‘ภูมิธรรม’ชี้ไทยกำลังเป็นต่อ
อย่าแตกประเด็นMOU43-44
กต.ตั้งโต๊ะแถลงข้อดี
‘วิสุทธิ์’ปัดพท.หนีญัตติ
“ภูมิธรรม”ขออย่าแตกประเด็นหลังหลายฝ่ายแนะยกเลิก MOU43-44 ชี้ไทยกำลังเป็นต่อ ขณะที่ กต.แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิก หนีแผนที่ 1:200,000 ไม่พ้น จะวนมาทำ MOU กันใหม่ ด้าน“วิสุทธิ์”ยันไม่ได้ปิดประชุมหนีฝ่ายค้านยื่นญัตติ MOU43-44 “เพื่อไทย”ไม่เคยสกัดกั้น อ้างวิปฝ่ายค้านเองไม่มาตอบให้ชัดเอง ลั่นมาบอกได้เลย จะเสนอให้ทันที แขวะพูดดีก็เป็นศรีแก่พรรค พูดร้ายไร้เหตุผลเสียหายเอง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน MOU 43 และ MOU 44ว่า ตอนนี้เรื่องทุ่นระเบิด และเรื่องของลวดหนาม เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ควรจะจับเรื่องที่เป็นประโยชน์ก่อน เรื่องอื่นค่อยพูดถึง ขณะนี้เราเป็นต่อ เราเป็นฝ่ายชอบธรรม ในเรื่องทุ่นระเบิดที่เขาเสียหายอยู่ ซึ่งสิ่งนี้กำลังเป็นเรื่องที่คุยกับนานาชาติ อย่าไปทำให้เรื่องมันมีหลายประเด็น จะทำให้การคุยกันยากขึ้น
วันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU43ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43
อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แสดงความมั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง รวมถึงยังมีเอกสารอื่นๆ เช่น แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และ 1907 ระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส จึงเป็นที่มาของ MOU43 และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทย-กัมพูชา
โดยหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา มีหน้าที่สำรวจจัดทำหลักเขตแดน กำหนดอำนาจหน้าที่ กำหนดความเร่งด่วนของพื้นที่ และมอบหมาย และกำกับคณะอนุกรรมาธิการเทคนิค หรือ JTSC ผู้ที่ลงพื้นที่เพื่อสำรวจเขตแดน และพิสูจน์ตำแหน่งที่แน่ชัดของหลักเขตแดนทั้ง 74 หลัก เพื่อจัดทำแผนที่ รวมถึงการพิจารณารายงาน และข้อเสนอของคณะกรรมาธิการเทคนิค และที่สำคัญคือการผลิตแผนที่ที่ไทย-กัมพูชา สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้จริง ซึ่งจะต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ
อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ กล่าวว่าใน MOU43 ยังกำหนดให้ไทยและกัมพูชา จะต้องงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสำรวจเขตแดน และหากเกิดปัญหาการตีความการบังคับใช้ MOU ทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะต้องมาเจรจากันตามที่ MOU กำหนดไว้ โดยไม่ได้มีการระให้บุคคลที่ 3 หรือหน่วยงานที่ 3 หรือหลีกเลี่ยงไปหากลไกอื่นมาร่วมแก้ปัญหา เพราะตาม MOU43 กำหนดว่าเรื่องปัญหาพื้นที่ ให้เป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศไทย-กัมพูชา และที่สำคัญ MOU43 ยังกำหนดให้ทั้งไทย-กัมพูชา จะต้องร่วมกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ เพื่อให้อนุกรรมาธิการ JTSC สามารถลงพื้นที่สำรวจเขตแดนในการจัดทำแผนที่ใหม่ได้อย่างปลอดภัย
นายเบญจมินทร์ ยังกล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้ยกเลิก MOU43 ว่าก็ไม่สามารถหนีข้อเท็จจริงตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 ได้ เพราะถือเป็นแม่บทกำหนดรายละเอียดไว้และไม่สามารถหนีแผนที่ 1 : 200,000 ได้ ถ้ายกเลิกก็ต้องกลับไปใช้เอกสารทั้งหมด ซึ่งถูกรวบรวมไว้ใน MOU43 หรือเป็นการกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ตามกลไกที่มีอยู่ และเป็นไปตามหลักสากล และอาจต้องมีการทำ MOU ใหม่ กลายเป็น MOU 68 รวมถึง MOU43 ยังเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์การไม่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นกฎสำคัญให้ทั้ง 2 ฝ่ายปฏิบัติตาม
สำหรับความคืบหน้าหลังการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา หลังการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติการทำหน้าที่ของ JTSC แล้ว เพื่อลงพื้นที่สำรวจเขตแดน จำนวน 29 หลัก จาก 74 หลัก ที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ พร้อมยืนยันว่ากลไกคณะกรรมาธิการร่วม JBC ไทย-กัมพูชา ตาม MOU43 ยังสามารถใช้งานได้ และเริ่มดำเนินการไปแล้วในการสำรวจการปักปันเขตแดน
ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมสภาในวันพฤหัสบดีที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธาน ได้มีการปิดการประชุมไปก่อน ที่ฝ่ายค้านเตรียมเสนอญัตติด่วน เพื่อขอให้สภาพิจารณาบันทึกความเข้าใจ MOU 43-44 ที่นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ ว่า จริงๆ แล้ว เราต้องบอกว่า การเสนอทำได้ แต่เวลาที่มาเจรจานั้น ต้องตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งวิปรัฐบาลและวิปค้าน วันนั้นตนก็เดินไปถามเอง ไม่ใช่วิปฝ่ายค้านเดินมาหาตน ว่าหากเร่งด่วนอย่างนี้ ก็ต้องมีการประชุมลับ ขณะเจรจา มีการพิจารณาเรื่องรายงานกองทุนสื่อสร้างสรรค์ ซึ่งเราไม่ทราบว่า มีผู้อภิปรายกี่คน และเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เขาก็ยังไม่มีการเข้ามาตกลง ประธานจึงเห็นว่าไม่มีเรื่องใหม่เข้ามา และไม่มีวาระต่อ จึงได้ปิดการประชุม
อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถเจรจากันได้ หากฝ่ายค้านอยากนำเรื่องญัตตินี้มาเจรจากัน ก็มาตกลงกันก่อน เพราะไม่ใช่ว่าประธานวิปจะตัดสินใจแทนพรรคอื่นได้ เราไปพรรคร่วมรัฐบาล จะทำอะไรก็ต้องปรึกษาหารือกัน พรรคอื่นจะ 30 หรือ 60 เสียง ก็ต้องปรึกษาหารือ ให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจได้ทันที โดยในวันนี้ตนก็จะถามในที่ประชุมวิปด้วย
ส่วนมีการตั้งข้อสังเกตเป็นการสกัดญัตตินี้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ มองว่า การพูดญัตตินี้ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร พูดจากันในสภาได้
“แต่คุณไม่มาตอบผมเอง ในการตกลงว่า จะเอาแบบไหน มันไม่ชัดเจน ประธานก็เลยปิด ไม่ได้ปิดหนี กลัวอะไร พูดดีก็เป็นศรีแก่พรรคท่าน ถ้าพูดในทางร้ายไม่เข้าใจเหตุผลก็จะเสียหาย วันนั้น พรรคผมก็ได้เชิญตัวแทนกระทรวงต่างประเทศเข้ามาชี้แจงด้วยซ้ำไป แล้วก็ได้รับความร่วมมือ ไม่ใช่ว่าหนี ไม่จำเป็นต้องหนี กลัวทำไม ใครพูดดี ก็ได้คะแนนไป ถ้าพูดทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเกี่ยวกับความมั่นคง และประเทศชาติบ้านเมือง ละเอียดอ่อน ต้องปรึกษาหารือกัน” นายวิสุทธิ์ กล่าว และว่า วันนี้พรุ่งนี้มาบอกได้เลย ถ้าคุณอยากจะเสนอญัตตินี้ ก็เข้ามา ยินดีไม่มีปัญหา พวกตนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เพราะก็เป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี