'พรรคร่วมฝ่ายค้าน-รองปธ.สภาฯ'รับข้อเรียกร้อง'ม็อบรวมพลังแผ่นดิน' ชงเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ ถกปมร้อน'ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา' จี้เร่งพิจารณาญัตติด่วนMOU43-44 กระตุกนักการเมืองร่วมป้องอธิปไตย - บี้'แพทองธาร'ออกจากนายกฯ ด้าน'ภูมิใจไทย'ร่อนแถลงการณ์หนุนยกเลิก ดันตั้ง'กมธ.'ระดมกึ๋นศึกษาสารพัดปัญหาคาราคาซังเรื่อง'เส้นแบ่งเขตแดน' ลาม'ผลประโยชน์ทางทะเล'ก่อนทำ'ประชามติ'ถามปชช. ขณะที่'โรม'เจอมวลชนด่า-โห่ไล่ยับ ร้อนถึง'แก้วสรร'ต้องเสียงแข็งปราม ลั่นจะขอพิสูจน์ตัวเองเพื่อเอาชนะใจด้วยการทำงาน
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2568 ที่ลานประชาชน อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุม ของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เพื่อเรียกร้องให้สภาฯยกเลิก MOU2543-44 และปักหลักติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาฯพิจารณาบันทึกความเข้าใจ(Memorandum of Understanding : MOU) ฉบับที่ 43 และฉบับที่ 44 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ที่สส.พรรคภูมิใจไทย เสนอ เข้าสู่ช่วงบ่าย เป็นไปอย่างคึกคัก มวลชนทยอยเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมการชุมนุมต่อเนื่อง มีวิทยากรของทางกลุ่มเดินทางมาสมทบเพื่อสังเกตการณ์ และขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศไทย นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมายทอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
จากนั้นในเวลาประมาณ13.10น. สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่าง พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน นำโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึง ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม เดินทางออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากทางกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ โดยมีนายแก้วสรร อติโพธิ นักกฎหมายอิสระ เป็นตัวแทนยื่นหนังสือ
โดยนายไชยชนก กล่าวว่า ตนอยากคุยในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพิ่งเข้ามาเป็นนักการเมืองสมัยแรก ได้เรียนรู้ได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง ในประสบการณ์2ปีกว่าที่ผ่านมา เรียนตามตรงว่าตนเห็นไม่ต่างจากท่าน และมีความกังวลไม่ต่างจากท่าน ในเรื่องของวิกฤตต่างๆที่ประเทศกำลังเผชิญตอนนี้ ทั้ง เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ความมั่นคง และการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่ตนได้เห็นภายใต้มรสุมวิกฤตเหล่านี้ที่ตนไม่เคยได้เห็นมาก่อน จึงอยากบอกและเตือนสติให้เป็นขวัญกำลังใจว่า ตนไม่เคยเห็นคนไทยมีความสามัคคี มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นไม่ว่ากระบวนการต่างๆ ระบบต่างๆจะมีผลลัพธ์อย่างไร ขอให้ทุกคนยึดมั่น สามัคคีกันแบบนี้ต่อไป ตนเชื่อว่าเราจะผ่านได้ทุกวิกฤต เรื่องMOUอาจเป็นเรื่องหนึ่ง หวังว่าคนไทยจะรวมพลังกันต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ
จากนั้นนายไชยชนก ได้อ่านแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีการหยิบยกข้อมูลที่เกี่ยวเนื่อง จาก MOU
ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา มากล่าวถึงมากยิ่งขึ้นนับแต่มีการปะทะกัน และพบการเปิดเผยข้อมูลจากทางการไทยว่าทางฝั่งกัมพูขาได้ละเมิด MOU มากกว่า 600 ครั้ง พรรคภูมิใจไทย ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ถึงแม้ในห้วงเวลาดังกล่าว สส.ของพรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยดูแลพี่น้องประชาชน ตามศูนย์อพยพใน 4 จังหวัด (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี) มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์ในประเด็นดังกล่าวอยู่โดยตลอด โดยฝ่ายที่ต้องการยกเลิกมองว่า MOU ทั้งสองฉบับส่งผลกระทบต่อเขตแดน และปัจจุบัน ไทยกำลังเผชิญการรุกล้ำดินแดนอย่างชัดเจน ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการคงไว้ให้เหตุผลว่าจำเป็นเพื่อรักษา ช่องทางการเจรจาระหว่างประเทศ
นายชไยชนก ระบุต่อว่า โดยที่ MOU ปี 2543 เป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดทำ หลักเขตแดนทางบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชายังมีข้อพิพาทคาราคาซัง ส่วน MOU ปี 2544 เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตทางทะเลที่อุดมด้วยทรัพยากรมหาศาล โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติ พรรคภูมิใจไทย เห็นว่า หากแม้ในอนาคตจะยกเลิก MOU ปี 2543 และ MOU ปี 2544 ไทย และกัมพูชา ก็สามารถเจรจาทวิภาคีกันได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เหมาะสมที่สุดที่สภาผู้แทนราษฎร ควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การยกเลิก
โดยทางพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นญัตติด่วนให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการยกเลิกที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อกรรมาธิการที่จะตั้งขึ้นมา พิจารณามีข้อมูลครบถ้วนแล้ว เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชน และขั้นตอนสุดท้าย ควรฟังเสียงประชาชน โดยการจัดทำประชามติ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งประเทศ
“พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง พิจารณาสนับสนุนแนวทางการดำเนินการนี้เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องของชาติบ้านเมือง อยู่เหนือการเมืองระหว่างพรรค อยู่เหนือการเมืองในประเทศ เรื่องของชาติบ้านเมืองคือการรวมใจ รักษาชาติสืบไป” เลขาฯภูมิใจไทย กล่าว
จากนั้นนายแก้วสรร เป็นตัวแทนกลุ่มฯ ยื่นข้อเสนอให้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อขอให้พิจารณาเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ เพื่อให้มีการอภิปรายในสภาฯอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะที่นายรังสิมันต์ ในฐานะตัวแทนพรรคประชาชน ก็ได้ขึ้นเวทีมารับข้อเรียกร้อง แต่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากมวลชนด้านล่างเวที มีการตะโกนด่าทอขึ้นมาเป็นระยะ ทางผู้ดำเนินงาน รวมถึงนายแก้วสรร พยายามขอให้มวลชนอยู่ในความสงบ และชี้แจงว่า เราเป็นอารยชน บนเส้นทางการต่อสู้ ปัญหาร่วมกัน เราต้องร่วมมือกัน จากนั้นนายรังสิมันต์ จึงกล่าวว่า ตนถือว่าทุกคนที่มาที่นี่เป็นผู้รักชาติ ล้วนปราถนาให้ประเทศชาติมีความมั่นคงสถาพร ตนทราบดีว่า ประชาชนมีความอึดอัด มีความเจ็บปวด และปราถนาเห็นความเปลี่ยนแปลง ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน และสส.ของพรรค ก็อยากเห็นประเทศไทยทำทุกทางในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่รังสิมันต์กำลังพูดบนเวที ได้มีเสียงโห่ และการตะโกนด่าด้วยคำหยาบจากมวลชนด้านล่างของเวทีขึ้นมาเป็นระยะๆ จนนายแก้วสรร ต้องปรามด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า ”เขาให้เกียรติพวกเรา เราต้องให้เกียรติเขา หยุดโห่เดี๋ยวนี้“ จากนั้นนายรังสิมันต์ จึงกล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจริงใจของพรรคประชาชน ที่เราปราถนาดีต่อประเทศชาติ ยืนยันว่าพรรคประชาชนเห็นถึงความต้องการของประชาชน เราพร้อมพูดคุยในเรื่องMOU จุดยืนของพรรคประชาชน เราจะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ใช้เวลาไม่นาน และต้องมีข้อยุติ
“พี่น้องอาจไม่เชื่อพวกผม อาจไม่ไว้วางใจพวกผม นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องน้อมรับ เราในฐานะตัวแทนประชาชนต้องน้อมรับกับความรู้สึกของประชาชนให้ได้ ผมในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน จะใช้การทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์ในการเอาชนะจิตใจของพวกท่านให้ได้ พรรคประชาชนเป็นพรรคการเมืองที่ไม่เคยประวัติในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เราเป็นพรรคการเมืองที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ด้วยเกียรติของผม เมื่อครู่นี้เรามีการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เราได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากทางกองทัพ และฝ่ายรัฐบาล เราพยายามเชื่อมร้อย เพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ผมพูดตรงนี้ต่อประชาชนที่อาจครหาผม แต่นี่คือคำสัญญาของผมที่ผมจะยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ผมจะพิสูจน์ให้เห็น ผมจะชนะใจพวกท่านด้วยการทำงานของผม“ นายรังสิมันต์ กล่าว
ทั้งนี้ในระหว่างนายรังสิมันต์ กล่าวบนเวที ยังคงมีเสียงโห่ เสียงด่าจากมวลชนขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่1 เป็นตัวแทนสภาฯ ออกมารับข้อเรียกร้องจากทางกลุ่มฯ เพื่อขอให้สภาฯ ดำเนินการพิจารณาญัตติด่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา 2 และเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43-44 กระตุ้นให้นักการเมืองทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย รวมทั้ง ขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี