มติสภาเทคะแนนท่วมท้น311เสียง 'อนุทิน'นายกฯ ประกาศจะทำงานทุกวัน

มติสภาเทคะแนนท่วมท้น311เสียง 'อนุทิน'นายกฯ ประกาศจะทำงานทุกวัน

วันเสาร์ ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

มติสภาเทคะแนนท่วมท้น311เสียง

'อนุทิน'นายกฯ

ประกาศจะทำงานทุกวัน

ครม.‘หนู1’-ภท.12เก้าอี้

กธ.7ที่นั่ง-ยึดก.เกษตรฯ

สะพัด‘เศรษฐพุฒิ’คุมคลัง

 

สภาฯประชุมโหวต นายกฯคนที่ 32 ต้องเสียเวลาถก “เลื่อน–ไม่เลื่อน” โหวตนายกฯ สุดท้ายไฟเขียวให้โหวตนายกฯ ภท.เสนอชื่อ “อนุทิน” เพื่อไทยเสนอ “ชัยเกษม” ชิงก่อนเปิดอภิปรายหนุนทั้งสองคน ในที่สุด สภาโหวตเลือกให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ 311 เสียง ส่วน “ชัยเกษม” ได้ 152 เสียง งดลงคะแนน 27 คน “อนุทิน” ประกาศจะทำงานทุกวัน เปิดโผครม. “อนุทิน 1” ภท.วาง 12 เก้าอี้ แบ่งโควตา “คนนอก” 5 ตำแหน่ง สะพัด “เศรษฐพุฒิ” นั่ง“ขุนคลัง” “สุพัฒนพงษ์” คุม “พลังงาน” “สีหศักดิ์” นั่ง บัวแก้ว ขณะที่ “รมว.กลาโหม” รอเคาะระหว่าง กธ.กับ พปชร.


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยวันนี้มีวาระสำคัญที่ต้องจับตาคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ซึ่งจะมีการเสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย (พท.)

สำหรับบรรยากาศตั้งแต่มีการเปิดประชุม เป็นไปด้วยความราบรื่น มีสส.พรรคประชาชน เดินทางเข้าห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย มีประชุมพรรคตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00น. ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ขณะที่ นายอนุทิน ซึ่งถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เดินเข้าห้องประชุมอย่างอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ได้เดินทักทายเพื่อน สส.ไปทั่วห้อง โดยเข้าไปยกมือไหว้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และกลุ่ม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ทั้งนี้ วาระแรกที่เริ่มเป็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พรบ.) การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ..... ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการ

ถกเลื่อน -ไม่เลื่อนญัตติโหวตนายกฯ

เวลา 09.40 น. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอให้ที่ประชุมเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระ โดยเลื่อนเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้สส.พรรคเพื่อไทยเห็นแย้ง ซึ่งนายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายเห็นแย้งเนื่องจากต้องการให้พิจารณาเรื่องไปตามระเบียบวาระที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันนั้นการเลือกนายกฯ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากดังนั้นสส.ควรมีเวลาพิจารณาให้รอบคอบ ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่าเมื่อมีความเห็นแย้งจำเป็นต้องมีการลงมติตัดสิน ทว่าในจังหวะนั้นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หารือว่าควรเปิดให้ สส. ได้อภิปรายสนับสนุนความเห็นทั้ง 2 ประเด็นซึ่งเป็นตามธรรมเนียมของสภา

จากนั้นที่ประชุมจึงเปิดให้สส. อภิปรายสนับสนุนญัตติที่เสนอ ทั้งประเด็นขอเลื่อนวาระและไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระ ทั้งนี้ในความเห็นของฝ่ายที่คัดค้านมองว่า วาระเลือกนายกฯเป็นเรื่องสำคัญ และควรให้สส.พิจารณาให้ดี ต่อกรณีที่พรรคการเมืองที่มีบุคคลดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ สนับสนุนพรรคการเมืองที่จะเสนอแคนดิเดตนายกฯ ถือว่าฝ่ายค้านกำหนดแนวทางให้ฝ่ายบริหารไปทำ ขัดกับหลักการตรวจสอบถ่วงดุล ส่วนฝั่งที่สนับสนุนให้เลื่อนระเบียบวาระ อภิปรายในสาระ

ลงมติ313เลื่อนวาระ โหวตนายกฯ

เวลา11.30น.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตอนปี2562 พรรคเพื่อไทยโหวตให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ ปี2566 โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่พอทีเรา เขาไม่คิดโหวตให้ ขอตั้งคำถามการเมืองยุคใหม่ยังมีอยู่หรือไม่ หรือมีดีลปีศาจ โปรโมชั่น 4เดือน เพื่อช่วยคน 44คน หรือมีโปรโมชันส่งคนในโควตา หรือคนนอก แต่เป็นพรรคพวกใครหรือไม่ ไม่ได้กล่าวหา แต่แค่สงสัย

ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ขอเรียกร้องหัวหน้าและคณะผู้บริหารทุกพรรคว่า อยากให้ยืนยันว่า หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน และเลือกจบแล้ว จะอยู่เป็นองค์ประชุมและพิจารณากฎหมายจบทุกฉบับ เพราะมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อยืนยันต่อประชาชนว่า สภาเป็นหลักยึดให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่โหวตเลือกนายกฯเสร็จแล้วกลับบ้าน ขอส่งข้อเรียกร้องไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ลุกขึ้นมายืนยันว่า หลังโหวตนายกฯแล้ว จะพิจารณากฎหมายอื่นๆต่อ ไม่ได้มาเพื่อโหวตนายกฯอย่างเดียวแล้วกลับบ้าน ถ้ารับปากทำได้ ก็ไม่เสียหาย หากจะเลื่อนวาระการโหวตนายกฯมาพิจารณาก่อน

‘อนุทิน’ลั่นพร้อมอยู่โหวตก.ม.ทุกฉบับ

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นยืนยันต่อที่ประชุมว่า ตนและพรรคภูมิใจไทยจะอยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม ในการพิจารณาให้การพิจารณากฎหมายทุกวาระในวันนี้ และในอนาคตดำเนินไปด้วยความราบรื่นสมเจตนารมณ์ทุกคน

หลังจากอภิปรายมา 1ชั่วโมงกว่าๆที่ประชุมจึงลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนระเบียบวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อนด้วยคะแนน313ต่อ142งดออกเสียง4 ไม่ลงคะแนน5 โดยมีข้อตกลงให้อภิปราย2 ชั่วโมงแบ่งเป็นฝ่ายที่สนับสนุนนายอนุทิน1ชั่วโมง และ ฝ่ายที่สนับสนุนนายชัยเกษม 1ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก คือ จำนวน 247 เสียงขึ้นไป จาก 492 เสียง

กธ.เตือนอย่าทำประเทศถึงทางตัน

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระสส.ชัยภูมิ พรรคกล้าธรรมภิปรายว่า กล้าธรรม ที่ผ่านมาพรรคกล้าธรรมทำหน้าที่สนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทยอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน และยุคน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เพราะเชื่อว่าประเทศชาติต้องการเสถียรภาพและประชาชนต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชน วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ การเมืองไม่นิ่ง และพรรคการเมืองก็ไม่ควรยึดติดอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าหากสิ่งนั้นทำให้ประเทศของเราเดินหน้าไปสู่ทางตัน

“พรรคกล้าธรรมจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะพาประเทศชาติไปสู่ทางออกของความไม่มีเสถียรภาพทางด้านการเมือง ทางด้านนโยบายสำคัญที่สุดเราไม่อาจปฏิเสธความต้องการของประชาชนที่คาดหวังว่าสภา ณ แห่งนี้จะรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนให้เร็วที่สุดให้ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ การสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเลือกบุคคลหนึ่งขึ้นมาบริหารบ้านเมือง แต่คือการเลือกที่จะพาประเทศก้าวข้ามความไม่แน่นอนที่สะสมในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่พรรคกล้าธรรมทำคือให้ความสำคัญกับการเปิดประตูไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญและคืนอำนาจให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด”นายอัครแสนคีรี กล่าว

‘อดิศร’ปูดทุ่ม2พันล้านซื้อนายกฯ

จากนั้น นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีข่าวลือหนาหูเหม็นคลุ้งในสภาฯ ถึงการจะมาเป็นนายกฯคนที่ 32 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีการใช้เงิน 1,500-2,000 ล้านบาท เป็นเรื่องไม่สบายใจ ที่นายกฯ คนต่อไปจะถูกตราหน้าตามข่าวลือ นายอนุทินต้องเคลียร์เรื่องนี้ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยหายไป 8 คน ใครๆก็รู้ เป็นอะไรถึงไป อยากทราบว่าตัวเลขจริงๆที่ไปรองรับให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ใช้เท่าไร รับแรกสุด 10 ล้าน โหวตวันนี้รับอีก10+10 รวมเป็น 30 ล้าน จริงหรือไม่พรรคการเมืองที่ไปสนับสนุนท่าน บางพรรคไม่เคยมีชื่อหาเสียงเลือกตั้ง แต่อยู่ๆ มารวมตัวหนุนนายอนุทิน ทำให้สส.ภูมิใจไทยประท้วงใส่ร้ายป้ายสี ให้หาหลักฐานมาพิสูจน์

นายอดิศร อภิปรายอีกว่า อยากได้นายกฯใสสะอาด ขอให้ไปสาบานวัดพระแก้วฯว่าไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ ตนมาโดยบริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ให้มีอันเป็นไปใน 7 วัน 9 วัน เพราะหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ เมื่อเทียบชื่อเสียง นิ้วต่อนิ้ว เซ็นต่อเซ็นแล้ว นายอนุทินสู้นายชัยเกษมไม่ได้ พรรคที่ไปสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบ หากมีการซื้อเสียงให้เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

“ส้มเท้งค้ำยันเขากระโดง ผูกโยงฮั้ว ส.ว.ไว้ปลายเสา ขัดสีฉวีวรรณให้มันเงา ย่องเบาอำนาจอธิปไตย นี่คือการย่องเบาอำนาจอธิปไตย ปล่อยให้คนแบบนี้เป็นนายกฯ ไม่ได้” นายอดิศร กล่าว

‘อ๋อย’ซัดข้ามขั้วขัดหลัดการรัฐสภา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.อภิปรายสนับสนุนนายชัยเกษม พร้อมแสดงเหตุผลที่นายอนุทินไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯว่า พรรค ปชน.จะโหวตสนับสนุนนายอนุทิน แต่จะไม่มีใครอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ห้ามพรรค ภท.รวมเสียงข้างมากในสภา หมายความว่าต้องการให้พรรค ภท.เป็นรัฐบาลแบบลูกไก่อยู่ในกำมือของพรรค ปชน.นานไปอาจจะมีเหตุการณ์หนูเปล่านะ เขามาเอง อาจมีเสียง ส.ส.สนับสนุนให้จนเป็นเสียงมากได้ การจะเป็นรัฐบาลด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ ขัดหลักการระบบรัฐสภา ของระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง และจะทำให้เกิดผลเสียตามมาต่อประเทศอย่างร้ายแรง หลักการของระบบรัฐสภาคือเลือกบุคคลเป็นนายกฯ จากบัญชีของพรรคการเมือง พร้อมลงมติแบบเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนรับรู้ว่า ส.ส.คนไหน พรรคไหนสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ตรงกับที่ประกาศกับประชาชนหรือไม่

เมื่อบุคคลนั้นได้เป็นนายกฯ ส.ส.และพรรคต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองได้ทำไป แต่ปัญหาคือ พรรค ปชน.ระบุว่าจะไม่มีคนอยู่ใน ครม.แม้แต่คนเดียว หมายความว่าจะยกมือให้ แต่ไม่มีส่วนกำหนดนโยบายรัฐบาล หากเป็นเช่นนี้การตรวจสอบรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ท่านบอกว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงตั้งคำถามว่าจะทำได้จริงหรือไม่ การที่ผู้นำฝ่ายค้านอยู่ใน2สถานะเช่นนี้ จะเป็นฝ่ายค้านที่น่าเชื่อถือได้อย่างไร พรรคประชาชนอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อ ผู้นำฝ่ายค้านแท้ๆ เรียกร้องให้สมาชิกในสภาอยู่ในที่ประชุมเพื่อพิจารณากฎหมาย เมื่อวานซืนท่านพูดอยู่หยกๆว่า องค์ประชุมเป็นเรื่องรัฐบาล ถ้าท่านอนุทินได้เป็นนายกฯ องค์ประชุมไม่ครบสภาล่ม มีกฎหมายสำคัญเข้ามาสภาล่มจะทำอย่างไร พรรคประชาชนบอกว่าจะเป็นองค์ประชุมให้เพื่อให้สภาเดินหน้าต่อ

‘ปชน.’ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้

นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า มองว่าพฤติกรรมเช่นนี้คือ พฤติกรรมของการเป็นฝ่ายรัฐบาล อยู่ในสภาพที่ต้องประคับประคองรัฐบาล เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าพรรค ปชน.จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะแบ่งเวลาอย่างไร เราจะยอมให้ผู้นำฝ่ายค้านสรุปการอภิปรายไม่ไหววางใจได้อย่างไร ในเมื่อท่านเป็นผู้ร่วมเลือกรัฐบาลนี้มา ฉะนั้น พรรค ปชน.จึงไม่สามารถทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลได้ พรรค ปชน.ไม่สามารถอยู่ในสถานะที่ทัดทานได้ รัฐบาลออกนโยบายอะไรมา พรรค ปชน.ไม่สามารถคัดค้านได้ นายอนุทินขาดคุณสมบัติเนื่องจากมีบารมีมากไป หรือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอานุภาพมาก ขนาดยังไม่ได้เป็นนายกฯ คนก็คาดการณ์ว่าจะได้เป็นนายกฯ การรถไฟแห่งประเทศไทยยังขอเลื่อนการร้องทุกข์คดีเขากระโดงออกไปอย่างไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผลว่ารอรัฐมนตรีคนใหม่เสียก่อน หากเป็นอย่างนี้ภาพพจน์นักการเมืองที่เสียหายตกต่ำอยู่แล้วก็จะยิ่งตกต่ำต่อไป เป็นปัญหาของประเทศและระบอบประชาธิปไตย

‘วิทยา’เย้ยไม่แก้หมวด-1-2ใช่หรือไม่

นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ตนได้อ่านประวัตินายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทย ทั้งหมด นายชัยเกษม ลาออกจากสส.เมื่อเดือนต.ค. 66 ซึ่งการลาออกวันนั้นคือปัญหาสุขภาพ โดยตนได้ติดตาม บางครั้งท่านก็ยืนยันว่าสุขภาพดี แต่บางครั้งท่านก็แสดงอาการว่าไม่พร้อมรับตำแหน่ง และจากที่ติดตามเมื่อวาน (4 ก.ย.) เป็นครั้งแรกที่ตนเห็นนายชัยเกษมนั่งแถลงข่าว และมีตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันนั่งรายล้อม ท่านก็อ่านตามโพยทั้งหมด แต่เสนอตัวเลือกพิเศษคือเลือกท่านเป็นนายกฯแล้วจะยุบสภาทันที ตนจึงสงสัยว่าปัญหาเร่งด่วนของบ้านเมืองตอนนี้คือปัญหาเรื่องอะไร 1. ประเทศนี้ไม่มีรัฐบาล 2. ที่เป็นปัญหาประชาชนรู้สึกมากที่สุดคือปัญหาเรื่องอธิปไตยไทยกับเขมร ตนจะถามท่านก็ถามไม่ได้ เพราะท่านไม่ได้เป็นสมาชิกในสภาฯ ฉะนั้น ตนคิดว่าข้อเสนอที่ท่านมาเพื่อยุบสภาอาจจะสนองอารมณ์คนบางคนที่อยากทำ แต่ตนคิดว่าไม่ใช่การรับในการแก้ปัญหา

นายวิทยา กล่าวอีกว่า ตนไม่สามารถถามนายชัยเกษมได้ เพราะท่านไม่ได้อยู่ในสภาฯ ได้ยินแต่ท่านพูดถึงนโยบายเรื่องยุบสภา ฉะนั้น จึงขออนุญาตว่าตนยังไม่ตัดสินใจจริงๆ มองว่าพรรคอันดับ 3 ชอบธรรมแล้ว ที่จะตั้งรัฐบาล เพราะพรรคที่เป็นอันดับ 2 ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้แล้วตามข่าวที่ปรากฏ แต่ตนยังติดใจ หากพรรคอันดับ 3 ยืนยันกับตนต่อหน้าสภาฯได้หรือไม่ ว่าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด2 ถ้าท่านยืนยันต่อสภาฯแห่งนี้ ตนจะตัดสินใจทันที

‘เท้ง’ยันเลือกมายุบสภาไม่ได้มาบริหาร

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า ท่านไม่คิดหรือว่าช่วงเวลา 4-6 เดือนต่อจากนี้ สภาชุดนี้จะเป็นหนึ่งชุดในประวัติศาสตร์ไทย ที่ฝ่ายค้านมีความเข้มแข็งมากที่สุด ตราบใดที่พรรคประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ยืนยันจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้บวกเลขเรามี 280กว่าเสียง ทำไมเราจะเดินหน้าทางออกของประเทศยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ วันนี้เชิญชวนเพื่อนสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่รู้สึกว่าเรามีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน ทำฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง เดินหน้าตามที่พรรคประชาชนได้ให้เซ็นสัญญาเอาไว้ คือยุบสภาเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดินหน้ากระบวนการประชาธิปไตยในประเทศใหม่ดีหรือไม่ การตัดสินใจของพรรค พื่อนสมาชิกบางส่วนห่วงว่า พวกเรากำลังจะไปสนับสนุนฝั่งอนุรักษ์นิยมทำลายระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ตนไม่ขอพูดอะไร แต่ระยะเวลา 4-6เดือนจากนี้ ตนในฐานะฝ่ายค้านจะร่วมกันพิสูจน์ว่า วันนี้เราตัดสินใจเดินหน้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยจริงๆ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พวกตนมี143เสียง ทำไม่ได้

ความชัดเจนต่อจากนี้ บางอย่างอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ นายอนุทิน ไม่สบายใจบ้าง แต่ยืนยันว่าพวกเราให้ความเคารพกับเพื่อนสมาชิกเท่าเทียมกัน เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกคนต้องยอมรับคือ 1.เราไม่ได้เลือก นายอนุทิน มาบริหารประเทศ แต่เลือกมายุบสภา ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกัน 2.พรรคประชาชน ตัดสินใจเลือก นายอนุทิน เพราะเราได้เซ็นข้อตกลงกัน5ข้อ เปิดเผยต่อสาธารณะและMOA ก็เปิดให้ทุกคนในประเทศได้อ่าน นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดภายใต้ 4เดือนนี้ ที่รัฐสภาจะเปิดช่องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้ทัน เปิดช่องให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งครั้งแรก ถามว่ามีโอกาสไหนจะดีเท่าตอนนี้อีก ในการที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 ผมต้องร่วมมือกับพเพื่อไทย ถ้าเพื่อไทยเห็นด้วยที่จะทำให้มีการปฏิบัติตามMOAและเปิดประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญ พวกเรา2พรรคยืนยันกันได้อย่างเต็มปากหรือไม่ ผมตอบแทนเพื่อสมาชิกของผม143คนได้ว่า ไม่มีใครเป็นงูเห่า ท่านตอบได้หรือไม่ถ้าท่านตอบได้เดินหน้าสู่ทางนี้แน่นอนไม่มีทางอื่น

‘หนู’ชนะ311ต่อ152งดออกเสียง27

เวลา 14.57น.ที่ประชุมได้เริ่มขานชื่อเรียงตามตัวอักษรว่า เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง ไม่ลงคะแนน เวลา 15.50น.ผลการลงมติแบบขานชื่อ

จากนั้นเวลา 06.06 น.นับคะแนนเสร็จ ผลปรากฏว่า นายอนุทินชนะนายชัยเกษม ด้วยคะแนน 311 ได้ขัยเกษม 152 งด ออกเสียง 27เสียง ถือว่า นายอนุทิน ได้เป็นนายกฯคนที่32 ซึ่งคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่จำนวน 492คน

‘เฉลิม-เอกนัฎ’โหวตให้’อนุทิน’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการโหวตเลือกนายกฯในครั้งนี้ พบกลุ่ม สส.งูเห่า ที่อยู่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมและโหวตให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.เพื่อไทย , นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ สส.รวมไทยสร้างชาติ , นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.รวมไทยสร้างชาติ , นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.รวมไทยสร้างชาติ , นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.รวมไทยสร้างชาติ นายประสาท ตันประเสริฐ สส.ชาติพัฒนา , นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.ประชาธิปัตย์ , นายราชิต สุดพุ่ม สส.ประชาธิปัตย์ , นายรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.ไทยสร้างไทย , นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.ไทยสร้างไทย , นางสุภาพร สสับศรี สส.ไทยสร้างไทย , นายหรั่ง ธุระพล สส.ไทยสร้างไทย , นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.ไทยสร้างไทย

ส่วน สส.ฝ่ายค้านที่โหวตให้กับนายชัยเกษม นิติสิริ ประกอบด้วย นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.พลังประชารัฐ , นายอนันต์ ผลอำนวย สส.พลังประชารัฐ สำหรับ สส.ที่งดออกเสียง ประกอบด้วย นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.รวมไทยสร้างชาติ , นายวิทยา แก้วภราดัย สส.รวมไทยสร้างชาติ , พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.รวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ สส.ที่ไม่เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย น.ส.ปิยะนุช ยินดีสุข สส.เพื่อไทย , น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคประชาชน

‘พท.’พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

เวลา 16.24น.สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า“พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป”

ม็อบสองขั้วปักหลักฟังผลหน้ารัฐสภา

สำหรับบรรยากาศบริเวณด้านหน้าศูนย์ราชการกรุงเทพ เกียกกาย บรรยากาศการเมืองไทยตึงเครียดหนักขึ้นอีกขั้น ท่ามกลางสายตาจับจ้องของประชาชนทั่วประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยมีวาระสำคัญคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ตามมาตรา159 ของรัฐธรรมนูญ

ขณะที่บรรยากาศสถานการณ์ภายนอกอาคารรัฐสภา สถานการณ์ไม่ต่างจากในสภา เมื่อสองกลุ่มการเมืองใหญ่ต่างออกมาแสดงพลัง“รวมพลังแผ่นดินฯ”ยืนยันคัดค้านการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ขณะที่“มวลชนคนเสื้อแดง”ได้รวมตัวแสดงพลังสนับสนุนเพื่อไทยและคัดค้านการโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังรัษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มข้น

สภาฯทูลเกล้าฯชื่อ‘หนู’นายกฯ6ก.ย.

                 เมื่อเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ลงนามรับรองชื่อนายอนุทินและจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯในวันที่ 6 ก.ย.นี้  เพื่อรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯตามขั้นตอนต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top