"สุชาติ"มอบนโยบายสำนักพุทธฯ หลังเกิดประเด็นฉาว"สีกากอล์ฟ" รับถูกสั่งให้มาสางปัญหาโดยเฉพาะ สั่ง พศจ.เร่งทำงาน หากมีคนร้องพระทำผิดวินัยแล้วไม่ดำเนินการ เจอข้อหาละเว้น ซัดที่ผ่านมา พศ.หย่อนยาน ขีดเส้น 3 เดือน ประเมินผลงาน จ่อชง กม.เพิ่มบทลงโทษพระ-สีกาเสพเมถุน โทษหนักติดคุก พร้อมคุมเข้มวัดสร้างวัตถุมงคล หวั่นฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ พศ.โดยมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ.พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง และผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศเข้ารับฟัง หลังเกิดประเด็นสีกากอล์ฟกับพระชั้นผู้ใหญ่
โดย นายสุชาติ กล่าวว่า อยากขอฟังภารกิจของ พศ.ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแล พศ. ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร ยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 รัฐบาลต้องส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมีให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว
ต่อมา นายสุชาติ แถลงภายหลังมอบนโยบายว่า วันนี้เป็นวิกฤตของพระพุทธศาสนา เป็นที่ทราบกันดีตามที่มีข่าวออกมา และ พศ.ต้องไปเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤตศรัทธา เพื่อเรียกศรัทธาของสำนักพระพุทธศาสนาคืนจากประชาชน ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับวัดและเจ้าอาวาส ซึ่งเรายังไม่มีมาตรการควบคุมคือ เรื่องของทรัพย์สินและเรื่องสีกา เพราะเมื่อมีทรัพย์สินเงินทองแล้วก็จะมีเรื่องของสีกาเข้ามา เกิดขบวนการหลอกเงินวัดที่มาในรูปแบบของสีกา หรือหลอกให้ทำสิ่งต่างๆ ตนได้กำชับ โดยเฉพาะ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศต้องทำงานเชิงรุก เพราะตอนนี้ประชาชนได้ถามมาว่า มีบางวัด เจ้าอาวาสประพฤติมิชอบ ชาวบ้านรู้ แต่ทำไม พศ.ถึงไม่รู้ ได้คาดโทษไว้ว่า ในจังหวัดใดมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ให้อยู่ในพระธรรมวินัย ประพฤติปฏิบัติชอบที่ดีได้ และมีความประพฤติฉาวโฉ่จนถึงขั้นปาราชิก คงจะต้องมีการกล่าวโทษหรือให้คะแนนกันว่ามีความสามารถหรือหย่อนประสิทธิภาพ ละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
นายสุชาติ กล่าวว่า ตนยังได้มอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินของวัด ขอให้มีความโปร่งใส โดยนำระบบ Big data เข้ามาควบคุมทรัพย์สินของวัดและเจ้าอาวาส ทำบัญชีของพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปแล้วเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้รับรู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีทรัพย์สินเท่าไหร่ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต้องเป็นในรูปแบบของคณะกรรมการ โดยเฉพาะสาธารณสมบัติกลาง ให้ประชาชนรับรู้ด้วย อย่างเช่น พื้นที่ประตูน้ำ เฉลิมโลก เอเชียทีค เพราะประชาชนอยากรู้ว่ามีการหาผลประโยชน์ลับหลังหรือไม่ จะได้ช่วยกันตรวจสอบ แล้วจะต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงคือ วัดจะต้องมีเงินสดไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้รายงานบัญชีมายัง พศ.ทุกปี ซึ่งตนเห็นว่าควรจะมีการรายงานทุกเดือนด้วยซ้ำไป จึงจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ มส. ทั้งนี้ ขอให้ พศ.ทำงานเชิงรุก ประสานงานไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากเราไม่มีอำนาจจับกุม แต่เรามีอำนาจหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าเรื่องการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของวัดจะต้องแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นายสุชาติ กล่าวว่า มีประกาศออกมาแล้ว เรื่องบัญชีเงินฝาก ตอนนี้กำลังทำให้ทุกวัดเริ่มปฏิบัติตาม โดยห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท โดยจะให้ทาง พศ.เข้าไปตรวจสอบ 1 ต.ค.นี้ ยังไม่เข้าไปดำเนินการจะถือว่าผิดพระธรรมวินัย ต้องมีการลงโทษตามวินัยสงฆ์
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอื่นหรือไม่ ที่จะมาดูแลและกู้วิกฤตศรัทธาคืนจากประชาชน นายสุชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้พระทำผิด เสพเมถุน สีกาทำผิด ไม่มีบทลงโทษ ตนจึงให้นโยบายไปว่า ให้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี พ.ศ.2505 เพิ่มบทลงโทษกับผู้ที่กระทำผิด เช่น การแต่งกายเลียนแบบพระ การอวดอุตริมนุสธรรม การอ้างเป็นเทพหรือติดต่อเทพต่างๆ ได้ โดยเฉพาะพวกที่เสพเมถุน จะต้องมีการลงโทษทั้งสีกาและพระ โดยจะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบหลักการ ซึ่งโทษของการเสพเมถุน จะมีทั้งการจำคุกและโทษปรับ อาจจะต้องจำคุก 1 - 7 ปี ปรับตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลักแสน และนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และหาก สส.เห็นว่าโทษอย่างน้อยเกินไปอาจจะมีการปรับปรุงแก้ไขอีกได้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีบางหน่วยงานออกมาระบุว่า การทำงานร่วมกับ พศ.เหมือนจะเละเทะไปเรื่อยๆ จะสามารถจี้ให้ พศ.ทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิมได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า อย่าเพิ่งกล่าวโทษ พศ.ว่าเละเทะ แค่ตอนนี้อาจจะหย่อนยานไปหน่อย วันนี้ตนได้มาให้นโยบายแล้ว ต่อไปต้องทำงานเชิงรุก ให้เวลา 2 - 3 เดือน แล้วค่อยมาดูผลงาน และ KPI กันใหม่ แต่หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ปฏิบัติ ก็แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบาย และมีความหย่อนยาน
เมื่อถามว่า พศ.มีการขอให้ช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะการดำเนินการกับพระชั้นผู้ใหญ่ อาจจะมีปัญหาติดขัด นายสุชาติ กล่าวว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย และต้องปรึกษา มส. เราทำได้เท่าที่ทำได้ โดยขอให้เกิดการทำงานและบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เกิดจากที่บางวัดไม่มีไวยาวัจกร จะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.พศ.กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีจุดที่มีปัญหาอยู่ เพราะไวยาวัจกรเป็นคนที่ช่วยดูแลทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ตอนนี้ พศ.กำลังจะนำไวยาวัจกรมาขึ้นทะเบียน เพราะไม่มีข้อมูลว่าแต่ละวัด ไวยาวัจกรเป็นใคร คุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนดหรือไม่ แล้วต่อไปอาจจะมีการพัฒนาคล้ายกับรูปแบบอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ที่มีเงินตอบแทน ซึ่งต้องพัฒนาทักษะและกำหนดคุณสมบัติ มีความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด
เมื่อถามถึงการคัดเลือกไวยาวัจกรจะต้องมีการคัดเลือกอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการสมรู้ร่วมคิดกับพระสงฆ์ในการทุจริต นายอินทพร กล่าวว่า ปัจจุบันในแต่ละวัดมีการจัดตั้งไวยาวัจกรโดยไม่ถูกกฎของ มส.ที่จะต้องมีการเสนอไปยังเจ้าคณะอำเภอเพื่อให้ความเห็นชอบ และจากการสำรวจปัจจุบันบางวัดยังไม่ได้มีการตั้งไวยาวัจกร
จากนั้น นายสุชาติ ได้กล่าวว่า ถือโอกาสนี้ให้นโยบาย พศ.ในการจัดการไวยาวัจกรให้จบ รวมถึงเรื่องการจัดทำวัตถุมงคล ที่บางแห่งพบว่าการทำวัตถุมงคลเป็นแหล่งฟอกเงิน พวกที่ค้ายาเสพติดและพนันออนไลน์ ก็ทำวัตถุมงคลขาย ซึ่งได้มอบนโยบายให้ไปปรึกษา มส.ว่าต่อไปการจัดทำวัตถุมงคลจำเป็นจะต้องจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ เพื่อพิจารณาว่าควรอนุญาตหรือไม่อนุญาต ไม่เช่นนั้นจะเกลื่อนไปหมด เดี๋ยวอาจอีกหน่อยอาจจะมีรูปหลวงพ่อสุชาติเกิดขึ้น มันไม่ได้
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เกิดวิกฤต การศรัทธาศาสนาขอให้สื่อมวลชนลงข่าวในทางบวก ตน และ พศ.ในฐานะกำกับดูแลจะจัดทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เรียกศรัทธาจากประชาชนคืนมา ให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป เหมือนกับที่ตนได้ตอบคำถามกับวุฒิสภา ว่าอย่านำการกระทำของพระสงฆ์มาเป็นตัวทำลายพระพุทธศาสนา เพราะในคนหมู่มากจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พระสงฆ์ไม่ใช่พระพุทธศาสนา เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เป็นสาวก อย่างที่เราไปทำบุญตามวัด เราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้า
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี