็ด พบพิรุธคนตกรอบเช้า แต่รอบบ่ายกลับโผล่มีคนโหวตให้ตามโพย ชี้ชัดจากกลุ่มไหน พบมีการฮั้วมากถึง 681 ราย มีคนดังเพียบ
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กระทำการเป็นอั้งยี่และผู้สนับสนุน เป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 โดยสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์ ที่อิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ก่อนหน้านี้ ว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ใช้ระบบ AI ตรวจสอบการลงคะแนนเลือก สว.ระดับประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดึงข้อมูลออกมาจากวีดีโอของ กกต.เพื่อให้เห็นภาพการลงคะแนนทั้งหมด และนำผลคะแนนที่ได้ไปให้นักวิชาการด้านคณิตศาสตร์วิเคราะห์ความน่าจะเป็น รวมถึงจัดทำตารางข้อมูล ใช้เป็นพยานหลักฐานสำคัญต่อการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต.(ชุด 7 อรหันต์) และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 (หรือคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน) ซึ่งจากการเปิดหีบการเลือก สว.รอบบ่าย เลือกไขว้ พบว่าในส่วนของ สาย ‘ง’ มีตัวอย่างความผิดปกติ เช่น ในกลุ่ม 14 สตรี มีผู้สมัครรายหนึ่งที่ตกรอบเช้าไปแล้ว แต่พอรอบบ่ายกลับยังมีคนโหวตให้ตามโพย โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง
อย่างไรก็ตาม จากภาพถ่ายที่ระบบ AI ตรวจพบของรอบบ่าย ปรากฏว่ามีคนเลือกผู้สมัครรายดังกล่าว ซึ่งตกรอบเช้าไปแล้ว รวม 10 ใบ โดยเป็นการลงคะแนนจากกลุ่มน้ำเงิน 9 ใบ และนอกกลุ่มน้ำเงิน 1 ใบ นอกจากนี้ยังพบชื่อของบุคคลในสาย “ง” ดังกล่าว ที่มีหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงอีกหลายราย ขณะที่การเปิดหีบรอบเช้า ซึ่งเป็นการเลือกกันเองในกลุ่ม ทุกบัตรลงคะแนนอ้างอิงภาพถ่ายที่ AI จับได้ โดยลำดับบัตรใหม่สามารถตรวจจับบุคคลที่มีพฤติกรรมเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงในทุกกลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่ม 1 การบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง มี 25 ราย, กลุ่ม 2 กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มี 35 ราย, กลุ่ม 3 การศึกษา มี 36 ราย, กลุ่ม 4 การสาธารณสุข มี 37 ราย, กลุ่ม 5 ทำนา ทำไร่ มี 27 ราย, กลุ่ม 6 ทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง มี 43 ราย, กลุ่ม 7 ลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงานที่ไม่ใช่ข้าราชการ มี 40 ราย, กลุ่ม 8 ด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาฯ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน มี 24 ราย, กลุ่ม 9 ผู้ประกอบการ SMEs มี 25 ราย
กลุ่ม 10 ผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการ ตามมาตรา 11 (9) มี 33 ราย, กลุ่ม 11 ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม มี 29 ราย, กลุ่ม 12 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม มี 29 ราย, กลุ่ม 13 ผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม มี 40 ราย, กลุ่ม 14 สตรี มี 40 ราย, กลุ่ม 15 ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์ มี 33 ราย, กลุ่ม 16 ศิลปะ ดนตรี บันเทิง นักกีฬา มี 39 ราย, กลุ่ม 17 ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ มี 33 ราย, กลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม มี 40 ราย, กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มี 39 ราย และกลุ่ม 20 อื่นๆ มี 34 ราย
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีอั้งยี่-ฟอกเงิน ยังคงอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในขบวนการฮั้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายหน้า กลุ่มชาวบ้าน ฯลฯ และเมื่อพยานหลักฐานปรากฏ พนักงานสอบสวนจะพิจารณาออกหมายเรียกพยานเพื่อสอบปากคำ โดยให้บุคคลเข้าชี้แจงถึงกรณีการโอนเงิน หรือรับโอนเงิน ก่อนพิจารณาสรุปในส่วนของผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกพยานลอตแรก 7 ราย เข้าสอบสวนปากคำในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ชี้แจงกรณีมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้ว โดยมีบทบาทเป็นทั้งโหวตเตอร์และหาคนมาลงสมัครสว.เกี่ยวพันในพื้นที่ 3 ภาคของไทย คือภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี