ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายใช้ปืนใหญ่ยิงโจมตีใส่ประเทศไทยก่อน
ทั้งๆ ที่เป็นการโจมตีใส่ประเทศไทยในเขตชุมชน จนทำให้โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ บ้านเรีอนพังพินาศ มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งเด็กน้อยต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ
แต่กัมพูชายังกลับมีหน้ามาประกาศว่า พวกเขาเป็นผู้ที่ถูกกระทำโดยน้ำมือของไทย เล่นบทผู้ถูกกระทำอย่างหน้าตาเฉย
เรียกว่าลงมือเปิดก่อน แล้วก็ฟ้องก่อนซะเลย แบบไม่ต้องสนใจ หรือละอายต่ออะไรทั้งนั้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ชนิดกลับตาลปัตรกันเลยทีเดียว
ทั้งยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศไทย ได้โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งบิดเบือนและดิสเครดิตประเทศไทย ให้มีภาพลักษณ์ที่เสียหายในสายตาชาวโลก อีกทั้งจงใจสร้างความตื่นตระหนกและสร้างความเข้าใจผิด ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
ซึ่งก็มีหลากหลายประเด็นที่ปั้นน้ำกันขึ้นมาสารพัดเรื่อง แต่ในท้ายที่สุดทุกข้อบิดเบือนก็ถูกหักล้างด้วยความจริงทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาพยายามใส่ความไทยเราขนาดไหน ก็ขนาดผู้มีตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ควรจะต้องวางตัวให้เป็นที่น่าเชื่อถืออย่างประธานสภากัมพูชา คือ สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ก็ยังละทิ้งเกียรติของตน ด้วยการกล่าวอ้างในการประชุมสุดยอดประธานรัฐสภาสตรี ครั้งที่ 15 ในห้วงการประชุมสหภาพรัฐสภา (IPU) ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้แนวคิดภาวะผู้นําเพื่อสันติภาพร่วมกัน และยั่งยืน
โดย ควน โซะดารี แสดงความเห็นทั้งน้ำตาแสดงความเห็นอกเห็นใจชาวกัมพูชา อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการโจมตีของไทย ทำให้สตรีและเด็ก เป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการบุกรุกครั้งนี้ พร้อมทั้งยังเรียกร้องให้ทหารไทยหยุดการบุกรุกกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกติกาสหประชาชาติ และละเมิดอำนาจอธิปไตย และอาณาเขตของรัฐ
มิเพียงเท่านั้น ประธานสภากัมพูชา ยังแอบอ้างกล่าวหากองทัพไทยใช้ระเบิดคลัสเตอร์บอมบ์ อาวุธเคมี เครื่องบิน F-16 และอาวุธหนักจํานวนมาก ซึ่งสังหารผู้บริสุทธิ์ ทำให้มีชาวกัมพูชาหลายคนเสียชีวิต รวมทั้งทำให้ที่พักพิงและโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ระบบไฟฟ้าและประปา ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงอีกด้วย
ตรงนี้ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงกับทนไม่ได้ โดยกล่าวถ้อยแถลงประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรไทย ในฐานะประธานหน่วยประจำชาติไทยในสหภาพรัฐสภา (IPU) ว่า รู้สึกเสียใจ และผิดหวังอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยถูกกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง รัฐสภาไทยขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง และขอประณามอย่างรุนแรงต่อถ้อยแถลงอันเป็นเท็จ และไม่มีมูลความจริง ปราศจากความถูกต้อง ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงตามที่กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา รัฐบาลไทยได้ฟ้องไปยังประธานอาเซียน ผู้นำสหรัฐอเมริกา และผู้นำจีนแล้ว
พร้อมกันนี้ ยังขอเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชาหยุดการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิด และซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง เพื่อประโยชน์ฝ่ายเดียว ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และการคุ้มครองชีวิตพลเรือน และข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
แรกทีเดียวก็เหมือนกัมพูชาที่ออกตัวก่อนก็ดูเหมือนว่าจะได้เปรียบเราไปหลายช่วงตัว แต่ตอนหลังไทยเรายึดเอาความจริงเป็นที่ตั้ง มีหลักฐานต่างๆ ที่ชัดเจน ใช้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า เราดำเนินการตามกรอบ ไม่ได้ละเมิดกติกาสากลใดๆ อย่างที่ถูกกัมพูชากล่าวอ้างเลย ทำให้เรากลับมาได้เปรียบกัมพูชาอยู่ไม่น้อย
และที่เข้าเป้าอย่างจังเลยก็คือ การที่ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ได้นำคณะเอกอัครราชทูต อุปทูต ทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ รวมกว่า 150 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยไทยเราได้ยืนยันว่าเหตุปะทะครั้งนี้เกิดจากการโจมตีก่อนของฝ่ายกัมพูชา โดยใช้อาวุธระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากจรวด BM-21 (Grad) ยิงมาจากฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งพื้นที่ที่ถูกโจมตีอีกหลายต่อหลายจุด
พร้อมกันนี้ ยังได้ชี้แจงกับคณะฯที่มาลงพื้นที่ในครั้งนี้ อีกหลายประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นการชี้แจงตามข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
ในครั้งนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ฮือฮาที่น่าชื่นชมขึ้น จากกรณีหญิงไทย 2 คน ได้เล่าเหตุการณ์กัมพูชาโจมตีไทยให้ทูตทหารเนเธอร์แลนด์ฟังเป็นภาษาดัตช์ ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ที่เป็นจุดแรกที่คณะฯ มาตรวจสอบเป็นจุดแรก โดยได้เล่าเหตุการณ์กัมพูชาโจมตีไทยให้ทูตทหารเนเธอร์แลนด์ฟัง จนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ และได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก โดยผู้คนมองว่า คณะฯที่มาตรวจสอบครั้งนี้จะได้รับข้อมูลตรงจากปากคนที่อยู่ในพื้นที่
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการจัดแคมเปญ #TruthFromThailand เพื่อใช้ความจริงสู้กับเฟคนิวส์ที่ฝั่งกัมพูชาพยายามปลุกปั่น บิดเบือน ใส่ร้ายประเทศไทยให้ดูเป็นผู้ร้าย
น่าชื่นใจตรงที่มีคนไทยผู้รักชาติที่ไม่ยอมนิ่งเฉยหลายๆ คน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก พยายามอัดคลิปชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้สังคมโลกได้เข้าใจความเป็นจริงในสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ให้รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริง อะไรเป็นเรื่องลวงโลก
เป็นการต่อสู้เพื่อประเทศชาติอีกทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่ต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่ต่อสู้ด้วยสติปัญญา ต่อสู้ด้วยความจริง ให้เกิดความกระจ่างแก่ชาวโลก ปกป้องชื่อเสียงของประเทศไทย
สำหรับบุคคลที่ได้กระทำการดังกล่าว ถือว่าท่านได้ทำเพื่อประเทศชาติคู่ขนานไปกับทหารไทยที่ต่อสู้อย่างยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องอธิปไตย
ขอคารวะทุกท่านที่ต่อสู้เพื่อชาติไทยด้วยใจจริง
ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี