‘ภูมิธรรม’ มอบนโยบายปราบยาเสพติด ผ่านกลไกความร่วมมือ 3 ฝ่าย ร่วมป้องกันปราบปรามฟื้นฟูผู้เสพฯ พร้อมตั้ง KPI ภายใน 3 เดือนเห็นผลเป็นรูปธรรม
7 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 10.15 น. ที่อิมแพคเมืองทองธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยได้เน้นย้ำนโยบาย ว่าประเทศไทยจะต้องปลอดยาเสพติดทั่วทั้งแผ่นดิน ภายใน 3 เดือนนี้ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยจะมีตัวชี้วัด (KPI) สำคัญคือ ประชาชนในชุมชนต้องบอกว่าไม่มียาเสพติด
นายภูมิธรรม ยังระบุด้วยว่า ภายใน 3 เดือนนี้จะเป็นจุดแตกหัก และเป็นผลของการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งหัวใจทั้งหมดอยู่ที่หมู่บ้านและชุมชน โดยใช้กลไกความมั่นคงในระดับพื้นที่ร่วมกันทั้ง 3 ฝ่ายคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของทหารที่รับผิดชอบซีลชายแดนในการสกัดเบื้องต้นด้วย รวมถึงอีกหลายภาคส่วน ถ้าพร้อมใจกันก็ทำงานร่วมกันได้ และเพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดเกิดผล อย่างเป็นรูปธรรม ตนขอมอบแนวทางดำเนินงานให้ทุกส่วนเร่งรัดดำเนินการ ดังนี้
เรื่องแรก คือมาตรการป้องกัน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกันบูรณาการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล วางกำลังและจัดกำลังร่วมกัน เพื่อสนับสนุนภารกิจของกันและกัน โดยเน้นย้ำให้ใช้กลไกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครรักษาดินแดน ในการช่วยสอดส่อง พร้อมชื่นชมจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดน่าน ที่เป็นโมเดลต้นแบบ ขณะเดียวกัน ให้ทุกฝ่ายช่วยกันควบคุม ขจัดพื้นที่เสี่ยงที่จะเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด และใช้เครือข่ายชุมชน เป็นเครือข่ายตาสับปะรดในการช่วยป้องกันคนในชุมชนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด นอกจากนี้ขอให้ทุกจังหวัดและทุกหน่วยงานน้อมนำหลักการและแนวคิดของกองทุนแม่ของแผ่นดินมาช่วยสนับสนุน เสริมสร้างพลังแห่งความดีของสมาชิกในหมู่บ้านและชุมชน ในการร่วมป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ขอให้ผู้ว่าฯและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจัดทำข้อมูลเพื่อระบุหมู่บ้านชุมชนที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเพื่อนำมาตรการเชิงรุกเข้าควบคุม จัดระเบียบสังคม และควบคุมสถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง ที่เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด ไม่ให้เป็นแหล่งกระจายยาเสพติด ตัดวงจรและสกัดกั้นการเข้าถึงยาเสพติดทุกพื้นที่ ตลอดจนตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อเป็นการยับยั้งโอกาสในการเกิดการกระทำความผิด ขอให้กำชับและเน้นย้ำให้นายอำเภอใช้มาตรการซีล สต็อป เซฟ ตรวจพื้นที่ชายแดน และช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มข้น และขยายมาตรการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ขณะที่มาตรการปราบปราม ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยึดหลักเด็ดขาด โปร่งใส ไม่ละเว้น การที่ชาวบ้านรู้แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ถือเป็นความผิด ต้องสืบสวนขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ ควบคู่กับการค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในทุกพื้นที่ตามมาตรการรีเอ็กซเรย์ โดยทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างตำรวจ ทหาร หน่วยความมั่นคงในพื้นที่และกลไกฝ่ายปกครอง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำในการปราบปรามตามบริบทและความเหมาะสมของพื้นที่ ให้ใช้กลไกฝ่ายปกครองในพื้นที่ สนับสนุนการหาข่าว ซึ่งเรื่องการข่าวเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าการข่าวแม่นยำจะตรวจจับได้ลึกถึงผู้ค้า ผู้บงการ ขณะเดียวกันได้ใช้กลไก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เข้ามาเกี่ยวข้องในการตรวจสอบให้ลึกไปถึงต้นทาง หากพบก็จะใช้กลไกเหล่านี้ ในการยึดทรัพย์ผู้ค้าโดยเฉพาะรายใหญ่
ส่วนมาตรการบำบัดฟื้นฟู ขอให้ผู้ว่าและสาธารณสุขจังหวัด บูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อคืนคนคุณภาพสู่สังคม ผู้เสพต้องได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยยึดการปฏิบัติตามหลักการผู้เสพคือ ผู้ป่วย ส่งเข้าบำบัดรักษา แทนการดำเนินคดี ลดการตีตราและสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างอาชีพให้ผู้ผ่านการบำบัด ให้กลับเข้าสู่สังคมอย่างเป็นสุขและเป็นธรรม
ขณะเดียวกันให้พัฒนาการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟู ทั้งในระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการยกระดับศูนย์บำบัดยาเสพติดในพื้นที่ให้มีมาตรมาตรฐานเดียวกัน ดำเนินการหนึ่งจังหวัด หนึ่งสถานฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดเป็นอย่างน้อย และพัฒนาระบบติดตามผู้ผ่านการบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าผู้ผ่านการบำบัดจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำอีก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เพื่อให้มาตรการที่ตนได้มอบนโยบายเห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 3 เดือน ขอให้ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดอย่างเข้มข้น ดังนี้ ผลการดำเนินงานในการสกัดกั้นยาเสพติด ในจังหวัดชายแดนเปรียบเทียบกับในจังหวัดทั่วประเทศ คือ ชายแดนมีการจับกุมจำนวนมาก ขณะที่ในพื้นที่ภายในต้องมีจำนวนลดลง ในการจับกุมผู้ค้า ต้องสามารถขยายผลถึงเครือข่ายได้ จำนวนผู้พิเศษที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู จะต้องนำทุกรายเข้ากระบวนการฟื้นฟู การดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากพบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้นและทันที และการขยายเครือข่ายพลังชุมชนเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน จะต้องทำให้หมู่บ้านและชุมชนเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นเพื่อดำเนินงานอย่างจริงจังของกลไกมหาดไทย และทุกระดับ พลังการบูรณาการผ่านหน่วยงานหลักของประเทศ ในการแก้ปัญหายาเสพติด ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชนจะต้องปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ทุ่มเททำงานอย่างมุ่งมั่นจริงจัง เราจะเอาชนะปัญหาร่วมกัน ด้วยการป้องกัน ป้องปรามปราบปรามบำบัดฟื้นฟู และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไทย ปลอดภัยยาเสพติดทุกพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการ NO DRUGS NO DEALERS สู่ ZERO DRUGS ประเทศไทยต้องปลอดยาเสพติด.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี