"ภูมิธรรม"ยัน กต.เตรียมยื่นฟ้องยูเอ็น "กัมพูชา"ผิดอนุสัญญาออตตาวา ซัด"เขมร"จงใจไม่ให้เกิดสันติภาพ ระบุให้กองทัพ-ภาคส่วนเกี่ยวข้องทำความเข้าใจปชช. หลังหวาดระแวงอพยพอีกรอบ ย้ำรัฐบาลไม่ขัดข้อง พร้อมสนับสนุนเครื่องมือป้องอธิปไตย เปิดงบกลางรองรับไว้แล้ว นักวิจารณ์การเมืองหนาว ลั่นฟ้องแน่ บิดเบือนข้อมูล บอกต้องทำให้เป็นที่ประจักษ์
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนขาขาดอีก 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า ตนได้รับทราบแล้ว และขอแสดงความเสียใจต่อนายทหารท่านนี้ เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ เพราะท่านกำลังทำหน้าที่อยู่ ส่วนที่มีทหารระบุหลังจากเกิดกรณีนี้ต้องมีการปกป้องตนเองนั้น ตนคิดว่า ตามสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบและเป็นปัญหาที่ผิดอนุสัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการใช้กับระเบิด ผิดอนุสัญญาออตตาวาอยู่แล้ว มีขั้นตอนของมันว่าจะต้องไปดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้องกับทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ทางยูเอ็นจะมีขั้นตอนในการที่จะแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายทราบ และจะมีกระบวนการที่จะดำเนินการต่อไป ตรงนี้สามารถทำได้ตามกฎหมาย เมื่อเช้าวันเดียวกัน (13 ส.ค.) ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เขาเตรียมพร้อมที่จะยื่นอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่กระทำได้และควรกระทำ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ความประสงค์ของกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดสันติภาพ เดี๋ยวคงจะได้มีกระบวนการและคงได้คุยกันกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางรัฐบาลจะต้องส่งสัญญาณไปในพื้นที่หรือไม่ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันมีกระบวนการของมันอยู่แล้ว โดยเฉพาะทางกองทัพบกที่จะช่วยดำเนินการ ซึ่งเขาอยู่ในหน้างานอยู่แล้ว เขาสะท้อนให้ทราบ โดยกองทัพกับ กต.และรัฐบาล จะมีการคุยกัน ทั้งหมดเป็นส่วนเดียวกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เพราะพอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจและเริ่มอพยพออกจากบ้านเรือนอีกครั้งแล้ว โดยเฉพาะที่ จ.ศรีสะเกษ และ อ.พนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเห็นใจประชาชนที่ยังคงมีความหวาดระแวง แต่เป็นหน้าที่ของทุกส่วน ทั้งกองทัพและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้นให้อยู่ในภาวะที่ไม่ตื่นตระหนกเกินไป และเดี๋ยวนี้สื่อมีมากมาย ทั้งสื่ออิสระและสื่อหลัก มีความพยายามปั่นข่าวให้เกิดความไม่สบายใจขึ้น จึงอยากขอร้องทุกคนให้ช่วยกัน อย่างสื่อสาธารณะ สื่อหลัก ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจ จะช่วยได้มาก
เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เสนอให้ กต.ยื่นเรื่องไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กต.ทำมาหลายเรื่อง ที่ผ่านมาได้มีการคุยกับเลขาธิการยูเอ็นและหลายๆ ส่วน รวมถึงทางคณะกรรมการของอนุสัญญาออตตาวา โดย กต.ยืนยันว่าทำไปทุกอย่างแล้ว ซึ่งดีอยู่แล้ว เราพยายามทำอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ การชี้แจงหรือการทำความเข้าใจกับประชาชนและการที่จะสามารถทำให้นานาชาติได้รับรู้ อาจจะยังทำช้าไปหรือเสียงดังไม่พอ แต่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศยืนยันว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ ท่านเชื่อมั่นว่าต่างประเทศเข้าใจเรามากกว่ากัมพูชา เพราะทุกคนมองเห็นและได้เห็นรายละเอียดต่างๆ แล้ว ตนยังบอกไปว่าสิ่งสำคัญคือประชาชนในประเทศนี่แหละ ถ้าทำให้ประชาชนในประเทศเข้าใจจะเป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้น
เมื่อถามถึงกรณี กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากเรียนทำความเข้าใจกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จริงๆ ในกระบวนการหากคิดว่าไม่พอ สามารถแจ้งมาที่กองทัพหรือผู้บัญชาการทหารบกได้ และสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะจัดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ตนพูดอยู่ตลอดเวลากับแม่ทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ว่าอะไรที่ขาดหรือจำเป็นให้รีบทำเรื่องเสนอขึ้นมา รัฐบาลจะให้งบกลางช่วยเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้เสนอมา ส่วนใหญ่เสนอมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากเสนอขึ้นมาอนุมัติหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณกำลังพลทั้งหมด จริงๆยังไม่จำเป็นไปถึงขนาดขึ้นเพจเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนมาช่วย ตนคิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง อยากจะเรียนให้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ทราบเพราะว่าถ้าขาดจริงๆบอกมา เรามีงบประมาณให้อยู่แล้ว และได้บอกไปแล้วว่า ตอนนี้อะไรที่สามารถเอามาจากตรงไหนได้ให้เอามาก่อน ตรงไหนขาดบอกมาจะใช้วิธีพิเศษที่สามารถพิจารณาให้ได้เลย เพื่อให้ได้ของ ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันได้
"รัฐบาลยืนยันว่า อะไรที่ขณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังพลในการรักษาอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลนี้ไม่ขัดข้อง ได้มีการเปิดงบกลางให้ได้ใช้อยู่แล้ว" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนอยากขอความกรุณาและกราบเรียนพี่น้องประชาชน ช่วยกันในการแก้ปัญหา ตนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน แต่ว่าอยู่ในฐานะหน้าที่เราพยายามจะนิ่งให้ได้มากที่สุด การที่บอกว่าตนไปเข้าข้างเขมร บอกว่าระเบิดที่ลงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้ ไม่จริงนะครับ และถ้าไปดูเทปทั้งหมดเขาถามว่าจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ทำไมระเบิดถึงลงเฉพาะที่นี่ ตนก็บอกว่าเขาไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย หากยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมายจะไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลย เป็นการยิงด้วยระเบิด BM-21 ที่ออกมาทีจำนวนมากกระจัดกระจายไม่ได้ไปที่เป้าหมายทางทหาร นั่นหมายความว่าพลเรือนและโรงพยาบาล ตนคิดว่าอย่าเอาไปบิดเบือน ทำลายรัฐบาล ไว้วางใจสร้างความไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความแตกแยก
"ซึ่งมีนักวิจารณ์การเมืองบางคน ไปพูดว่าให้ตัดขาผม จะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้ผมจะฟ้องหมด ผมนี่เป็นคนที่ไม่คิดจะฟ้องใคร แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์อย่างที่ผมเคยทำในอดีต ผมเคยถูกโจมตี จนกระทั่งสนธิแพ้ผมในชั้นศาลฎีกา อันนี้เคยมาแล้วขอโทษมาแล้ว เรื่องนี้เหมือนกันอย่าพูดอะไรพล่อยๆ อย่าพูดอะไรทำให้เกิดความแตกแยก อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายคนอื่นอยากให้สื่อช่วยด้วยในสิ่งที่ผมพูดไป ไม่อย่างนั้นผมจะพูดในสิ่งที่ควรจะพูดเท่านั้น จะไม่พูดอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว เพราะพูดไปแล้ว มีการไปทำร้ายกัน เอาไปบิดเบือนกัน ตัดตอนบางส่วนที่พูด แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือ ผมคิดว่าต้องทำให้เป็นธรรม ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหมาะสม อันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจผม กำลังจะให้ทนายผมดำเนินการฟ้องทั้งหมด ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งข้อมูลและสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเก็บไว้หมดแล้ว" นายภูมิธรรม กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี