‘กมธ.มั่นคง’จี้ฝ่ายความมั่นคงรับมือ‘แรงงานข้ามชาติกัมพูชา’-จัดการระบุตัวตน‘ชาวเมียนมา’

‘กมธ.มั่นคง’จี้ฝ่ายความมั่นคงรับมือ‘แรงงานข้ามชาติกัมพูชา’-จัดการระบุตัวตน‘ชาวเมียนมา’

วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 14.36 น.

‘กมธ.มั่นคง’จี้ฝ่ายความมั่นคงจัดการระบบรับมือ‘แรงงานข้ามชาติกัมพูชา’-จัดการระบุตัวตน‘ชาวเมียนมา’ แนะป้องกันลักลอบเข้าช่องทางธรรมชาติ ฝาก‘ก.แรงงาน’สำรวจตัวเลขกลุ่มขาดแคลน หวังคนไทยใช้โอกาส

20 สิงหาคม 2568 ที่รัฐสภา นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีประเทศไทยกำลังขาดแคลนแรงงานเนื่องจากมีผู้ประกอบการยื่นเรื่องเข้ามา ว่า แรงงานนอกราชอาณาจักรที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรประเทศไทย เพราะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ที่สำคัญคือเหตุผลและความจำเป็นเรื่องนี้คือเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางชายแดน ทั้งฝั่งกัมพูชาและเมียนมาตามข้อตกลงในรัฐบาลไทย ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาคือมีข้อตกลงในการรับแรงงานเข้ามาในประเทศไทยมี 3 ประเทศหลักคือ เมียนมา กัมพูชา และลาว เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชา ข้อมูลที่ได้รับคือแรงงานกลับไปสู่ประเทศจากความกดดันของรัฐบาลกัมพูชาประมาณ 800,000 กว่าคน และที่ยังค้างอยู่ในประเทศไทย ไม่ยอมกลับอีกประมาณ 20% ถือว่าเป็นจำนวนน้อยมาก สถานการณ์ตอนนี้แรงงานของกัมพูชามีความพยายามที่จะเข้ามาทำงานเพราะกลับบ้านแล้วไม่มีงานทำ เรื่องนี้ต้องหารือกับทางสภาความมั่นคงว่าแนวทางจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร โดยทางกมธ.จะหารือกันต่อไป


นายมานพ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญคือ แรงงานที่เราจำเป็นจะต้องใช้ปัจจุบัน อาทิ ก่อสร้าง การบริการ การเกษตรต่อเนื่อง การผลิตอาหาร ซึ่งสิ่งที่เราหารือกันในวันนี้คือมี 2 ส่วนคือ ส่วนแรกแรงงานที่เป็นสัญชาติกัมพูชาได้กลับประเทศไป โดยกลับเข้ามาสู่ในประเทศไทยได้อย่างไรเป็นเรื่องของทางรัฐบาลและความมั่นคงจะหารือกัน แต่เข้าใจว่าจะต้องมีการแอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติแน่นอน และในส่วนที่ 2 คือแรงงานทางเมียนมา ต้องต่ออายุ ปรากฏว่าเจอปัญหาคือประเทศต้นทางมีปัญหาเรื่องของเหตุการณ์ภายในประเทศไม่สงบ หากจะขอต่ออายุต้องไปแสดงตัวตน หรือ CI และต้องตรวจสุขภาพ ซึ่งข้อเท็จจริงคนเหล่านี้ทำงานในประเทศประเทศไทยเพียงแต่อายุที่อาศัยในประเทศไทยกำลังจะหมดอายุลง

นายมานพ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือกรณีระบุตัวตนคือเป็นความประสงค์ของรัฐบาลเมียนมาให้ไปขึ้นทะเบียน แต่พบว่าแรงงานจำนวนมากจะไม่ยอมไปขึ้นทะเบียน จึงเกิดปัญหาต่อคือหากไม่ไปรายงานตัว ก็จะอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และสาเหตุที่ไม่มารายงานตัวคือปัญหาภายในประเทศ เนื่องจากไม่อยากแสดงตัวตนต่อรัฐบาล อาจจะเป็นเรื่องความปลอดภัย หรือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่อาณัติของเมียนมา อย่างไรก็ตาม วันที่ 8 ก.ย. ทางกมธ. จะไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าวในกรณีการระบุตัวตน เพราะประเทศไทยต้องได้รับผลประโยชน์แต่ทำไมเราต้องฟังทางรัฐบาลเมียนมาอย่างเดียว เพราะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่แรงงานไม่ยอมไปขึ้นทะเบียน แต่อย่างใดจะฝากให้กระทรวงแรงงาน กลุ่มแรงงานที่ขาดแคนในเวลานี้ต้องมีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีที่ไหนบ้าง เพื่อให้แรงงานในประเทศไทยที่อยากทำงานใช้โอกาสนี้ให้ไปทำงาน

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top