ซัดเกมการเมือง ทนายข้องใจปม‘เขากระโดง’ กังวลDSIมุ่งดันเป็นคดีพิเศษ

ซัดเกมการเมือง ทนายข้องใจปม‘เขากระโดง’ กังวลDSIมุ่งดันเป็นคดีพิเศษ

วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ซัดเกมการเมือง

ทนายข้องใจปม‘เขากระโดง’

กังวลDSIมุ่งดันเป็นคดีพิเศษ

 

ดีเอสไอเผยพื้นที่ดินเขากระโดงวัดใหม่เหลือ 4,414 ไร่ จากเดิม 5,083 ไร่พบโฉนด-สิ่งปลูกสร้างทับที่สาธารณะและนิติกรรมต้องสงสัยหลายแปลง เก็บหลักฐาน 3 วัน เตรียมเสนอวิเคราะห์ อาจพัฒนาเป็นคดีพิเศษ ด้าน “ทนายชนินทร์” สงสัยการลงพื้นที่ของดีเอสไอโดยผิดสังเกต อาจมีนัยทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์


เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 พันตำรวจตรี ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะพนักงานสืบสวนคดีที่ 97/2568 ลงพื้นที่แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ตามคำสั่งศาลปกครอง

จากการตรวจสอบ พบว่าแผนที่การรถไฟที่จัดทำร่วมกับสำนักงานที่ดินบุรีรัมย์ แสดงพื้นที่เดิม 5,083 ไร่ แต่ผลการวัดระบบใหม่เมื่อ ก.ค. 2567 เหลือเพียง 4,414 ไร่ นอกจากนี้ยังพบสิ่งปลูกสร้างบางส่วนทับทางสาธารณะ และการออกโฉนดน่าสงสัยหลายแปลง รวมถึงมีหน่วยงานรัฐ 12 หน่วยงานตั้งอยู่ในพื้นที่รถไฟ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง

ทั้งนี้ ยังพบการทำนิติกรรมโฉนดจำนวน 513 ไร่ ที่ได้รับการรับรองแนวเขตจากเจ้าหน้าที่การรถไฟ แต่ยังอยู่ในเขตที่ดินรถไฟ ซึ่งต้องตรวจสอบต่อ ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่ทับทางสาธารณะ เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองท้องถิ่นในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยจากข้อมูลสำนักงานที่ดินตั้งแต่ปี 2513–2539 มีทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับการรับรองจากการรถไฟ

ดีเอสไอ ระบุว่าหลักฐานทั้งหมดที่เก็บได้จากการลงพื้นที่ 3 วัน จะถูกนำมาวิเคราะห์ และมีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับเป็นคดีพิเศษ หากพบมูลความผิดชัดเจน

ทางด้าน นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีเขากระโดง กล่าวถึงการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนคดีที่ดินเขากระโดง ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อรวบรวมหลักฐานพิจารณาจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ว่า ดีเอสไอกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ เรื่องเขากระโดงไม่ใช่คดีพิเศษอะไร เป็นเพียงข้อพิพาทสิทธิในที่ดินที่กฎหมายกำหนดช่องทางไว้ชัดเจน คือให้พิจารณาตาม มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และศาลปกครอง ชี้แล้วว่าอำนาจเพิกถอนโฉนดเป็นของอธิบดีกรมที่ดิน ไม่ใช่ของดีเอสไอ แต่กลับเห็นความพยายามเร่งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพียงเพราะต้องการสร้างแรงกดดันทางการเมือง

นายชนินทร์ กล่าวว่า การนำเอกสารอย่าง ร.ว.9 หรือ ส.ค.1 มาโบกเป็นธง ทั้งที่รู้กันดีว่าไม่ใช่เอกสารกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงแจ้งการครอบครองแบบเดียวกับประชาชนทั่วไป แถมยังมีปัญหามาตราส่วนผิดเพี้ยนในแผนที่ ก็สะท้อนเจตนาชัดว่าไม่ได้ทำเพื่อหาความจริงทางกฎหมาย แต่ทำเพื่อสร้างเรื่องให้สังคมเชื่อว่าประชาชนคือผู้บุกรุก ทั้งที่ประชาชนถือโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย

“สิ่งที่น่ากังวลคือการเร่งทำคดีนี้ให้กลายเป็นคดีพิเศษเกิดขึ้นหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกกดดันให้เร่งปิดเกม ทั้งที่ความจริงปัญหาคาราคาซังมาหลายสิบปี ทำไมเพิ่งจะเร่งเอาตอนนี้ คำตอบมีเพียงข้อเดียวนี่คือการเมือง ไม่ใช่ความยุติธรรม” นายชนินทร์ กล่าว

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า หลักกฎหมายชัดเจนว่าถ้ารัฐต้องการเพิกถอนโฉนด ต้องดำเนินการผ่านคณะกรรมการสอบสวนตาม มาตรา 61 ให้ครบถ้วน ให้ประชาชนมีสิทธิโต้แย้ง ไม่ใช่ใช้ดีเอสไอ มาย่ำยีสิทธิของประชาชนโดยไม่มีเหตุอันควร การกระทำแบบนี้ไม่ใช่การปกครองโดยกฎหมาย แต่เป็นการปกครองโดยอำนาจทางการเมืองที่พยายามใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top