‘สภาสูง’ ยืนไว้อาลัยผู้สูญเสียจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ชง ‘8 มาตรการ’ ถึง ‘รัฐบาล’ ดัน ‘ประกาศกฎอัยการศึก 7 จว.ชายแดน-แก้ MOU43-44- ปิดด่านชายแดน-ตัดระบบสาธารณูปโภค’ ป้องอธิปไตยชาติ ก่อนถกลับญัตติด่วนสางปัญหา
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยในช่วงการหารือของสมาชิก พล.ท.สุกิจ ทั่งทอง สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ลุกขึ้นอภิปรายให้ข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติและความมั่นคง ประกอบไปด้วย 1.ประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ตั้งแต่อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้วจันทบุรีและตราด เพื่อมอบอำนาจเต็มแก่ค่ายทหารภายใต้หลักการ CI31 เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างมีเอกภาพ และกำลังเสริมในพื้นที่ก่อให้บรรจุกำลังพลเสริมเข้าแผนงานป้องกันประเทศ ให้รับสิทธิวันทวีคูณและสิทธิอื่นๆเพิ่มเติมย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2568
2.แก้ไขเพิ่มเติม MOU 2544 MOU 2543 และ JC44 ที่ไทยมีความเสียเปรียบในบางเรื่องให้มีความชัดเจนเพื่อประโยชน์ต่อไทย 3. ปิดด่านทางบกทุกช่องทางทันที ปิดน่านน้ำน่านฟ้าจนกว่าจะปักปันเขตแดนยุตติไม่มีพื้นที่ทับซ้อนไม่ให้กัมพูชาเข้ามาเด็ดขาด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสายการบินพาณิชย์ 4.ตัดระบบสาธารณูปโภคทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับกัมพูชา ทั้งไฟฟ้า น้ำ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะยุติ
5.ยกเลิกการส่งออกพลังงาน น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ ไปยังกัมพูชาโดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่าผิดกฎอัยการศึกต้องขึ้นศาลทันที 6.เห็นควรผลักดันแรงงานต่างด้าวกัมพูชาออกนอกประเทศ และยกเลิกบัตรผ่านแดนกัมพูชาทั่วราชอาณาจักรไทย ให้กับประเทศต้นทางทันทีทั้งที่ผู้ที่เข้ามาโดยชอบและชอบด้วยกฎหมายจนกว่าการปักปันเขตแดนทางบกและทางทะเลจะยุตติอย่างสมบูรณ์ และ 7 เห็นควรตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาจนกว่าการปักปันเขตแดนจะแล้วเสร็จและไม่มีพื้นที่ทับซ้อนโดยเด็ดขาด 8. ดำเนินการกั้นรั้วถาวรชายแดน และขับไล่ชาวกัมพูชาที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ไทยออกไปทันที และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอย่างผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังการหารือเสร็จสิ้นก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาต่อไป พล.อ.เกรียงไกร แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงสถานการณ์การสู้รบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ในนามของวุฒิสภา ขอเชิญสมาชิกยืนขึ้นแสดงความไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต เป็นเวลา 1 นาที
จากนั้นในเวลา 09.40 น. ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา จำนวน 2 ญัตติ ของพล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาปรึกษาเป็นเรื่องด่วน เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และการเยียวยาความเดือดร้อนความเสียหายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวและมีมติส่งข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลต่อไป ขณะที่นายวิวัฒน์ รุ้งแก้ว สว.เสนอญัตติขอให้วุฒิสภาพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู่รบไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ นายพละวัต ตันศิริ สว.เสนอให้เป็นการประชุมลับ เพื่อให้ได้มีการอภิปรายอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นห่วงว่าสว.หลายคนจะอดใจไม่ได้ที่อาจจะพาดพิงถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีผลกระทบได้
ขณะที่นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ต้องการมีการประชุมโดยเปิดเผย เพราะข้อมูลข่าวสาร สว.บางคนอาจจะมีข้อมูลน้อยกว่าข้างนอกด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นการประชุมลับก็ไม่เกิดผลดีอะไรเลย เพราะเราต้องการระดมความคิดเห็นจากสมาชิก เพียงแต่ขอให้สมาชิกระมัดระวังในประเด็นที่ไม่แน่ใจในแหล่งที่มาข้อมูลก็ไม่ต้องพูดให้เกิดความเสียหายหากพูดแล้วเกิดประโยชน์ เกิดผลดีต่อบ้านเมือง แต่หากประชุมลับประชาชนก็ไม่ทราบว่าวุฒิสภาทำอะไรอยู่ และจะมีคำถามว่ามีวุฒิสภาไว้ทำไม ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้การพิจารณาญัตติดังกล่าวเป็นการประชุมลับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี