ซัด‘เขมร’ไม่ซื่อ

รบ.ออกแถลงการณ์ละเมิดหยุดยิง

จวกแหลกไม่มีความจริงใจ

ฟ้องพยาน‘มาเลย์-จีน-สหรัฐ’

สั่งเหล่าทัพตรึงกำลังคุมเข้ม

‘บิ๊กเล็ก’กร้าว‘ยิงมายิงกลับ’

“ภูมิธรรม”แถลงการณ์รัฐบาลไทย ฉะ“เขมร”ไม่ซื่อตรง-ไม่จริงใจ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ลุยฟ้อง 3 ปท.พยาน “ปธ.อาเซียน-สหรัฐฯ-จีน”พร้อมสั่งเหล่าทัพยังตรึงกำลังรักษาอธิปไตย-ความปลอดภัยปชช.เต็มที่ เดือดจัดเจอสื่อบี้ถามปมรับเงื่อนไข “ฮุน มาเนต”หยุดยิงไม่มีเงื่อนไข ชิ่งสื่อถามใช้ภาษีสหรัฐกดดันมัดคอทหาร ยันเจรจาบน 6 เงื่อนไขกองทัพ ด้าน “บิ๊กเล็ก” โต้ลั่นเกี้ยเซียะ-ทำตามใบสั่ง ยันยึดอธิปไตย-ประโยชน์ชาติเป็นหลัก กร้าวยิงมายิงกลับ ตอบโต้สมน้ำสมเนื้อ ย้ำก่อนไปเจรจาคุย

บิ๊กเหล่าทัพแล้ว ไม่เกี่ยวภาษีทรัมป์

ความคืบหน้าหลังรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาบรรลุข้อตกลงยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดนไทย-เขมร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหันมาเจรจายุติข้อขัดแย้ง แต่ยังมีความเคลื่อนไหวทางฝ่ายเขมรที่ยิงอาวุธใส่หลายพื้นที่ของไทย

รบ.ไทยแถลงฉะเขมรไม่ซื่อตรง-ไม่จริงใจ

เวลา 13.20น.วันที่ 29 กรกฎาคมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีอ่านแถลงการณ์รัฐบาลถึงความคืบหน้าการดำเนินการของรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจและใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะยุติสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุดการเจรจาจนมีข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองฝ่ายโดยยึดผลประโยชน์ประชาชน และอำนาจอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและทหารของชาติ ทั้งหมดนี้เป็นความหวังร่วมกันของประชาคมโลกที่จะคืนสันติภาพแก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเคารพผลการหารือ ที่เมืองปูตราจายา มาเลเซีย และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ากองกำลังกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยใช้อาวุธยิงต่อกำลังฝ่ายไทยในพื้นที่ทำให้ทหารไทยไทยต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาดและเหมาะสมเพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์

ยื่นประท้วง3ปท.พยานไทยถูกละเมิด

“พร้อมกันนี้รัฐบาลได้ประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐและจีน ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา เพื่อให้ได้รับทราบว่าการละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรงและไม่จริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน จากสถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลมอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ไม่ยินยอมให้อธิปไตยไทยถูกล่วงล้ำไม่ว่ากรณีใดๆ”นายภูมิธรรมกล่าว

และว่า ช่วงสายวันนี้ได้มีการพูดคุยกันระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศ เพื่อหารือแนวทางคลี่คลายปัญหา ขณะเดียวกันก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการเจรจาระดับสูงขึ้นต่อไป ตามที่ได้ตกลงกันไว้เพื่อยุติความรุนแรงไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นทั้งพลเรือนและกำลังทหาร เราเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามหลักสากลยึดหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนอย่างจริงใจของรัฐบาลไทย จะปรากฏชัดต่อนานาประเทศและเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในขั้นตอนต่างๆ หลังการหยุดยิงบรรลุผลต่อไป

ขอปชช.ฟังข่าวสารรบ.อย่าฟังข่าวลวง

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนติดตามแถลงการณ์จากช่องทางที่เป็นทางการ โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนโดยเฉพาะการอพยพกลับภูมิลำเนา ขอให้รอผลการยืนยันจากรัฐบาลต่อไป โดยรัฐบาลขอเน้นย้ำว่าได้ให้หน่วยงานในพื้นที่อำนวยความสะดวกต่อพี่น้องประชาชนในศูนย์อพยพอย่างเต็มกำลัง

รัฐบาลขอสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าอุทิศชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย สุดท้ายนี้ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อเกมเกมข่าวลวงหรือเกมการเมืองของกัมพูชา เพื่อสร้างความแตกแยกภายในประเทศ จากฝ่ายตรงข้ามทีมประเทศไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน

ปะทะไม่หยุดเหตุสื่อสารไม่ทั่วถึง

ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีไทย-กัมพูชาเจรจาหยุดยิงตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันเดียวกันนี้ แต่พบว่าช่วงเช้ายังมีการปะทะเป็นระยะว่า ยอมรับยังมีอะไรที่ยังสื่อสารกันไม่ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีการปะทะอยู่ตลอดทั้งแนวชายแดน 800 กิโลเมตร ซึ่งแต่เดิมพูดคุยกันว่าจะหยุดยิงกันเวลา 18.00 น. แต่ขยายมาเป็น 24.00 น. ทั้งนี้ กองทัพไทยค่อนข้างมีวินัย แต่ฝั่งกัมพูชาถ้าเขาไม่มีความตั้งใจ เป็นเพราะทหารมีวินัย เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างถูกต้อง และในอนาคตต้องคุยกันต่อไป โดยวันนี้เวลา 10.00 น. แม่ทัพภาคของทั้ง 2 ประเทศจะหารือกัน และหลังพูดคุยก็น่าจะหยุดหยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า การหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะอยากให้จบ แต่ในรายละเอียดคงต้องพูดคุยกันอีก เพราะเราชี้แจงแล้วว่า จากนี้เราจะพูดคุยผ่านกลไก RBC และ GBC เพื่อให้ได้ข้อสรุป ย้ำว่าการพูดคุยครั้งนี้ ได้นำข้อเสนอของกองทัพบกเข้าหารือในวงเจรจาด้วย ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับ แต่ต้องรอดูว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร โดยตนขอขอบคุณกองทัพบก และวีรกรรมของทหารหาญ ที่ปฎิบัติหน้าที่เข้มแข็งและดีเยี่ยม โดยจะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะดูแลกำลังพลทั้งหมดเป็นกรณีพิเศษ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์และบทเรียนให้เห็นว่ามีทหารไว้ทำไม ชัดเจนว่าหากไม่มีทหาร เรื่องนี้คงแย่ไปมากกว่านี้

สถานการณ์ยังสงบไม่มีการยกระดับ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะการปกป้องประเทศไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เป็นเรื่องภาวะวิกฤต อย่างที่ตนเคยบอกว่า กำลังทหารต้องอยู่ในฐานความพร้อมที่จะปกปักรักษาประเทศและอธิปไตย ตนขอขอบคุณทุกแนวรบ ที่ทหารทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและมีวินัย ต้องให้กำลังใจทหารหาญของประเทศตนไม่อยากให้ประชาชนไม่สบายใจ ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเราเป็นฝ่ายยึดมั่นข้อตกลง และสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์บางจุด เพราะทหารกัมพูชาไม่มีวินัย เราตอบโต้บนพื้นฐานที่เกินเลย ยิงปืนเล็กมาเราก็ยิงปืนเล็กกลับ แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์สงบอยู่ ไม่มีการยกระดับ ขอให้รอดูการหารือระหว่างแม่ทัพสองประเทศช่วงสายวันเดียวกันนี้ ขณะนี้มีการมอบอำนาจชัดเจนให้แม่ทัพภาคเป็นผู้หารือ เนื่องจากอยู่ในส่วนปฎิบัติหน้าที่ตอนหน้า แต่เราประสานกันตลอด

ชี้สื่อเข้าใจผิดหยุดยิงไม่มีเงื่อนไข

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนไปเจรจา นายภูมิธรรมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ การจะหยุดยิงต้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจด้วยการปรับกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่ฮุน มาเนต นายกฯเขมรระบุการหยุดยิงต้องไม่มีเงื่อนไข ไปเจรจากันยังไงถึงออกมาเป็นเช่นนี้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า สื่อคงเข้าใจผิด สิ่งที่เราพูดเรื่องการหยุดยิงคือให้ยุติดำเนินการ ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบ แต่การหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขคือให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะหยุดยิงเมื่อไหร่ ส่วนการเจรจาหลังจากนั้น กำหนดอยู่แล้วให้เจรจาตามกลไก เป็นเรื่องที่กองทัพจะเจรจา

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่ายังไม่หยุดยิงอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ถามแบบนี้จะกลายเป็นทำให้ระหองระแหงกัน ขณะนี้ต้องทำให้นานาประเทศและประชาคมโลกเข้ามาดูแลและสังเกตการณ์ การหยุดยิงเป็นมาตรฐานของเรา ที่อยากให้คุยกันทั้งหมด ไม่อยากให้กระทบกระเทือนถึงปัญหาระหว่างประเทศ เรายังยึดมั่นรักษาอธิปไตยของประเทศได้

ฉุนสื่อถามให้ฝ่ายการเมืองทะเลาะกับทหาร

เมื่อถามว่า เป็นการที่ฝ่ายการเมืองโยนงานให้ทหารหน้างานหรือไม่ นายภูมิธรรมเอียงศีรษะ ก่อนจะกล่าวว่า พูดแบบนี้เหมือนให้ฝ่ายการเมืองทะเลาะกับทหาร ตนคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีการพูดคุยมาตลอด ก่อนไปก็คุยกัน ฉะนั้น ไม่ใช่การโยน แต่กองทัพอยากใช้เงื่อนไข ดังนั้น ให้กองทัพเป็นคนตัดสินใจและประสานกับเรา ยืนยันไม่ใช่การโยนภาระถ้าพิจารณาตรงนี้ แต่สถานการณ์ในพื้นที่เห็นอะไรต่างไป ก็จะเป็นปัญหาอีก ยืนยันทำงานร่วมกันเป็นเอกภาพ ทั้งกระทรวงกลาโหมและ 4 เหล่าทัพ รวมถึงรัฐบาล ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน

ถามอีกว่า หลักการทั่วไปของการเจรจาหยุดยิง เราต้องให้เขาถอนอาวุธหรือยื่นเงื่อนไขเจรจา แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายภูมิธรรมไปรับเงื่อนไขเขามาหรือไม่ นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ถามแบบนี้เหมือนไม่เข้าใจ แต่เรายืนยันว่า หากเราไปคุยเงื่อนไขทั้งหมดก็ไม่จบ แต่ขณะที่ยิงกันก็เกิดความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ดังนั้น ก่อนอื่นต้องหยุดยิง เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ตนจึงอยากให้ทำความเข้าใจ สิ่งที่ทำทั้งหมด ไม่ได้สนองความความสะใจของใคร แต่ต้องระวังและยุติความเสียหาย หากเจรจากันไม่ได้ ก็ไปเริ่มต้นใหม่ การตั้งคำถามแบบนี้ไม่ถูก คนเสียหายเวลานี้คือประชาชนและกำลังทหาร อยากให้ใช้สติพิจารณาว่าการทำเช่นนี้น่าเป็นการยุติความเสียหาย และเงื่อนไขที่เราคุยกัน

ฉุนขาดเจอจี้ถามเอาภาษีสหรัฐมัดคอทหาร

ถามถึงการจะเรียกร้องกัมพูชาในฐานะอาชญากรสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อันนั้นเป็นเงื่อนไข การหยุดจริงไม่ได้หมายความว่าจะมีเงื่อนไขเป็นคดี แต่เป็นการยุติไม่ให้เกิดความเสียหายและมาคุยกัน มอบหมายให้เป็นกลไกทวิภาคี หลังจากนี้จะคุยกัน โดยไม่มีเสียงปืนทำร้ายกัน ถ้าจะคุยกันในขณะที่มีการยิงกันอยู่ ที่ไหนก็ไม่มีใครทำได้ ส่วนจะเดินหน้าเอาผิดเขมรในฐานละเมิดหรือไม่ เดี๋ยวรอพูดคุยกัน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลตรงนั้น

นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า เงื่อนไขในการหารือคือเงื่อนไขของกองทัพบก 6 ข้อ ซึ่งกองทัพบกทราบดี ขอให้ไปถามดู ขอให้นึกถึงประเทศชาติ ซึ่งเงื่อนไขที่กองทัพบกเสนอมานั้น เรารับได้ และนำมาเจรจาต่อ ที่ประชุมก็ยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ารัฐบาลเอาเรื่องภาษีสหรัฐฯ มากดดันผูกคอกองทัพหรือไม่ นายภูมิธรรมย้อนถามว่า ท่านเอาความเชื่อมั่นมาถาม แล้วมากดดัน ตนไม่ขอตอบแล้ว ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ และขึ้นตึกบัญชาการไปทันที

‘บิ๊กเล็ก’ยันก่อนรับเงื่อนไขถกบิ๊กทหารแล้ว

ขณะที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสรุปหยุดยิงระหว่างไทย-เขมรว่า ขอให้เชื่อมั่นในฐานะตนเคยเป็นอดีตทหาร มีประสบการณ์วางแผนการรบ ซึ่งเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมก่อนไปเจรจา ตนได้หารือกับผบ.เหล่าทัพว่า ต้องการให้หยุดยิงกี่โมง ผบ.เหล่าทัพสรุปเวลา 18.00 น. แต่กัมพูชาขอเป็นเที่ยงคืน ซึ่งตนได้หารือกับผบ.เหล่าทัพอีกครั้งพอจะรับเงื่อนไขได้ เพียงแต่ห่วงเพราะเป็นกลางคืน ทุกท่านบอกว่าหนักใจ เนื่องจากกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังมามาก อยากให้ประชาชนเข้าใจตนทำทุกอย่างร่วมกับกองทัพ ไม่ได้ทำคนเดียว รวมถึงพูดคุยกับรัฐบาล ยืนยันว่าก่อนเจรจาหยุดยิงตนมีเงื่อนไขว่า หยุดยิงแล้วจะทำอะไรต่อไป จึงเป็นที่มาขอทาง 7 ข้อที่กระทรวงการต่างประเทศแถลง และในที่ประชุมก็ยอมรับ โดยมีมาเลเซีย สหรัฐอเมริกาและจีนเป็นพยาน เงื่อนไขเหล่านี้จะเกิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้น การประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) วันนี้ไม่ใช่การประชุมเต็มรูปแบบ มอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1 ไปคุยให้ได้ข้อยุติ ซึ่งให้ไปหารือกันใน 6 ประเด็น ส่วนอีกประเด็นที่ไม่ต้องคุย เนื่องจากต้องเอาข้อสรุปนั้นมาหาข้อสรุปในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี)

พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า ขอให้ทุกคนสบายใจว่าการหยุดยิง ไม่ใช่ว่าสั่งหยุดเมื่อคืนนี้แล้วทั้งสองฝ่ายจะมาเล่นตะกร้อ นั่งกินข้าวด้วยกัน ยืนยันต้องคุยกันต่อไป ใน 7 ข้อนั้นอาจจบเดือนหน้าหรือไม่ ยังไม่รู้ แต่การหยุดยิงทำให้ลดความสูญเสียของประชาชน ยืนยันตนต้องคิดทุกอย่าง แต่ในระดับผบ.เหล่าทัพจะมาคิดแบบตนไม่ได้ อยากให้สังคมเข้าใจ นอกจากนี้ ก่อนไปเจรจาตนคุยกับผบ.เหล่าทัพว่า การยุทธจะคืบหน้าได้เร็วหรือไม่ อาจคืบหน้าได้ไม่มากกว่านี้เท่าใดนัก ในขณะเดียวกัน ฝากกระทรวงการต่างประเทศประณามการโจมตีพลเรือนจากฝ่ายกัมพูชา โรงเรียน โรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังใช้ประชาชนของตัวเองเป็นโล่มนุษย์ด้วยการนำอาวุธหนักไปตั้งในหมู่บ้านเพื่อโจมตีไทย ผิดหลักอนุสัญญาเจนีวา ผิดอนุสัญญาออตตาวา

แจงในเวทีเจรจาลงรายละเอียดไม่ได้

พล.อ.ณัฐพลกล่าวอีกว่า ถ้าตนสั่งว่าไม่หยุดยิง ให้เดินหน้าต่อไป ก็จะมีลูกน้องของตนและประชาชนได้รับบาดเจ็บ เราจะเร่งรัดไม่ได้ อยากให้นึกถึงครอบครัวของเขา การหยุดยิงชะลอการสูญเสียไปได้ แต่หลังจากนั้นต้องมีเงื่อนไขต่อไป ซึ่งต้องมาคิดในระดับรัฐบาลและมิติอื่น การที่ตนร่วมยอมรับกับข้อตกลงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ทำภายใต้นโยบายรัฐบาล การต่างประเทศและเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุเป็นห่วงลูกน้อง ประชาชน แต่เหตุใดการเจราจึงไม่ยื่นข้อเสนอให้ปรับกำลังทหารและอาวุธหนักออกไป เพราะปัจจุบันอาวุธยังประจำอยู่ในพื้นที่ และยังสร้างความเสียหายให้ประชาชนเหมือนเดิม พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ในเวทีอย่างนั้นจะมานั่งคุยเงื่อนไขเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องให้แม่ทัพไปคุย แม่ทัพจะรู้ว่าอาวุธหนัก ในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนมากจะเคลื่อนย้ายกันอย่างไร กำลังที่เอามาเพิ่มเติม กำลังที่อยู่ในที่หมายจะทำอย่างไร ต้องลงรายละเอียด จะให้เวทีนั้นมาคุยเรื่องนี้คงไม่ได้ และถ้าให้ตนไปคุยสื่อก็จะมาด่าอีกว่า เหตุใดไม่ถามกองทัพ นี่ไงตนจึงให้กองทัพไปคุย เพื่อให้มีส่วนร่วม หากกองทัพยังคุยไม่จบก็ไม่จบ ถามย้ำว่า ก่อนหน้าปะทะ รัฐบาลให้กองทัพคุยเช่นกันแต่ก็ไม่จบ รอบนี้ให้กองทัพไปคุยอีก แล้วจะจบหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หากไม่จบก็ไม่จบ และอาจยิงกันใหม่ได้

ยันเจรจาหยุดยิงไม่โยงภาษีทรัมป์

เมื่อถามว่า การเจรจาให้หยุดยิงเกี่ยวกับการเจรจาภาษีทรัมป์หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่ ตนดูทุกด้าน ต่างประเทศ เศรษฐกิจ อยากให้พูดด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่มุมเดียวมากล่าวหา

ถามว่า เราจะเรียกร้องอย่างไรไปฝั่งกัมพูชาให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นเขาไม่ได้ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า อย่างที่ตนบอก ถ้าตกลงอะไรไปแล้วเขาปฏิบัติตาม ตนจะไม่ทราบ ตนจึงให้กองทัพเป็นคนคุย ซึ่งกองทัพต้องดูว่าเป็นไปตามนั้นหรือไม่ และกองทัพรายงานมาว่าเขาไม่ทำตามข้อตกลง หรือตนไปตกลงอะไร กองทัพอาจบอกว่าไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ตนจึงให้กองทัพเป็นคนพูด อยากให้สื่อมวลชนทำความเข้าใจตรงนี้ มันเป็นกระบวนการในการมอบความรับผิดชอบ เพราะตนเชื่อใจเลยว่า แม้ตนจะเอา 6 ข้อไปนั่งคุยตรงนั้นจนเรียบร้อยกลับมา กองทัพภาคที่ 1 อาจจะพอใจ แต่กองทัพภาคที่ 2 อาจไม่พอใจ ประชาชนบางส่วนพอใจบางส่วนไม่พอใจ จึงให้กองทัพเป็นคนคุยกัน

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองตกลงหยุดยิงกันแล้ว แต่ฝ่ายทหารยังไม่ปฏิบัติตามเห็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไป ถามย้ำว่า ไม่ได้หยุดยิงอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “ใช่ เขายิงมา เราก็ยิงไป เมื่อช่วงเช้าได้อนุญาตแล้วว่าถ้าเขายิงมาเราก็ยิงไป ตอบโต้กันไป ไม่ใช่เราหยุดยิงเขาไม่หยุดยิงและเรานั่งรอให้เขายิง ท่านคิดว่าผมสั่งอย่างนี้หรือ”

ถกหยุดยิงแต่ถ้าไม่หยุดเราก็ยิงตอบ

ถามย้ำว่า ถ้าในพื้นที่ต้องไปพูดคุยกัน แต่พวกท่านไปพูดคุยกันโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามที่ พล.อ.ฮุน มาเนตต้องการหมดเลย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไร ถามอีกว่า ถ้ามีเงื่อนไข แล้วทำไมถึงแถลงออกมาให้สองฝ่ายหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็มอบให้กองทัพไปพูดคุย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กองทัพบกกำหนดมา เราต้องให้กองทัพบกเป็นคนแถลงมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

ตนบอกทางแม่ทัพว่าคุยกันไป ถ้าไม่รู้เรื่องก็คุยกันไปเรื่อยๆ ถ้าจะยิงก็ยิงกันต่อไป เขายิงมาเราก็ตอบโต้ไป ไม่ใช่ว่าเราหยุดยิง เขายิงมาแล้วเรานิ่งเฉย ไม่ใช่ เราทำทั้งสองอย่าง เมื่อถามย้ำว่า จะเจรจาหยุดยิงไปเพื่ออะไร ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า ถ้าเราไม่เจรจาหยุดยิงมันจะแรงกว่านี้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เราจะตอบโต้สมน้ำสมเนื้อ สมเหตุสมผล แสดงเจตนารมณ์ให้นานาชาติเห็นว่าไทยเคารพสังคมโลกตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตามการเมืองระหว่างประเทศเป็นไปตามขั้นตอน

โต้ลั่นไม่มีเกี้ยเซียะ-ไม่มีใบสั่ง

”วันนี้เป็นแบบนี้ พรุ่งนี้อาจเป็นอีกแบบก็ได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจ เราไม่ได้ไปเกี้ยเซียะกับใครเลย เรายึดหลักผลประโยชน์ของชาติ“ พล.อ.ณัฐพล กล่าว

ถามถึงมีใบสั่งมาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า “ไม่มีคนอย่างผมไม่ได้สนใจว่าต้องมาเติบโตทางการเมือง พอจบภารกิจเขาไม่ให้ทำก็ไปอยู่บ้าน มีความสุข ไม่ต้องมานั่งเจอคนด่าอย่างนี้ แต่ถ้าตนยังอยู่จะทำให้ดีที่สุด คิดถึงผลประโยชน์ชาติ ฉะนั้น ผมไม่สนใจเรื่องใบสั่ง จะเอาเกียรติยศของตัวเองมาแลกตรงนี้ทำไม เป็นทหารมาทั้งชีวิต คิดว่าเพียงพอแล้ว สื่อมวลชนไม่ต้องเป็นห่วง การที่ตนยืนตอบนานๆอยากจะสื่อสารให้เข้าใจจะได้ไปสื่อสารกับสังคม สื่อ 30 กว่าสำนักมีเข้าใจตนสำนักเดียว ก็ดีใจแล้ว