ไทยคุยเขมรราบรื่น ถกจีบีซีเห็นชอบ5ข้อตกลง กัมพูชารับปากร่วมกู้ระเบิด

ไทยคุยเขมรราบรื่น ถกจีบีซีเห็นชอบ5ข้อตกลง กัมพูชารับปากร่วมกู้ระเบิด

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ไทยคุยเขมรราบรื่น
ถกจีบีซีเห็นชอบ5ข้อตกลง
กัมพูชารับปากร่วมกู้ระเบิด

“บิ๊กเล็ก” นำคณะผู้แทนระดับสูงร่วมถก จีบีซีไทย-เขมร สมัยพิเศษที่จังหวัดเกาะกง เห็นชอบ 5 ข้อตกลงแก้ปัญหาชายแดน เขมรเปลี่ยนท่าทีตอบรับโดยดีทั้ง“ถอนกำลัง/อาวุธหนักพ้นพื้นที่–ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ดำเนินการภายใน 1 เดือน–ปราบ สแกมเมอร์ 60 แห่ง -จัดระเบียบบ้านหนองจาน - เล็งเปิดด่านจันท์-ตราด ให้เฉพาะขนส่งสินค้า ยังห้ามบุคคลผ่าน” โดยให้หน่วยในพื้นที่ไปหารือแผนปฎิบัติการให้เป็นไปตามข้อตกลง จีบีซีเกาะกง ด้าน บิ๊กเล็ก แจง ปท.ที่สามบีบเปิดด่าน“จันท์-ตราด” ชี้ถ้าสังคมต้าน พร้อมปรับวิธีการ วอนเห็นใจรัฐบาล ปมบ้านหนองจาน ต้องใช้เวลาแก้ไข

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 10 กันยายน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชาหรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา


จีบีซีไทย-เขมรราบรื่นเห็นชอบ5ข้อตกลง

ที่โรงแรมเซ็นทารา ชานทะเลแอนด์วิลล่า จ.ตราด พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามผลประชุมจีบีซี ที่มาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไป เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขนำพื้นที่ชายแดนได้ถาวร การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาระหว่างกัน และยืนยันทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางต่อไป ถึงแม้มีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยและประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เป็นไปอย่างเดิมอยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ มี 5 ประเด็นสำคัญคือ

ถอนกำลัง/อาวุธหนัก-กู้บึ้ม-ปราบสแกมเมอร์

1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ ทำแผนและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์(IOT)มาสังเกตการณ์ 2. การเก็บกู้วัตถุระเบิด จะตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการจีบีซี และศูนย์ทุ่นระเบิดในกัมพูชาใน 1 สัปดาห์ เพื่อทำแผนเก็บกู้ถูกระเบิด และแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน

3 การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ มอบให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศ ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ ทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ไทยส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซนเตอร์ 60 แห่งให้กัมพูชาไปปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน โดยผู้แทนตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาหารือกันนอกรอบ เพื่อนัดประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว กำหนดวันที่ 16 กันยายนที่จ.สระแก้ว

เล็งผ่อนปรนเปิดด่านบางจุดที่จันท์-ตราด

4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม( เจบีซี) ไทยกัมพูชา หารือให้ชัดเจน และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบจีบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ถ้าโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาลักษณะเดียวกัน

5.หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และ ระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบให้กลไกอาร์บีซีไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาความมั่นคง อาจเริ่มที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด

เขมรตอบรับกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

“นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาสัมพันธ์การประชุมจีบีซีครั้งนี้คือ ทั้งสองฝ่ายกำหนดแนวทางดำเนินการ 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว ซึ่งการประชุมจีบีซี ครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30วัน โดยไทยเป็นเจ้าภาพ”พล.อ.ณัฐพลกล่าว

และย้ำว่า ไทย-เขมรไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงจำเป็นที่สองประเทศต้องแก้ปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข โดยเมื่อวานนี้ได้รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ที่เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ประชาชน ซึ่งตนมีวิธีบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ

แบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียด

โซนที่หนึ่ง มีความตึงเครียดสูงสูงคือพื้นที่กองทัพภาค2 ประกอบไปด้วยอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์บุรีรัมย์เป็น โซนที่สอง คือ สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่1 โซนที่สาม คือ จันทบุรีและตราดมีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนว ความคิดผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้าง จึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบให้กองกำลัง จันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการด้านความมั่นคง ให้ประสานในพื้นที่กับกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสนับสนุนข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน

จี้เขมรแก้ปมป่วนบ้านหนองจาน

พล.อ.ณัฐพลกล่าวด้วยว่า ก่อนประชุมตนหารือกับพลเอก เตรีย เซรย ฮา แบบโฟว์อาย ตนพูดสองประเด็นคือ สาส์น ของพลเอก ฮุนมาเนต ที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูร นายกรัฐมนตรีของไทย แสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่ง โดยข้อความแสดงถึงท่าทีนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ นายกฯจึงอยากทราบแนวทางความคืบหน้าการหารือวันนี้

“ผมได้คุยกับท่านเตีย เซียฮา ว่าประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราวันนี้คือ เรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับ บ้านหนองจานขอความกรุณาให้กัมพูชาตอบรับเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผลประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาในการดำเนินการตามผลประชุมวันนี้หรือไม่”พล.อ.ณัฐพลกล่าว

จับมือขจัดเฟกนิวส์ลดความเกลียดชัง

พล.อ.ณัฐพลยังให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เรื่องปัญหาเฟกนิวส์ ที่อาจกระทบความสัมพันธ์ของประชาชนสองประเทศว่า การประเมินปัจจุบันในภาพรวมลดลง ซึ่งในที่ประชุมได้หารือเรื่องเฟกนิวส์ ที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศ มีทัศนคติไม่ดีต่อกัน จึงขอความร่วมมือลดเฟกนิวส์ ป้องกันประชาชนทั้งสองประเทศเกลียดชังกัน ซึ่งการตรวจสอบเรื่องเฟกนิวส์ มีคณะกรรมการที่เป็นเลขาจีบีซีดูแลอยู่แล้ว

ปท.ที่3บีบเปิดด่านจันท์-ตราดให้ขนส่งสินค้า

พล.อ.ณัฐพลยังชี้แจงเพิ่มเติมการผ่อนปรนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำว่าไม่ได้ผ่อนปรนบุคคล แต่เป็นการผ่อนปรนขนส่งสินค้า ซึ่งในส่วนบุคคลยังไม่สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ ขณะที่รถขนส่งสินค้า ก็ไม่ได้ปล่อยแบบจำกัดเสรี มีการจำกัดจำนวนและตนได้พูดคุยพล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หรืออาจใช้วิธีการเหมือนครั้งที่แล้วคือ การกำหนดจำนวนเที่ยว

“แต่หากสังคมยังไม่ยอมรับ ก็อาจผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2-3 เที่ยว แต่หากสังคมเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนได้ ก็อาจผ่อนปรนเป็น 20- 30 เที่ยวก็ว่าไป หรือหากไม่ได้เลยก็ต้องพิจารณากันใหม่ ขอชี้แจงว่า ต้นเหตุการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชาขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย”พล.อ.ณัฐพลกล่าว และว่า ส่วนการรุกล้ำพื้นที่จะใช้กรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นพื้นที่นำร่อง ขอให้เห็นใจรัฐบาล เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดมานานแล้ว แต่ปัจจุบันสังคมอยากให้แก้ให้ได้โดยเร็ว วันนี้ได้รับการตอบรับจากกัมพูชา ต้องนำแผนที่ไปให้กัมพูชาตรวจสอบ ซึ่งกรณีเรื่องเขตแดนฝ่ายเขมร ต้องการให้เข้าเวทีเจบีซีก่อน ให้ดำเนินการในพื้นที่ที่ชัดเจนแล้ว

ทบ.โต้เขมรล้อมรั้วในเขตไทยไม่ละเมิดหยุดยิง

ด้านพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกแถลงตอบโต้กรณีกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมกัมพูชาเรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กดดันไทยยุติการรุกล้ำและการล้อมรั้วในเขตเขมรเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เกรงทำให้เกิดความขัดแย้งด้วยอาวุธอีกครั้งว่า กองทัพบกยืนยันทุกปฏิบัติการทางทหาร เป็นไปตามสิทธิและขอบเขตที่กำหนดตามหลักสากล ไม่เคยรุกล้ำพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะที่กัมพูชากล่าวอ้างเรื่องวางรั้วลวดหนาม ทหารในพื้นที่ดำเนินการในเขตประเทศไทย เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันประเทศ และดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน ตามกฎบัตรสหประชาชาติ แต่ทางกลับกัน เขมรยังละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ให้ไว้ตลอดเวลา ทั้งลักลอบมาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตประเทศไทย เพื่อหวังทำร้ายทหารไทย สร้างสถานการณ์ยั่วยุ เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณะและนานาชาติ ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า เขมรเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง และพยายามเพิ่มความตึงเครียดของสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชามากขึ้น ขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงมาตลอด

ส่วนประเด็นพบการรุกล้ำของคนเขมรมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่อดีตและไม่ยอมกลับประเทศ ได้แก่ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง รวมทั้งบ้านบึงตะกวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ไทยประท้วงไปหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจัดระเบียบพื้นที่จากเขมร เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่เป็นธรรมให้คนไทยมาก เสียประโยชน์ในที่ดินทำกิน ถ้ากัมพูชาต้องการร่วมแก้ปัญหาจริงจัง ควรนำมาหารือในเวทีประชุมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงใจ แทนที่จะให้ข้อมูลที่บิดเบือน

‘บุ๋ม-ปนัดดา’ฟาด’มาลี’จากนี้พูดแต่ความจริง

น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวหลังประชุม GBC โดยยอมรับว่า ตื่นเต้นที่ได้เข้ามาประชุมจีบีซีครั้งแรก มาในกัมพูชา และรอเจอใครบางคนด้วย แต่ไม่ได้เจอ ทหารมามาก แต่มาด้วยสีหน้าไม่ตึงเครียดเท่าที่คิด ก่อนหน้านี้คิดว่าการประชุมจะตึงเครียด สีหน้าบึ้งตึงใส่กัน กลายเป็นว่ามาคราวนี้แปลก ทุกคนมีสีหน้าผ่อนคลาย และจริงจังในการแก้ปัญหา หรือพูดได้ว่าผิดคาด อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เจอพล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชา อย่างที่ทุกคนคาดหวัง อยากฝากบอกว่าไม่ต้องแถลงข่าวอะไรอีก จากนี้เป็นไปตามข้อตกลงจีบีซี เราต้องพูดแต่ความจริง ยอมรับว่าสื่อเขมรถ่ายคลิปตนไปเยอะมาก

‘ไชยชนก’นั่งปธ.กมธ.ศึกษาMOU43-44

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ MOU2543-2544 ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชานัดแรก เพื่อเลือก กมธ. ปรากฏว่า นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้รับตำแหน่งประธาน กมธ. ส่วนรองประธานประกอบด้วย 1.นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ 2.นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย 3. นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน 4. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และ5.นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top